“อากงของผมเป็นชาวจีน ท่านนั่งเรือสำเภาจากบ้านเกิดลงมาประเทศไทย และล่องเรือเข้าแม่น้ำแม่กลองมาลงหลักปักฐานในเมืองราชบุรีราวเกือบ 100 ปีที่แล้ว ท่านน่าจะเป็นรุ่นต่อจากคนจีนที่เข้ามาบุกเบิกทำโอ่งมังกรที่เมืองเมืองนี้
อากงเริ่มจากศูนย์ ก่อนก่อตั้งธุรกิจและส่งต่อมาที่รุ่นพ่อแม่ ผมโตมาในครอบครัวที่มีต้นทุนที่ดีอยู่แล้ว จึงสามารถริเริ่มธุรกิจของตัวเองตั้งแต่อายุยังน้อยได้ไม่ยาก แต่นั่นล่ะ แม้เรามีแต้มต่อที่ดี ก็ใช่ว่าชาวราชบุรีทุกคนจะมี พอทุกอย่างลงตัว ผมก็เลยอาสาเข้ามาสมัครเป็นนายกเทศมนตรีเมืองราชบุรี หวังจะช่วยแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ยกระดับให้เมืองของเราเป็นเมืองที่น่าอยู่สำหรับทุกคน
ผมเข้ามาเป็นนายกเทศมนตรีในปี พ.ศ. 2564 มีความตั้งใจจะทำให้ราชบุรีพัฒนา 3 ด้านหลัก คือการทำให้เป็นเมืองน่าอยู่ เศรษฐกิจดี และที่สำคัญคือการเป็นเมืองแห่งการเรียนรู้ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนเข้าถึงการศึกษา เพราะการศึกษานี่แหละที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของทุกคนได้
เริ่มจากเมืองน่าอยู่ ผมเน้นการทำให้เมืองเป็นมิตรกับผู้คน โดยเฉพาะการจัดการขยะมูลฝอยให้มีประสิทธิภาพ รวมถึงแผนการบูรณะคลองฝรั่งที่เป็นคลองดินซึ่งถูกทิ้งร้าง ให้กลายมาเป็นคลองปูนและเพิ่มพื้นที่สีเขียวรอบคลอง สร้างพื้นที่สาธารณะใหม่แก่คนในเมือง ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างของบประมาณจากกรมโยธาธิการและผังเมืองมาจัดการพื้นที่อยู่ นอกจากนี้ยังมีแผนการทาสีและตีเส้นจราจรใหม่ ทำให้เมืองมีภาพลักษณ์สดใสและทันสมัย
ส่วนด้านเศรษฐกิจ ผมทำควบคู่ไปกับด้านการศึกษา เพราะอย่างที่บอกว่าถ้าการศึกษาของคนในเมืองดี ความคิดและองค์ความรู้ใหม่ๆ จะช่วยยกระดับเศรษฐกิจไปพร้อมกัน ในเบื้องต้น ก็พยายามส่งเสริมตลาดในเมืองซึ่งมีจุดแข็งอยู่แล้ว อย่างตลาดโคยกี๊ หรือตลาดสนามหญ้าที่เป็นแหล่งอาหารการกินที่ขึ้นชื่อ โดยหนุนเสริมเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวก การปรับปรุงภูมิทัศน์ และเปิดให้เอกชนหรือหน่วยงานต่างๆ มาร่วมจัดกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ใหม่ๆ หรือกิจกรรมเชิงการเรียนรู้ในพื้นที่
และด้านการศึกษา นอกจากการพัฒนาในระบบที่เรายกระดับโรงเรียนเทศบาล 3 ให้กลายมาเป็นโรงเรียนสาธิตเทศบาลเมืองราชบุรี ซึ่งช่วยดึงดูดให้ผู้ปกครองส่งบุตรหลานเข้ามาเรียนกับเราเพิ่มมากขึ้น ทางเทศบาลก็มีแผนจะร่วมกับ หน่วยงาน อปท. สถาบันการศึกษา และนักวิจัย ในการพัฒนาพื้นที่การเรียนรู้ในเมืองราชบุรีที่เปิดให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงได้
เพราะอย่างที่ทราบกัน ราชบุรีเรามีต้นทุนที่ดีมากๆ ในด้านประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม และความหลากหลายทางชาติพันธุ์ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นต้นทุนอันยอดเยี่ยมที่สามารถนำมาต่อยอดทางการท่องเที่ยวเชิงเรียนรู้ได้ ซึ่งก็ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วนในการพัฒนาต้นทุนที่เรามีดีอยู่แล้ว ให้กลายเป็นพื้นที่ที่ช่วยสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น
หลายคนอาจยังไม่ทราบว่า ในแม่น้ำแม่กลองของเรายังมีระเบิดสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ถูกทิ้งลงที่นี่และยังไม่ระเบิดจมอยู่ข้างใต้ แล้วก็บริเวณใต้สะพานธนะรัชต์ก็มีหัวรถจักรสมัยสงครามโลกจมอยู่ ทางเทศบาลจึงคิดจะนำหลักฐานทางประวัติศาสตร์ยุคสงครามโลกที่สำคัญสองสิ่งนี้มาเป็นตัวชูโรง ดึงดูดด้านการท่องเที่ยว ให้เป็นจิ๊กซอว์ที่สำคัญอีกชิ้นในประวัติศาสตร์อันยาวนานของเมือง
จึงคิดไว้ว่าถ้าเราใช้เทคโนโลยีภาพถ่ายใต้น้ำ บันทึกภาพลูกระเบิดและหัวรถจักรนำมาฉายลงบนโปรเจกเตอร์ภายในสวนรถไฟ ซึ่งเป็นสวนสาธารณะริมแม่น้ำแม่กลอง ให้คนได้ชมกัน อาจช่วยดึงดูดชาวต่างชาติที่เป็นลูกหลานของทหารที่เคยร่วมรบในสงครามมาเยี่ยมชมได้อีกด้วย
ในฐานะที่ทำงานมาปีกว่า ผมยังไม่เจออุปสรรคใหญ่ๆ ของเมืองเราเท่าไหร่ แค่เห็นว่าหลายจุดในเมืองเราสามารถพัฒนาให้ดีกว่านี้ได้ ก็อยู่ระหว่างการประสานไปกับหน่วยงานหรือผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ เพื่อพัฒนาต่อไป
ส่วนความท้าทายที่ผมเห็น ก็น่าจะเป็นเรื่องของประชากร ทุกวันนี้เรามีประชากรในเขตเทศบาลราว 40,000 คน แต่มีประชากรแฝงกว่า 30,000 คน คิดว่าถ้าเปลี่ยนให้ประชากรแฝงบางส่วนมาเป็นประชากรในเมือง เราจะสามารถยกระดับเทศบาลเมืองให้กลายเป็นเทศบาลนครได้ ถ้าเป็นเช่นนั้น เราก็จะได้งบประมาณมาพัฒนาพื้นที่ให้ตอบโจทย์กับผู้คนได้มากกว่าเดิม”
ศักดิ์ชัย พิศาลผล
นายกเทศมนตรีเมืองราชบุรี
พลังคน พลังโคมลำพูน: เมืองเล็ก ๆ ที่เปี่ยมไปด้วยพลังสร้างสรรค์ แม้ ดร.สุดารัตน์ อุทธารัตน์ เป็นคนเชียงใหม่ เธอก็หาใช่เป็นคนอื่นคนไกลสำหรับชาวลำพูนเพราะก่อนจะเข้ามาขับเคลื่อนงานวิจัยเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาดกับเทศบาลเมืองลำพูน เธอได้ทำวิจัยเกี่ยวกับเมืองแห่งนี้มาหลายครั้ง โดยเฉพาะโครงการขับเคลื่อนเยาวชนเพื่อเตรียมพร้อมสู่การเป็นพลเมืองของเมืองแห่งการเรียนรู้ของ UNESCO ในปี 2566-2567 - นั่นล่ะ…
“เป็นสิ่งวิเศษที่สุด ที่ผ้าไหมของจังหวัดลำพูนได้ปรากฏต่อสายตาผู้คนทั้งในและต่างประเทศ ทั้งเมื่อครั้งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงให้การส่งเสริม และทรงฉลองพระองค์ด้วยผ้าไหมยกดอกลำพูนในพระราชพิธีสำคัญต่าง ๆ และกระทั่งในปัจจุบัน สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 10 ก็ทรงส่งเสริมผ้าไหมไทย และฉลองพระองค์ด้วยผ้าไหมยกดอกลำพูนในพระราชพิธีสำคัญเช่นกัน ดิฉันเป็นคนลำพูน มีความภูมิใจในงานหัตถศิลป์การทอผ้าไหมยกดอกนี้มาก ๆ และตั้งใจจะรักษามรดกทางวัฒนธรรม ทำหน้าที่ส่งต่อถึงคนรุ่นต่อไป…
“ความที่โตมาในลำพูน เราตระหนักดีว่าเมืองเรามีต้นทุนทางวัฒนธรรมที่สูงมาก ทั้งยังมีบรรยากาศที่น่าอยู่ อย่างไรก็ดี อาจเพราะเป็นเมืองขนาดเล็ก ลำพูนมักถูกมองข้ามจากแผนการพัฒนาของประเทศ เป็นเหมือนเมืองที่มีศักยภาพ แต่ยังไม่ถูกปลุกให้ตื่นความที่เราเคยทำงานที่ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (ปัจจุบันคือสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA - ผู้เรียบเรียง) ได้เห็นตัวอย่างความสำเร็จของกระบวนการพัฒนาย่านด้วยกรอบพื้นที่สร้างสรรค์ในหลายพื้นที่…
“ผมเป็นคนลำพูน และชอบทำกิจกรรมนอกห้องเรียนมาตั้งแต่เด็ก ปัจจุบันเป็นประธานสภาเด็กและเยาวชนจังหวัดลำพูน ควบคู่ไปกับกำลังศึกษาคณะรัฐศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่จากประสบการณ์การทำงานในสภาฯ ทำให้ผมเห็นว่า เยาวชนลำพูนมีศักยภาพที่หลากหลาย แต่สิ่งที่ขาดไปคือเวทีที่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้แสดงความสามารถและพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากการสนับสนุนจากโรงเรียนหรือโครงการของภาคเอกชน ปี 2567 พี่อร (ดร.สุดารัตน์ อุทธารัตน์…
“อาคารหลังนี้แต่ก่อนเป็นที่ประทับของเจ้าราชสัมพันธวงษ์ลำพูน (พุทธวงษ์ ณ เชียงใหม่) น้องเขยของเจ้าจักรคำขจรศักดิ์ เจ้าหลวงองค์สุดท้ายของลำพูน อาคารถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 2455 หลังจากนั้นก็ถูกขายให้พ่อค้าชาวจีนไปทำเป็นโรงเรียนหวุ่นเจิ้ง สอนภาษาจีนและคณิตศาสตร์ โรงเรียนนี้เปิดได้ไม่นานก็ต้องปิด เพราะสมัยนั้นรัฐบาลเพ่งเล็งว่าอะไรที่เป็นของจีนจะเกี่ยวข้องกับลัทธิคอมมิวนิสต์ แต่หนูก็ไม่รู้หรอกว่าโรงเรียนนี้เกี่ยวข้องหรือเปล่า (ยิ้ม) จากนั้นอาคารก็ถูกเปลี่ยนมาเป็นโรงเรียนมงคลวิทยาในปี…
“เราโตมากับวัฒนธรรมของคนลำพูน ชอบไปเดินงานปอย ร่วมงานบุญ ก่อนหน้านี้ก็เคยทำงานรับจ้างทั่วไป จนเทศบาลฯ มาส่งเสริมเรื่องการทำโคม โดยมีสล่าจากชุมชนศรีบุญเรืองมาสอน เราก็ไปเรียนกับเขา ตอนนี้อาชีพหลักคือการทำโคม ทำมาได้ 2 ปีแล้ว สำหรับเรา โคมคืองานศิลปะ เป็นสัญลักษณ์และมรดกที่ยึดโยงกับวัฒนธรรมของคนบ้านเรา ตอนแรกเราไม่มีความคิดเลยว่ามันจะกลายมาเป็นอาชีพได้…