“การศึกษามันไม่ใช่เรื่องแค่ว่าคุณมีความรู้เพื่อเอาไปใช้ แต่เป็นที่คุณรู้จักตัวเองว่าถนัดหรือไม่ถนัดอะไร แล้วจะทำอย่างไรให้ตัวคุณสามารถทำหรือเข้าถึงในสิ่งที่ต้องการ”

“ผมเป็นนักธุรกิจที่ตระหนักอยู่เสมอว่าความสำเร็จทางธุรกิจ เกิดจากการที่คุณมีพื้นฐานการศึกษาที่ดี และไม่ยอมหยุดเรียนรู้เรื่องราวใหม่ๆ นั่นทำให้ผมสนใจเรื่องการศึกษาเป็นพิเศษ

แน่นอน รากเหง้าของปัญหาหลากหลายที่มีในประเทศนี้ คือผู้คนขาดหรือเข้าไม่ถึงการศึกษา โรงงานหลายแห่งในระยองก็ทำวิจัยกันถึงเรื่องการศึกษากับทรัพยากรบุคคล คุณเชื่อไหม ผลการวิจัยนี้ตรงกับสิ่งที่ผมคิดเลย ข้อสรุปคือโรงงานเขาไม่ได้ต้องการบุคลากรที่มีความรู้หลากหลายตามที่มีคนบอกให้คุณต้องฝึกฝนมา เขาต้องการแค่คนทำงานที่มีความรู้พื้นฐานในสิ่งที่ต้องทำ มีวินัย อดทน แก้ปัญหาเป็น และสื่อสารภาษาอังกฤษได้นิดหน่อย เพราะทักษะที่เหลือ องค์กรแห่งนั้นๆ เขาพร้อมจะฝึกฝนให้

ทำไมเป็นแบบนั้น? เพราะทุกวันนี้โลกเปลี่ยนเร็วมาก องค์ความรู้จึงเปลี่ยนเร็วตาม พื้นฐานที่เราต้องการคือคนที่มีทัศนคติ (attitude) ทักษะ (skill) และความรู้ (knowledge) บวกเข้ากับความยืดหยุ่นในการเรียนรู้ และพร้อมเปิดรับสิ่งใหม่ๆ ยกตัวอย่างธุรกิจผม (ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์) เดี๋ยวนี้ช่างซ่อมรถอายุมากหน่อย ถ้าไม่พัฒนาให้ใช้คอมพิวเตอร์ให้เป็น เพราะรถรุ่นใหม่ๆ มันใช้คอมพิวเตอร์หมด แต่ถ้าช่างแก่ๆ เขาปรับตัวให้มีทักษะเรื่องนี้ได้อย่างชำนาญ เขาจะเก่งกว่าช่างรุ่นใหม่ทุกคน

ทุกวันนี้เวลาส่วนใหญ่ของฝ่ายบุคคลบริษัทผมหมดไปกับการพัฒนาเด็กๆ ที่เข้ามาใหม่ เขาแปลกใจว่าทำไมคุณภาพเด็กจบใหม่มันลดลง ความรับผิดชอบก็น้อย และทักษะการคิดวิเคราะห์ก็ไม่ค่อยมี เด็กที่จบเกียรตินิยมบางคนยังเป็นเลย

ที่พูดแบบนี้ผมไม่ได้โทษการศึกษาในระบบ เพราะผมก็เติบโตมากับการศึกษาในระบบเหมือนกัน และก็ไม่ได้หมายความว่าจะชวนคนรุ่นใหม่ทะเลาะด้วย เพราะอันที่จริงมันไม่มีอะไรดีไปหมด หรือแย่หมดทุกอย่าง ทุกอย่างมันปรับได้ ที่ระบบการศึกษามันไม่เวิร์ค ก็อาจมาจากที่มันเน้นด้านหนึ่งด้านใดจนเกินไป จนไม่ได้สนใจมิติอีกด้านหนึ่งไป หรือมันอาจจะมาจากการมีตัวชี้วัดที่ไม่ดี

ยกตัวอย่างให้ฟัง ชั้นเรียนหนึ่งจะมีเด็กหน้าห้อง กลางห้อง และหลังห้อง เราบอกว่าเด็กหน้าห้องสุดท้ายจะจบออกมาเป็นหมอหรือวิศวกร เด็กกลางห้องกลับเป็นผู้บริหารมาปกครองเด็กหน้าห้อง แล้วสุดท้ายเด็กหลังห้องกลายมาเป็นนักการเมืองปกครองเด็กพวกนี้ทั้งหมด เพราะเด็กหน้าห้อง knowledge เด่น เด็กตรงกลางห้อง attitude ดีเหมาะกับการบริหาร ส่วนพวกท้ายห้องนี่ skill ดี เลยไปเป็นนักการเมือง ฉะนั้นปัญหาคือที่ผ่านมาเราไม่ได้วัดจาก ASK (Attitude, Skill, Knowledge) ทั้งหมด แต่วัดเฉพาะแค่คุณมี knowledge (ความรู้) คุณก็ประสบความสำเร็จ เด็กหน้าห้องที่เป็นเด็กเรียนจึงโดดเด่นอยู่กลุ่มเดียว

ผมก็พยายามที่จะบอกว่าอย่าเพิ่งโจมตีว่าที่ผ่านมาไม่ดี แต่ตัวชี้วัดมันอาจยังไม่ชัดเจน สถาบันการศึกษาเขาก็ผลิตเด็กออกมาได้นี่ แต่ตอนนี้เรามาปรับใหม่ให้มันกระจาย K ขาดใช่ไหมก็เอา A และ S ใส่หน่อย คนจบมาเป็นหมอก็จะได้ไม่เครียดมาก คนที่มี A ดีอยู่แล้วก็เติม K และ S หน่อย เป็นต้น

ผมจะพยายามคุยกับนักการศึกษาอยู่เสมอว่าเราควร compromise (ประนีประนอม) ค่อยๆ เรียนรู้ไปเรื่อยๆ และให้มุมมองที่ต่างจากเขาว่านักการศึกษาคิดอย่างนี้ผมก็ไปในทางที่ผมเล่าให้ฟัง ว่าแนวคิดผมเป็นอย่างนี้อย่าไปคิดว่าทุกอย่างมันจะเลวร้ายหมด เช่น นักการศึกษาบอกว่าการศึกษาประเทศไทยต้องกระจายอำนาจ ต้องทำหลักสูตรตามบริบทของพื้นที่ แต่เวลาเอาไปพูดในระดับโลก เราก็เอาประเทศเราไปเปรียบกับฟินแลนด์ ไปเปรียบกับญี่ปุ่น เสียอย่างนั้น

ผมก็บอกว่าถ้าคุณคิดอย่างนี้คุณก็ผิดแล้วเพราะประเทศไทยมันก็คือ 1 ใน 195 ประเทศ คุณบอกว่าการศึกษาต้องยึดโยงกับบริบท ฉะนั้นประเทศไทยมันก็ต้องมีบริบทการศึกษาของมันเอง เหมือนกับระยองต้องมีบริบทของระยอง แม่ฮ่องสอนก็มีบริบทของแม่ฮ่องสอน แต่คุณจะไปลอกฟินแลนด์ที่มีบริบทไม่เหมือนของไทยเลย มันก็ย้อนแย้งไม่ใช่หรือ แสดงว่าคุณคิดว่าการศึกษาอีก 194 ประเทศมันต้องเหมือนกับฟินแลนด์อย่างนั้นหรือ?

ฉะนั้นอย่าไปโจมตีว่าการศึกษาของประเทศไทยมันไม่เหมือนฟินแลนด์ เพราะยังไงมันก็ไม่เหมือน แต่หากมาหาจุดดีจุดแข็งอย่างนี้ดีกว่า ต้องทำความเข้าใจ และทำให้เขาเห็นอีกมุมมองหนึ่ง แล้วจะไม่ทำให้ทะเลาะกัน เพราะลำพังแค่คนในกระทรวงศึกษาก็ทะเลาะกันอยู่แล้ว นักวิชาการก็มักโจมตีคนในกระทรวง คนในกระทรวงก็ตั้งป้อมบอกว่าพวกนี้ไม่เข้าใจพื้นที่จริงหรอก เก่งแต่ทฤษฎีแน่จริงมาทำเองสิ!

แต่นั่นล่ะ อย่างที่บอกผมเป็นนักธุรกิจ ผมเลยต้อง compromise พยายามหาจุดแข็งและจุดอ่อนของแต่ละส่วน เพื่อหาวิธีหนุนเสริม คุณมีความรู้ แต่ขาดทัศนคติ คุณก็เติม คุณมีทักษะ แต่ไม่มีความรู้ คุณก็เรียนรู้เพิ่ม การศึกษามันไม่ใช่เรื่องแค่ว่าคุณมีความรู้เพื่อเอาไปใช้ แต่เป็นที่คุณรู้จักตัวเองว่าถนัดหรือไม่ถนัดอะไร แล้วจะทำอย่างไรให้ตัวคุณสามารถทำหรือเข้าถึงในสิ่งที่ต้องการ” 


สมศักดิ์ พะเนียงทอง

กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด เอกกรุ๊ป จำกัด
ประธานมูลนิธิส่งเสริมการศึกษาจังหวัดระยอง

กองบรรณาธิการ

Recent Posts

[The Insider]<br />พัชรี แซมสนธ์

“เมืองอาหารปลอดภัยไม่ได้ให้ประโยชน์แค่เฉพาะผู้คนในเขตเทศบาลฯแต่มันสามารถเป็นต้นแบบให้เมืองอื่น ๆ ที่อยากส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้คนได้เช่นกัน” “งานประชุมนานาชาติของสมาคมพืชสวนโลก (AIPH Spring Meeting Green City Conference 2025) ที่เชียงรายเป็นเจ้าภาพเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา เน้นย้ำถึงทิศทางการพัฒนาเมืองสีเขียว…

1 month ago

[The Insider]<br />พรทิพย์ จันทร์ตระกูล

“ทั้งพื้นที่การเรียนรู้ นโยบายเมืองอาหารปลอดภัย และโรงเรียนสำหรับผู้สูงวัยคือสารตั้งต้นที่จะทำให้เชียงรายเป็นเมืองแห่งสุขภาพ (Wellness City)” “กล่าวอย่างรวบรัด ภารกิจของกองการแพทย์ เทศบาลนครเชียงราย คือการทำให้ประชาชนไม่เจ็บป่วย หรือถ้าป่วยแล้วก็ต้องมีกระบวนการรักษาที่เหมาะสม ครบวงจร ที่นี่เราจึงมีครบทั้งงานส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค การรักษาเมื่อเจ็บป่วย และระบบดูแลต่อเนื่องถึงบ้าน…

1 month ago

[The Insider]<br />ณรงค์ศักดิ์ เตือนสกุล

“การจะพัฒนาเมือง ไม่ใช่แค่เรื่องสาธารณูปโภคแต่ต้องพุ่งเป้าไปที่พัฒนาคนและไม่มีเครื่องมือไหนจะพัฒนาคนได้ดีไปกว่า การศึกษา” “แม้เทศบาลนครเชียงรายจะเป็นเมืองแห่งการเรียนรู้ของยูเนสโกแห่งแรกของไทยในปี 2562 แต่การเตรียมเมืองเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ว่านี้ เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นหลายสิบปี ในอดีต เชียงรายเป็นเมืองที่ห่างไกลความเจริญ ทางเทศบาลฯ เล็งเห็นว่าการจะพัฒนาเมือง ไม่สามารถทำได้แค่การทำให้เมืองมีสาธารณูปโภคครบ แต่ต้องพัฒนาผู้คนที่เป็นหัวใจสำคัญของเมือง และไม่มีเครื่องมือไหนจะพัฒนาคนได้ดีไปกว่า ‘การศึกษา’…

2 months ago

[The Insider]<br />นนทพัฒ ถปะติวงศ์

“ถ้าอาหารปลอดภัยเป็นทางเลือกหลักของผู้บริโภคเชียงรายจะเป็นเมืองที่น่าอยู่กว่านี้อีกเยอะ” “นอกจากบทบาทของการพัฒนาชุมชนและสังคมสงเคราะห์ กองสวัสดิการสังคม เทศบาลนครเชียงราย ยังมีกลไกในการส่งเสริมเศรษฐกิจของพี่น้อง 65 ชุมชน ภายในเขตเทศบาลฯ โดยกลไกนี้ครอบคลุมการส่งเสริมสุขภาพ และช่วยดูแลสิ่งแวดล้อมในทางอ้อมด้วยกลไกที่ว่าคือ ‘สหกรณ์นครเชียงราย’ โดยสหกรณ์ฯ นี้เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2560 หลักเราคือการสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชน…

2 months ago

[The Citizens]<br />ชวนพิศ สุริยวงค์

“แม่อยากปลูกผักปลอดภัยให้ตัวเองและคนในเมืองกินไม่ใช่ปลูกผักเพื่อส่งขาย แต่คนปลูกไม่กล้ากินเอง” “บ้านป่างิ้ว  ตั้งอยู่ละแวกสวนสาธารณะหาดนครเชียงราย เราและชุมชนฮ่องลี่ที่อยู่ข้างเคียงเป็นชุมชนเกษตรที่ปลูกพริก ปลูกผักไปขายตามตลาดมาแต่ไหนแต่ไร กระทั่งราวปี 2548 สำนักงานเกษตรอำเภอเมืองเชียงราย มาส่งเสริมให้ทำเกษตรปลอดภัย คนในชุมชนก็เห็นด้วย เพราะอยากทำให้สิ่งที่เราปลูกมันกินได้จริง ๆ ไม่ใช่ว่าเกษตรกรปลูกแล้วส่งขาย แต่ไม่กล้าเก็บไว้กินเองเพราะกลัวยาฆ่าแมลงที่ตัวเองใส่…

2 months ago

[The Citizens]<br />กาญจนา ใจปา และพิทักษ์พงศ์ เชอมือ

“วิวเมืองเชียงรายจากสกายวอล์กสวยมาก ๆขณะที่ผืนป่าชุมชนของที่นี่ก็มีความอุดมสมบูรณ์จนไม่น่าเชื่อว่านี่คือป่าที่อยู่ในตัวเมืองเชียงราย” “ก่อนหน้านี้เราเป็นพนักงานบริษัทเอกชนที่ต่างจังหวัด จนเทศบาลนครเชียงรายเขาเปิดสกายวอล์กที่ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนดอยสะเก็น และหาพนักงานนำชม เราก็เลยกลับมาสมัคร เพราะจะได้กลับมาอยู่บ้านด้วย ตรงนี้มีหอคอยชมวิวอยู่แล้ว แต่เทศบาลฯ อยากทำให้ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ก็เลยต่อขยายเป็นสกายวอล์กอย่างที่เห็น ซึ่งสุดปลายของมันยังอยู่ใกล้กับต้นยวนผึ้งเก่าแก่ที่มีผึ้งหลวงมาทำรังหลายร้อยรัง รวมถึงยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติบนภูเขา ในป่าชุมชนผืนนี้ จริง…

2 months ago