“ก่อนที่เราจะขับเคลื่อนแนวคิด Smart Block ในพื้นที่บริเวณศูนย์ขนส่งผู้โดยสารจังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ของเมือง คณะกรรมการกฎบัตรนครสวรรค์และสมาคมผังเมืองไทย ใช้เวลาหนึ่งปีแรกไปกับการแก้ไขผังเมืองรวมเฉพาะจุด ปลดล็อคพื้นที่บริเวณนี้ให้สามารถมีการก่อสร้างอาคารที่มีความสูงและขนาดไม่จำกัด นั่นทำให้เครือเซ็นทรัลและเครือโรงพยาบาลสินแพทย์ตัดสินใจลงทุนทำศูนย์การค้าและโรงพยาบาลขนาดใหญ่แห่งใหม่ของเมือง ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างในเวลานี้
กับคำถามที่ว่าโครงการวิจัยที่เราได้รับทุนจาก บพท. เป็นการเอื้อกลุ่มทุนใหญ่ ซึ่งอาจส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการรายเล็กๆ ที่มีอยู่เดิมของเมืองหรือไม่? ผมขออธิบายเช่นนี้
ก่อนอื่น ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา คณะนักวิจัยของเราได้จัดวงเสวนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับชาวนครสวรรค์ทุกภาคส่วนทั้งรัฐ เอกชน และชุมชน ผ่านกระบวนการ social collaboration มาเกือบ 20 ครั้ง เราแชร์บทเรียนเกี่ยวกับเมืองกันทุกเรื่อง และส่วนใหญ่ก็ต่างเห็นตรงกันว่าเมืองเราจำเป็นต้องมีการเปิดให้มีการลงทุนขนาดใหญ่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และสอดรับไปกับโอกาสทางการคมนาคมขนส่งทั้งรถไฟความเร็วสูง หรือรถไฟรางคู่เส้นใหม่ที่เชื่อมเข้าไปถึงเมียนมาร์ในอนาคต
ขณะเดียวกัน จริงอยู่ การเกิดขึ้นของศูนย์การค้าขนาดใหญ่ในย่านใหม่ อาจส่งผลกระทบต่อย่านการค้าดั้งเดิมของเมือง แต่กฎบัตรนครสวรรค์ก็คำนึงถึงการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนที่ได้ประสิทธิภาพและครอบคลุมทั้งเขตเทศบาล รวมถึงการนำโมเดล Smart Block มาใช้ในย่านเศรษฐกิจแห่งต่างๆ ทำให้การเดินทางในเมืองทั้งทางรถสาธารณะและการเดินเท้าเป็นไปได้อย่างสะดวกคล่องตัว
ทีนี้การมีศูนย์การค้าขนาดใหญ่ของเมือง แน่นอน มันย่อมดึงดูดให้คนมาใช้บริการอยู่แล้ว หากเมื่อเมืองหรือย่านต่างๆ ได้รับการออกแบบทัศนียภาพให้สวยงาม โดยเฉพาะการมีทางเท้าที่เอื้อต่อการสัญจร สิ่งนี้จะทำให้คนไม่คิดว่าจะต้องขับรถเข้าห้างสรรพสินค้าอย่างเดียว หรือคุณขับรถมาห้าง คุณอาจไปจอดรถนอกห้าง และเดินเท้าจากที่จอดผ่านร้านรวงรอบๆ ห้างซึ่งมีการออกแบบให้สวยงามน่ามอง นั่นก็เป็นการกระจายรายได้ให้กับผู้ประกอบการท้องถิ่น ไม่นับรวมการมีขนส่งมวลชนสาธารณะที่ได้ประสิทธิภาพ ยังนำพาเม็ดเงินกระจายไปยังย่านต่างๆ ทั่วเมือง
สิ่งนี้ผมขอเรียกว่าเศรษฐกิจตัวใหญ่เลี้ยงน้องเล็ก ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือการมีฟิวเจอร์พาร์ครังสิตที่ปทุมธานี ที่ทำให้เกิดการกระตุ้นการค้าปลีกรอบๆ รวมถึงการเกิดขึ้นของสถานีรถไฟสายสีแดงเชื่อมเข้ากรุงเทพฯ ชั้นใน แต่น่าเสียดายอยู่หน่อยตรงที่ยังไม่มีการทำเส้นทางการเดินระหว่างสถานีรถไฟไปยังห้างสรรพสินค้าที่สมบูรณ์ เพราะอาจจะขาดการวางผังไว้แต่แรก ถ้าอย่างน้อยๆ มีการสร้างสกายวอล์คเชื่อมเข้าหากัน เศรษฐกิจโดยรอบเส้นทางเดินนั้นก็จะเติบโตขึ้นอีกมาก
กลับมาที่นครสวรรค์ ผมเห็นความเป็นไปได้ในการใช้สถานี บขส. เป็นพื้นที่ mix-use อาจเป็นศูนย์กลางด้านสมาร์ทซิตี้ของเมือง ชั้นบนเป็นศูนย์ไอทีควบคุมการจราจร ชั้นล่างเป็นศูนย์บริการ รถทัวร์ที่วิ่งระหว่างจังหวัดก็มีต่อไป ขณะที่รถประจำทางที่วิ่งในเมืองก็มาใช้ที่นี่เป็นจุดจอดกลาง เป็นต้น
ขณะเดียวกันเราก็ไปคุยกับเซ็นทรัลว่าคุณควรต้องลงทุนทำทางเดิน (walkway) สวยๆ เดี๋ยวกฎบัตรนครสวรรค์จะช่วยออกแบบ สร้าง circulation ให้กับย่าน ไปคุยกับจังหวัดให้มีการเอาสายไฟลงดิน ลงต้นไม้ ทำทางเท้าให้เป็น universal design ให้ย่านนี้เป็นต้นแบบของย่านอัจฉริยะที่ทำให้ผู้ประกอบการดั้งเดิมไม่เพียงขายของได้แต่ยังขายดีขึ้นด้วย หรือผู้พักอาศัยก็ยังมีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีความสุข
ทั้งนี้ย่านสถานีขนส่งผู้โดยสารเป็นเพียงหนึ่งในอีกหลายๆ โครงการที่เราขับเคลื่อนในพื้นที่ต่างๆ ทั่วเมือง เรายังทำเรื่องมาตรฐานอาคารใหม่ (WELL Building Standard) เอื้อต่อสุขภาวะของผู้ใช้งานและมีความยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อม โดยนำร่องในโรงแรมและโรงพยาบาลชั้นนำของเมือง
ยังมีเรื่องสมาร์ทฟาร์มและอาหารปลอดภัยแก่เครือข่ายพี่น้องเกษตรกรของจังหวัด การชี้ชวนให้นักธุรกิจในเมืองเห็นภาพของการสร้างศูนย์ประชุมของเมือง ยกสถานะให้นครสวรรค์เป็น MICE City ของโซนภาคเหนือตอนล่างและภาคกลางตอนบน ไปจนถึงการหา platform ใหม่ๆ เพื่อจูงใจลูกหลานชาวนครสวรรค์ให้กลับมาสานต่อกิจการหรือทำธุรกิจใหม่ๆ ให้กับบ้านเกิดของพวกเขา เป็นต้น
ทั้งหมดทั้งมวล อาจเรียกได้ว่าเป็นการจุดประกายและหาวิธีฝังกลไกการพัฒนาไปยังภาคส่วนต่างๆ ซึ่งต้องยกเครดิตให้กับเทศบาลนครนครสวรรค์ที่เปิดให้เราเข้ามาร่วมงานอย่างเต็มที่ และใช้กรอบของกฎบัตรในการกำหนดทิศทางการพัฒนาเมือง
ซึ่งสิ่งนี้สำคัญ เพราะเมื่อกลไกถูกฝังลงไปแล้ว ต่อให้ผู้บริหารเมืองในอนาคตจะไม่ใช่ชุดนี้หรือไม่ได้มีศักยภาพเท่านี้ แต่ทิศทางการพัฒนาของเมืองก็จะยังคงอยู่ในรูปรอยเช่นนี้ต่อไป ผ่านนโยบายและแผน เครือข่ายความร่วมมือของภาคเอกชนและสถานศึกษา รวมถึงวิสัยทัศน์ที่สอดคล้องกันของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของเมือง”
ธรรมรงค์ ราชามุสิกะ
อุปนายกสมาคมผังเมืองไทยและกรรมการกฎบัตรไทย
พลังคน พลังโคมลำพูน: เมืองเล็ก ๆ ที่เปี่ยมไปด้วยพลังสร้างสรรค์ แม้ ดร.สุดารัตน์ อุทธารัตน์ เป็นคนเชียงใหม่ เธอก็หาใช่เป็นคนอื่นคนไกลสำหรับชาวลำพูนเพราะก่อนจะเข้ามาขับเคลื่อนงานวิจัยเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาดกับเทศบาลเมืองลำพูน เธอได้ทำวิจัยเกี่ยวกับเมืองแห่งนี้มาหลายครั้ง โดยเฉพาะโครงการขับเคลื่อนเยาวชนเพื่อเตรียมพร้อมสู่การเป็นพลเมืองของเมืองแห่งการเรียนรู้ของ UNESCO ในปี 2566-2567 - นั่นล่ะ…
“เป็นสิ่งวิเศษที่สุด ที่ผ้าไหมของจังหวัดลำพูนได้ปรากฏต่อสายตาผู้คนทั้งในและต่างประเทศ ทั้งเมื่อครั้งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงให้การส่งเสริม และทรงฉลองพระองค์ด้วยผ้าไหมยกดอกลำพูนในพระราชพิธีสำคัญต่าง ๆ และกระทั่งในปัจจุบัน สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 10 ก็ทรงส่งเสริมผ้าไหมไทย และฉลองพระองค์ด้วยผ้าไหมยกดอกลำพูนในพระราชพิธีสำคัญเช่นกัน ดิฉันเป็นคนลำพูน มีความภูมิใจในงานหัตถศิลป์การทอผ้าไหมยกดอกนี้มาก ๆ และตั้งใจจะรักษามรดกทางวัฒนธรรม ทำหน้าที่ส่งต่อถึงคนรุ่นต่อไป…
“ความที่โตมาในลำพูน เราตระหนักดีว่าเมืองเรามีต้นทุนทางวัฒนธรรมที่สูงมาก ทั้งยังมีบรรยากาศที่น่าอยู่ อย่างไรก็ดี อาจเพราะเป็นเมืองขนาดเล็ก ลำพูนมักถูกมองข้ามจากแผนการพัฒนาของประเทศ เป็นเหมือนเมืองที่มีศักยภาพ แต่ยังไม่ถูกปลุกให้ตื่นความที่เราเคยทำงานที่ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (ปัจจุบันคือสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA - ผู้เรียบเรียง) ได้เห็นตัวอย่างความสำเร็จของกระบวนการพัฒนาย่านด้วยกรอบพื้นที่สร้างสรรค์ในหลายพื้นที่…
“ผมเป็นคนลำพูน และชอบทำกิจกรรมนอกห้องเรียนมาตั้งแต่เด็ก ปัจจุบันเป็นประธานสภาเด็กและเยาวชนจังหวัดลำพูน ควบคู่ไปกับกำลังศึกษาคณะรัฐศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่จากประสบการณ์การทำงานในสภาฯ ทำให้ผมเห็นว่า เยาวชนลำพูนมีศักยภาพที่หลากหลาย แต่สิ่งที่ขาดไปคือเวทีที่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้แสดงความสามารถและพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากการสนับสนุนจากโรงเรียนหรือโครงการของภาคเอกชน ปี 2567 พี่อร (ดร.สุดารัตน์ อุทธารัตน์…
“อาคารหลังนี้แต่ก่อนเป็นที่ประทับของเจ้าราชสัมพันธวงษ์ลำพูน (พุทธวงษ์ ณ เชียงใหม่) น้องเขยของเจ้าจักรคำขจรศักดิ์ เจ้าหลวงองค์สุดท้ายของลำพูน อาคารถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 2455 หลังจากนั้นก็ถูกขายให้พ่อค้าชาวจีนไปทำเป็นโรงเรียนหวุ่นเจิ้ง สอนภาษาจีนและคณิตศาสตร์ โรงเรียนนี้เปิดได้ไม่นานก็ต้องปิด เพราะสมัยนั้นรัฐบาลเพ่งเล็งว่าอะไรที่เป็นของจีนจะเกี่ยวข้องกับลัทธิคอมมิวนิสต์ แต่หนูก็ไม่รู้หรอกว่าโรงเรียนนี้เกี่ยวข้องหรือเปล่า (ยิ้ม) จากนั้นอาคารก็ถูกเปลี่ยนมาเป็นโรงเรียนมงคลวิทยาในปี…
“เราโตมากับวัฒนธรรมของคนลำพูน ชอบไปเดินงานปอย ร่วมงานบุญ ก่อนหน้านี้ก็เคยทำงานรับจ้างทั่วไป จนเทศบาลฯ มาส่งเสริมเรื่องการทำโคม โดยมีสล่าจากชุมชนศรีบุญเรืองมาสอน เราก็ไปเรียนกับเขา ตอนนี้อาชีพหลักคือการทำโคม ทำมาได้ 2 ปีแล้ว สำหรับเรา โคมคืองานศิลปะ เป็นสัญลักษณ์และมรดกที่ยึดโยงกับวัฒนธรรมของคนบ้านเรา ตอนแรกเราไม่มีความคิดเลยว่ามันจะกลายมาเป็นอาชีพได้…