“พิษณุโลกเป็นเมืองที่มีคนไทยเชื้อสายจีนอยู่มากที่สุดเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ รองจาก กรุงเทพฯ ภูเก็ต และนครสวรรค์ ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าความเจริญย่านใจกลางเมือง บริเวณหอนาฬิกาเรื่อยไปถึงหน้าศูนย์การค้าท็อปแลนด์ ส่วนหนึ่งก็มาจากการบุกเบิกของลูกหลานชาวจีนที่บรรพบุรุษของพวกเขาเข้ามาตั้งรกรากที่นี่
และเพราะมีลูกหลานชาวจีนอยู่มาก กลุ่มพ่อค้าชาวจีนในพิษณุโลกจึงก่อตั้งโรงเรียนสิ่นหมิน บนถนนบรมไตรโลกนาถขึ้น โดยแต่เดิมใช้ชื่อว่าโรงเรียนแชมิน เปิดทำการสอนครั้งแรกในปี พ.ศ. 2465 ปัจจุบันโรงเรียนมีอายุ 101 ปี จนทุกวันนี้ โรงเรียนก็ยังเปิดสอนภาษาไทยและจีนควบคู่การเรียนวิชาสามัญ โดยเน้นการบริการการศึกษาแก่ชุมชนเป็นหลัก โดยทำการสอนนักเรียนชั้น ป.1-ป.6 ก่อนที่ต่อมาจะมีการจัดตั้งโรงเรียนอนุบาลประชาราษฎร์ จัดการการศึกษาในระดับอนุบาล ภายใต้การดูแลของสมาคมนักเรียนเก่าสิ่นหมิน
ภายหลังเปิดโรงเรียนสิ่นหมิน ด้วยเห็นว่ายังมีลูกหลานชาวจีนอพยพมาตั้งรกรากในพิษณุโลกอย่างต่อเนื่อง จึงมีการจัดตั้งสมาคมจีนจังหวัดพิษณุโลกขึ้น เพื่อเป็นการช่วยเหลือและสนับสนุนชาวจีนในพิษณุโลก เมื่อราว 76 ปีก่อน โดยผู้บริหารโรงเรียนสิ่นหมินจะเป็นคณะกรรมการของสมาคมจีนแห่งนี้ด้วย
นอกจากการช่วยเหลือชาวไทยเชื้อสายจีน รวมถึงชาวจีนที่เข้ามาในจังหวัดพิษณุโลกทั้งด้านการท่องเที่ยวและการลงทุน สมาคมจีนยังสนับสนุนด้านการศึกษาด้วยการมอบทุนการศึกษาแก่ผู้ขาดโอกาส โดยไม่จำเป็นว่าจะต้องมีเชื้อสายจีนหรือไม่
ที่สำคัญ เรายังทำงานด้านการบริการสังคมแก่เมืองพิษณุโลก ทั้งการเป็นผู้สนับสนุนจัดงานเทศกาลต่างๆ ของจังหวัด อาทิ เทศกาลสงกรานต์ เทศกาลลอยกระทง งานสมโภชพระพุทธชินราช และอื่นๆ รวมถึงเป็นคณะกรรมการดูแลศาลหลักเมืองพิษณุโลก และงานด้านพัฒนาชุมชนอื่นๆ ด้วยความที่ลูกหลานชาวจีนตระหนักดีว่าการที่ทุกคนมีวันนี้ได้ก็เพราะเมืองพิษณุโลก สมาคมจึงร่วมมีส่วนในการพัฒนาเมืองในภาพรวมด้วย
เช่นในปีที่ผ่านมาที่ทางคณะนักวิจัยโครงการเมืองแห่งการเรียนรู้จากมหาวิทยาลัยนเรศวร เข้ามาทำโครงการย่านเก่าเล่าเรื่องในพื้นที่ตลาดใต้ ซึ่งเป็นย่านชุมชนเก่าแก่ของคนไทยเชื้อสายจีน สมาคมจีนในฐานะที่เป็นคณะกรรมการดูแลศาลเจ้าพ่อปุ่นเถ่ากง-ม่า ก็เข้าไปร่วมโครงการ ทั้งในฐานะผู้อำนวยความสะดวกด้านสถานที่ และการนำเสนอข้อมูลด้านประวัติศาสตร์ในพื้นที่
ในทางกลับกัน เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2565 ซึ่งเป็นวันชาติจีน ทางสมาคมของเราก็ขอความอนุเคราะห์จากทางโครงการเมืองแห่งการเรียนรู้ นำวิดีโอนำเสนอศักยภาพของตลาดใต้ที่ทางโครงการจัดทำไปจัดฉายให้ท่านกงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำจังหวัดเชียงใหม่ได้รับชม ในโอกาสที่ท่านมาร่วมงานวันชาติที่โรงแรมท็อปแลนด์ พิษณุโลก โดยในงานนั้นสมาคมจีนเป็นเจ้าภาพในนามสหสมาคมไทย-จีนพิษณุโลก ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของสมาคมต่างๆ ของผู้ประกอบการเชื้อสายจีนในจังหวัด
และเพราะความสัมพันธ์ที่เกื้อกูลกันมาเช่นนั้น แม้เราจะใช้ชื่อว่าสมาคมจีน แต่เชื้อชาติก็ไม่ใช่ข้อจำกัดหรืออุปสรรคใดๆ ในการทำงานที่ผ่านมา เพราะเอาเข้าจริงคนเชื้อสายจีนก็กลมกลืนเหนียวแน่นกับคนพิษณุโลกพื้นถิ่นมานับศตวรรษ และพวกเขาเหล่านี้ก็เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาเมืองพิษณุโลกในปัจจุบัน
สำหรับโอ๋ คิดว่าข้อดีของวัฒนธรรมจีนก็คือ การส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นที่ไม่เฉพาะแค่ด้านการบริหารกิจการของตัวเองเท่านั้น แต่ยังรวมถึงบทบาทในงานทางสังคมต่างๆ โดยคนรุ่นก่อนหน้าเขาจะขึ้นไปเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ และเปิดทางให้ลูกหลานมาทำงานต่อ นั่นทำให้เครือข่ายสมาคมต่างๆ ที่ทำงานเพื่อสังคมเมือง มีคนรุ่นใหม่มาช่วยสานงานต่ออย่างไม่ขาดช่วง”
ณภัค อยู่เย็นธนภา
เจ้าหน้าที่ประสานงานสมาคมจีน จังหวัดพิษณุโลก
“เมืองอาหารปลอดภัยไม่ได้ให้ประโยชน์แค่เฉพาะผู้คนในเขตเทศบาลฯแต่มันสามารถเป็นต้นแบบให้เมืองอื่น ๆ ที่อยากส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้คนได้เช่นกัน” “งานประชุมนานาชาติของสมาคมพืชสวนโลก (AIPH Spring Meeting Green City Conference 2025) ที่เชียงรายเป็นเจ้าภาพเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา เน้นย้ำถึงทิศทางการพัฒนาเมืองสีเขียว…
“ทั้งพื้นที่การเรียนรู้ นโยบายเมืองอาหารปลอดภัย และโรงเรียนสำหรับผู้สูงวัยคือสารตั้งต้นที่จะทำให้เชียงรายเป็นเมืองแห่งสุขภาพ (Wellness City)” “กล่าวอย่างรวบรัด ภารกิจของกองการแพทย์ เทศบาลนครเชียงราย คือการทำให้ประชาชนไม่เจ็บป่วย หรือถ้าป่วยแล้วก็ต้องมีกระบวนการรักษาที่เหมาะสม ครบวงจร ที่นี่เราจึงมีครบทั้งงานส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค การรักษาเมื่อเจ็บป่วย และระบบดูแลต่อเนื่องถึงบ้าน…
“การจะพัฒนาเมือง ไม่ใช่แค่เรื่องสาธารณูปโภคแต่ต้องพุ่งเป้าไปที่พัฒนาคนและไม่มีเครื่องมือไหนจะพัฒนาคนได้ดีไปกว่า การศึกษา” “แม้เทศบาลนครเชียงรายจะเป็นเมืองแห่งการเรียนรู้ของยูเนสโกแห่งแรกของไทยในปี 2562 แต่การเตรียมเมืองเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ว่านี้ เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นหลายสิบปี ในอดีต เชียงรายเป็นเมืองที่ห่างไกลความเจริญ ทางเทศบาลฯ เล็งเห็นว่าการจะพัฒนาเมือง ไม่สามารถทำได้แค่การทำให้เมืองมีสาธารณูปโภคครบ แต่ต้องพัฒนาผู้คนที่เป็นหัวใจสำคัญของเมือง และไม่มีเครื่องมือไหนจะพัฒนาคนได้ดีไปกว่า ‘การศึกษา’…
“ถ้าอาหารปลอดภัยเป็นทางเลือกหลักของผู้บริโภคเชียงรายจะเป็นเมืองที่น่าอยู่กว่านี้อีกเยอะ” “นอกจากบทบาทของการพัฒนาชุมชนและสังคมสงเคราะห์ กองสวัสดิการสังคม เทศบาลนครเชียงราย ยังมีกลไกในการส่งเสริมเศรษฐกิจของพี่น้อง 65 ชุมชน ภายในเขตเทศบาลฯ โดยกลไกนี้ครอบคลุมการส่งเสริมสุขภาพ และช่วยดูแลสิ่งแวดล้อมในทางอ้อมด้วยกลไกที่ว่าคือ ‘สหกรณ์นครเชียงราย’ โดยสหกรณ์ฯ นี้เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2560 หลักเราคือการสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชน…
“แม่อยากปลูกผักปลอดภัยให้ตัวเองและคนในเมืองกินไม่ใช่ปลูกผักเพื่อส่งขาย แต่คนปลูกไม่กล้ากินเอง” “บ้านป่างิ้ว ตั้งอยู่ละแวกสวนสาธารณะหาดนครเชียงราย เราและชุมชนฮ่องลี่ที่อยู่ข้างเคียงเป็นชุมชนเกษตรที่ปลูกพริก ปลูกผักไปขายตามตลาดมาแต่ไหนแต่ไร กระทั่งราวปี 2548 สำนักงานเกษตรอำเภอเมืองเชียงราย มาส่งเสริมให้ทำเกษตรปลอดภัย คนในชุมชนก็เห็นด้วย เพราะอยากทำให้สิ่งที่เราปลูกมันกินได้จริง ๆ ไม่ใช่ว่าเกษตรกรปลูกแล้วส่งขาย แต่ไม่กล้าเก็บไว้กินเองเพราะกลัวยาฆ่าแมลงที่ตัวเองใส่…
“วิวเมืองเชียงรายจากสกายวอล์กสวยมาก ๆขณะที่ผืนป่าชุมชนของที่นี่ก็มีความอุดมสมบูรณ์จนไม่น่าเชื่อว่านี่คือป่าที่อยู่ในตัวเมืองเชียงราย” “ก่อนหน้านี้เราเป็นพนักงานบริษัทเอกชนที่ต่างจังหวัด จนเทศบาลนครเชียงรายเขาเปิดสกายวอล์กที่ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนดอยสะเก็น และหาพนักงานนำชม เราก็เลยกลับมาสมัคร เพราะจะได้กลับมาอยู่บ้านด้วย ตรงนี้มีหอคอยชมวิวอยู่แล้ว แต่เทศบาลฯ อยากทำให้ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ก็เลยต่อขยายเป็นสกายวอล์กอย่างที่เห็น ซึ่งสุดปลายของมันยังอยู่ใกล้กับต้นยวนผึ้งเก่าแก่ที่มีผึ้งหลวงมาทำรังหลายร้อยรัง รวมถึงยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติบนภูเขา ในป่าชุมชนผืนนี้ จริง…