การเริ่มต้นจากการสร้างความร่วมมือเพื่อปลุกพื้นที่เรียนรู้ในย่านเล็กๆ แต่มีความสำคัญในเชิงประวัติศาสตร์

“เราเป็นคนย่านสบตุ๋ย ขณะเดียวกันมหาวิทยาลัยสวนดุสิตที่เราทำงานอยู่ก็ตั้งอยู่ย่านนี้ พอได้รับโจทย์งานวิจัยเรื่องพื้นที่แห่งการเรียนรู้ในย่านสบตุ๋ย ทำให้เรารู้สึกกระตือรือร้นเป็นพิเศษ ไม่ใช่เพราะเราเป็นลูกหลานที่คุ้นเคยกับคนในย่าน แต่โครงการนี้ก็มีส่วนในการกลับมาเรียนรู้บ้านเกิดของเราในเชิงลึก อันมีส่วนในการพัฒนาเมืองในภาพรวมด้วย

สบตุ๋ยเป็นย่านเศรษฐกิจการค้าที่เคยเป็นศูนย์กลางของเมืองลำปาง พร้อมกับการมาถึงของรถไฟเมื่อศตวรรษก่อน ทำให้ความเจริญทุกอย่างมารวมกันอยู่ในย่านนี้ โดยเฉพาะการเข้ามาตั้งรกรากและทำธุรกิจของกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าชาวจีน อันทำให้เกิดสถาปัตยกรรม ร้านรวง และร้านอาหารที่มีตำรับเก่าแก่มากมายส่งผ่านมาจนถึงทุกวันนี้ และก็เพราะมรดกทางภูมิปัญญาหลากหลายในอดีต ซึ่งเป็นฐานรากสำคัญของผู้คนในยุคปัจจุบัน ทีมวิจัยของเราจึงเห็นตรงกันว่าสบตุ๋ยไม่ต่างอะไรกับ ‘พิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต’ พื้นที่เก่าแก่ที่ผู้คนร่วมสมัยยังคงใช้ชีวิต โดยหาได้ปรับเปลี่ยนวิถีอะไรจากรากเหง้าเดิมนัก

ในโครงการพัฒนาพื้นที่การเรียนรู้และพิพิธภัณฑ์มีชีวิตย่านสบตุ๋ย เราแบ่งการมองย่านออกเป็น 3 ส่วน คือ หนึ่ง. บ้านเก่า สอง. อาหารการกินในตำนาน และสาม. แหล่งเรียนรู้ โดยเราและอ๊อฟ (จาตุรงค์ แก้วสามดวง) เข้าไปศึกษาทรัพยากรในแต่ละส่วน และออกแบบแนวทางที่จะสื่อถึงพิพิธภัณฑ์มีชีวิต 3 ส่วนนี้ให้เป็นพื้นที่ของการเรียนรู้

ในส่วนแรก ‘พิพิธภัณฑ์เปิดบ้านเก่าเล่าความหลัง’ เราได้คัดเลือกจากบ้านที่ถูกสร้างขึ้นในยุคของการพัฒนาย่านนับตั้งแต่การมาถึงของรถไฟ โดยเข้าไปศึกษารูปแบบสถาปัตยกรรม อิทธิพลของการออกแบบ ไปจนถึงตระกูลเก่าแก่ที่เป็นเจ้าของบ้านซึ่งมีส่วนพัฒนาย่านแห่งนี้ โดยทำสื่อทั้งภาพนิ่งและคลิปวิดีโอแบบ 360 องศา ก่อนจะทำคิวอาร์โค้ดให้คนเข้ามาสแกนเข้าไปชมพื้นที่ภายในบ้าน เพราะแม้จะมีบ้านบางหลังอย่างบ้านพระยาสุเรนทร์ หรือบ้านกิจเสรี ที่เขาเปิดพื้นที่เป็นร้านอาหารและให้ผู้ที่สนใจเข้าไปชมได้อยู่แล้ว แต่ก็มีบ้านหลายหลังที่ยังมีคนอยู่ และเขาต้องการความเป็นส่วนตัว เราก็เลยใช้วิดีโอ 360 องศานี้ ทำให้คนทั่วไปสามารถเข้าไปชมภายในได้

ในแง่มุมของอาหาร ซึ่งชัดเจนอยู่แล้วว่าย่านนี้เต็มไปด้วยร้านอาหารเก่าแก่คู่เมือง เราจึงจัดทำเส้นทาง ‘พิพิธภัณฑ์กินได้ อาหารในตำนานย่านสบตุ๋ย’ ซึ่งรวมร้านขนม เครื่องดื่ม และร้านของฝากประเภทอาหารไปด้วย โดยเข้าไปสัมภาษณ์เจ้าของกิจการ เรียบเรียงเนื้อหา และคัดสรรออกมาได้ราวสิบกว่าร้าน เน้นร้านที่มีอายุเก่าแก่เกิน 50 ปี ซึ่งหลายร้านก็ไม่ได้อยู่ในลิสต์ร้านเด่นที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว แต่เป็นร้านดั้งเดิมที่คนลำปางเขากินกัน

และกลุ่มสุดท้ายคือ ‘พิพิธภัณฑ์ถนนเรียนรู้’ นำเสนอแหล่งเรียนรู้วิถีชีวิตของคนที่ผ่านแหล่งเรียนรู้ต่างๆ ครอบคลุมตั้งแต่อาคารสถานีรถไฟลำปาง พิพิธภัณฑ์ต่างๆ กาดเก๊าจาว ไปจนถึงสถานที่เชิงวัฒนธรรมอย่างวัด ศาลเจ้า และโบสถ์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นมิติทางวัฒนธรรมที่หลากหลายของย่านนี้ จากนั้นเราก็รวมเส้นทางเรียนรู้ผ่านพิพิธภัณฑ์มีชีวิตทั้ง 3 ส่วน เข้าด้วยกัน อย่างถ้าเริ่มต้นจากสถานีรถไฟ เราจะไปที่ไหน ไปกินอะไร หรือไปชม ไปศึกษาอะไรได้บ้างเป็นต้น

พร้อมกับการทำข้อมูลตรงนี้ โครงการก็สร้างกิจกรรมการเรียนรู้ในพื้นที่ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น กิจกรรมชวนคนลำปางนั่งรถม้าสำรวจย่านก่อนไปจิบน้ำชาพูดคุยแลกเปลี่ยนกันที่บ้านพระยาสุเรนทร์ กิจกรรมชวนเจ้าของสูตรอาหารในย่านมาเป็นวิทยากรเวิร์คช็อปทำอาหารอย่าง กุยช่าย บ๊ะจ่างสูตรโบราณ หรือขนมปุยฝ้าย ไปจนถึงชวนผู้หลักผู้ใหญ่มาเล่าย้อนความหลังถึงสถานที่ต่างๆ ในย่านสบตุ๋ย เป็นต้น

นอกจากการเปิดและสร้างเครือข่ายพื้นที่เรียนรู้ในรูปแบบของพิพิธภัณฑ์ชีวิตในย่านนี้แล้ว เรามองว่ากระบวนการที่เกิดระหว่างนั้น โดยเฉพาะการสร้างความร่วมมือของผู้คนในภาคส่วนต่างๆ ทั้งหน่วยราชการ กลุ่มผู้ประกอบการ ชุมชน และสถาบันการศึกษา ยังเป็นเป้าหมายที่เราคาดหวังไว้ เพราะที่ผ่านมา เราพบว่าหน่วยงานทุกหน่วยงานเขามีความหวังดีอยากพัฒนาเมืองลำปางนะคะ แต่มันติดที่ว่าต่างคนก็ต่างทำงานตามบทบาทในพื้นที่ของตัวเองไป จึงไม่อาจส่งผลกระทบในภาพรวมของเมืองได้เสียที การเริ่มต้นจากการสร้างความร่วมมือเพื่อปลุกพื้นที่เรียนรู้ในย่านเล็กๆ แต่มีความสำคัญในเชิงประวัติศาสตร์แห่งนี้ รวมถึงในย่านท่ามะโอที่โครงการได้ขับเคลื่อนด้วย ก็อาจเป็นเครื่องมือเชื่อมประสานหนึ่ง ที่นำไปสู่การพัฒนาเมืองในสเกลใหญ่ต่อไปได้”

พัชพร วิภาศรีนิมิต

นักวิจัยโครงการลำปางเมืองแห่งการเรียนรู้ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ศูนย์ลำปาง

(การพัฒนาเมืองลำปางสู่เมืองแห่งการเรียนรู้จากฐานภูมิทางสังคมและวัฒนธรรม)

กองบรรณาธิการ

Recent Posts

[THE RESEARCHER]<br />ดร.สุดารัตน์ อุทธารัตน์<br />หัวหน้าโครงการวิจัยเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด เทศบาลเมืองลำพูน<br />นักวิจัยจากสถาบันวิจัยพหุศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

พลังคน พลังโคมลำพูน: เมืองเล็ก ๆ ที่เปี่ยมไปด้วยพลังสร้างสรรค์ แม้ ดร.สุดารัตน์ อุทธารัตน์ เป็นคนเชียงใหม่ เธอก็หาใช่เป็นคนอื่นคนไกลสำหรับชาวลำพูนเพราะก่อนจะเข้ามาขับเคลื่อนงานวิจัยเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาดกับเทศบาลเมืองลำพูน เธอได้ทำวิจัยเกี่ยวกับเมืองแห่งนี้มาหลายครั้ง โดยเฉพาะโครงการขับเคลื่อนเยาวชนเพื่อเตรียมพร้อมสู่การเป็นพลเมืองของเมืองแห่งการเรียนรู้ของ UNESCO ในปี 2566-2567 - นั่นล่ะ…

1 week ago

[THE CITIZENS]<br />ปริยาพร วีระศิริ<br />เจ้าของแบรนด์ผ้าไหม “อภิรมย์ลำพูน”

“เป็นสิ่งวิเศษที่สุด ที่ผ้าไหมของจังหวัดลำพูนได้ปรากฏต่อสายตาผู้คนทั้งในและต่างประเทศ ทั้งเมื่อครั้งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงให้การส่งเสริม และทรงฉลองพระองค์ด้วยผ้าไหมยกดอกลำพูนในพระราชพิธีสำคัญต่าง ๆ และกระทั่งในปัจจุบัน สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 10 ก็ทรงส่งเสริมผ้าไหมไทย และฉลองพระองค์ด้วยผ้าไหมยกดอกลำพูนในพระราชพิธีสำคัญเช่นกัน ดิฉันเป็นคนลำพูน มีความภูมิใจในงานหัตถศิลป์การทอผ้าไหมยกดอกนี้มาก ๆ   และตั้งใจจะรักษามรดกทางวัฒนธรรม   ทำหน้าที่ส่งต่อถึงคนรุ่นต่อไป…

2 weeks ago

[THE CITIZENS]<br />ไชยยง รัตนอังกูร<br />ผู้ก่อตั้ง ลำพูน ซิตี้ แลป

“ความที่โตมาในลำพูน เราตระหนักดีว่าเมืองเรามีต้นทุนทางวัฒนธรรมที่สูงมาก ทั้งยังมีบรรยากาศที่น่าอยู่ อย่างไรก็ดี อาจเพราะเป็นเมืองขนาดเล็ก ลำพูนมักถูกมองข้ามจากแผนการพัฒนาของประเทศ เป็นเหมือนเมืองที่มีศักยภาพ แต่ยังไม่ถูกปลุกให้ตื่นความที่เราเคยทำงานที่ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (ปัจจุบันคือสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA - ผู้เรียบเรียง) ได้เห็นตัวอย่างความสำเร็จของกระบวนการพัฒนาย่านด้วยกรอบพื้นที่สร้างสรรค์ในหลายพื้นที่…

2 weeks ago

[THE CITIZENS]<br />ธีรธรรม เตชฤทธ์<br />ประธานสภาเด็กและเยาวชนจังหวัดลำพูน

“ผมเป็นคนลำพูน และชอบทำกิจกรรมนอกห้องเรียนมาตั้งแต่เด็ก ปัจจุบันเป็นประธานสภาเด็กและเยาวชนจังหวัดลำพูน ควบคู่ไปกับกำลังศึกษาคณะรัฐศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่จากประสบการณ์การทำงานในสภาฯ ทำให้ผมเห็นว่า เยาวชนลำพูนมีศักยภาพที่หลากหลาย แต่สิ่งที่ขาดไปคือเวทีที่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้แสดงความสามารถและพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากการสนับสนุนจากโรงเรียนหรือโครงการของภาคเอกชน ปี 2567 พี่อร (ดร.สุดารัตน์ อุทธารัตน์…

2 weeks ago

[THE CITIZENS]<br />ชนัญชิดา บุณฑริกบุตร<br />ผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์ชุมชนเมืองลำพูน

“อาคารหลังนี้แต่ก่อนเป็นที่ประทับของเจ้าราชสัมพันธวงษ์ลำพูน (พุทธวงษ์ ณ เชียงใหม่) น้องเขยของเจ้าจักรคำขจรศักดิ์ เจ้าหลวงองค์สุดท้ายของลำพูน อาคารถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 2455 หลังจากนั้นก็ถูกขายให้พ่อค้าชาวจีนไปทำเป็นโรงเรียนหวุ่นเจิ้ง สอนภาษาจีนและคณิตศาสตร์ โรงเรียนนี้เปิดได้ไม่นานก็ต้องปิด เพราะสมัยนั้นรัฐบาลเพ่งเล็งว่าอะไรที่เป็นของจีนจะเกี่ยวข้องกับลัทธิคอมมิวนิสต์ แต่หนูก็ไม่รู้หรอกว่าโรงเรียนนี้เกี่ยวข้องหรือเปล่า (ยิ้ม)  จากนั้นอาคารก็ถูกเปลี่ยนมาเป็นโรงเรียนมงคลวิทยาในปี…

2 weeks ago

[THE CITIZENS]<br />นงเยาว์ ชัยพรหม<br />คนทำโคมจากชุมชนชัยมงคล

“เราโตมากับวัฒนธรรมของคนลำพูน ชอบไปเดินงานปอย ร่วมงานบุญ ก่อนหน้านี้ก็เคยทำงานรับจ้างทั่วไป จนเทศบาลฯ มาส่งเสริมเรื่องการทำโคม โดยมีสล่าจากชุมชนศรีบุญเรืองมาสอน เราก็ไปเรียนกับเขา ตอนนี้อาชีพหลักคือการทำโคม ทำมาได้ 2 ปีแล้ว  สำหรับเรา โคมคืองานศิลปะ เป็นสัญลักษณ์และมรดกที่ยึดโยงกับวัฒนธรรมของคนบ้านเรา ตอนแรกเราไม่มีความคิดเลยว่ามันจะกลายมาเป็นอาชีพได้…

2 weeks ago