“พื้นเพครอบครัวผมทำฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์ทะเลในตำบลปากพูน และส่งขายให้พ่อค้าคนกลางในตัวเมืองนครศรีธรรมราช ก่อนหน้านี้ ผมไม่ได้มีความคิดจะกลับมาทำตรงนี้เลย ผมจบมาทางด้านการจัดการธุรกิจที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ และทำงานบริษัทอยู่ที่จังหวัดสมุทรสาคร
กระทั่งภรรยาผมเสียชีวิต เหลือผมกับลูก จึงตัดสินใจลาออก กลับมาช่วยธุรกิจที่บ้าน เพราะจะได้มีคนช่วยเลี้ยงลูก และเตี่ยก็อยากให้ผมกลับมาสานต่อธุรกิจอยู่แล้วด้วย
หลังจากทำงานที่บ้านได้ไม่นาน ผมก็พบปัญหาว่าหากมีช่วงเวลาไหนที่ปูล้นตลาด พ่อค้าคนกลางจะไม่รับซื้อปูจากฟาร์มผมและชาวบ้านคนอื่นๆ พวกเราเลยไม่มีรายได้ ก็ปรึกษากับเตี่ยว่า เอางี้ไหม ผมเคยทำงานที่มหาชัยและพอรู้ว่าที่นั่นมีแหล่งรับซื้อปู เราน่าจะไปขายเขาได้ เลยตัดสินใจแพ็คปูใส่กล่องขึ้นรถทัวร์ไปหาคนรับซื้อเอง สมัยนั้นคือเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว ยังไม่มีช่องทางขายออนไลน์แบบทุกวันนี้ ไปถึงก็เดินเร่ขาย จนเจอคนรับซื้อ ก็คุยกันว่าเขาต้องการอาหารทะเลอะไรบ้าง บรรจุส่งอย่างไร และช่วงเวลาใด ก็ทดลองส่งอยู่สักพัก จนเขาพอใจในคุณภาพก็เลยผูกปิ่นโตกันเรื่อยมา จากนั้นผมก็นั่งรถทัวร์ไปหาตลาดต่อ ทั้งในแม่กลอง ปทุมธานี ชลบุรี ไปจนถึงภัตตาคารที่เยาวราช
หมู่บ้านที่ผมอยู่นี่ติดคลองท่าแพที่ไหลออกสู่อ่าวไทยครับ ชาวบ้านส่วนใหญ่ที่นี่เลี้ยงชีพด้วยการทำประมง ไม่ถึงกับต้องออกเรือไปทะเล ลำพังแค่คลองหน้าบ้านก็มีปลาให้จับแล้ว พอผมได้ช่องทางการขายที่มากพอ ก็เลยชวนชาวบ้านนำอาหารทะเลมาขายกับผม โดยรับซื้อในราคาเป็นธรรม และจัดส่งต่อไปยังภาคกลางทุกวัน ทำแบบนี้มา 20 กว่าปีแล้วครับ
จนโครงการเมืองแห่งการเรียนรู้ของมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราชเข้ามาในพื้นที่ ผมเห็นถึงประโยชน์ที่ชาวบ้านจะได้ร่วมกัน จึงยินดีแบ่งพื้นที่ที่ผมใช้รับซื้อปลาจากชาวบ้านครึ่งหนึ่งให้ทางทีมงานไปทำ ‘ตลาดความสุขชาวเล’ เป็นพื้นที่กลางให้ชาวบ้านได้นำสินค้าชุมชนมาขาย ขณะเดียวกันก็รองรับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูปอาหารทะเลด้วย
ที่ผ่านมา เวลาชาวประมงออกไปจับปลา พวกอวนลอยปูและกุ้งมักจะมีสัตว์น้ำขนาดเล็กที่ไม่ใช่ลูกปลาติดมาด้วย สัตว์น้ำพวกนี้ส่วนใหญ่ถ้าไม่สะบัดทิ้ง ก็จะเอามาขายเป็นอาหารสัตว์ ซึ่งไม่ได้ราคา กลุ่มแม่บ้านเราก็เล็งเห็นว่าตรงนี้สามารถที่จะนำมาแปรรูปเป็นปลาหวาน ปลาเส้น หรือกุ้งแห้งได้ ทางชุมชนก็เลยใช้พื้นที่ตรงนี้สำหรับแปรรูป โดยได้รับการสนับสนุนจากกรมประมง ทำโรงอบพลังงานแสงอาทิตย์ให้ด้านหลัง และเราก็ตั้งทั้งหน้าร้านและสำนักงานร่วมกันตรงนี้ เปิดให้คนเข้ามาซื้อ หรือจะสั่งออนไลน์ เราก็จัดส่งให้
และก็เพราะว่าเราหากินกับลำคลองและทะเลหน้าบ้านตรงนี้ ทางชุมชนก็เลยร่วมกันตั้งกลุ่มอนุรักษ์ขึ้น เพราะเราเห็นได้ชัดว่าพอมีการใช้เครื่องมือทำการประมงที่ผิดกฎหมาย บางชนิดทำลายทรัพยากรหน้าดิน บางชนิดก็จับลูกปลาไปด้วย สัตว์น้ำจึงไม่มีโอกาสขยายพันธุ์ ปลาที่เราจับก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด เลยร่วมกับทางประมงและผู้ใหญ่บ้าน รณรงค์ให้ปากพูนเป็นพื้นที่ปลอดเครื่องมือประมงผิดกฎหมาย และเราก็ทำความเข้าใจกับชาวบ้านร่วมกันว่า ถ้าขืนเป็นแบบนี้ต่อไป บ้านเราก็จะไม่เหลือปลาให้ได้จับ ทุกคนก็เข้าใจตรงกัน จากนั้นทางผมก็ทำธนาคารปูสำหรับอนุบาลปู และฝากชาวประมงที่เขานำปลามาขายที่ผม ไปปล่อยปูที่โตได้ที่ให้เติบโตต่อไปในทะเล
จริงๆ ถ้าผมไปปล่อยเองก็ปล่อยได้ แต่ว่าต้องการให้ชาวประมงที่จะทำการหากินที่นอกทะเลให้เขามีจิตใจที่ร่วมอนุรักษ์กับเรา แรกๆ เขาก็อิดออดแหละครับ เพราะไม่ใช่หน้าที่ของเขา แต่พอหลังๆ พอเขาเอาไปปล่อยแล้วพบว่ามีปูให้จับเพิ่มมากขึ้น เขาก็ยินดี เขาทำด้วยตัวเอง ก็พบผลประโยชน์เอง บางทีก็มาแวะถามว่ามีปูให้เขาออกเรือไปปล่อยไหม ส่วนแม่ปูที่เขาจับได้ในบางครั้ง เขาก็เอามาฝากเลย ผมไม่ได้รับซื้อเขา เขาเอามาให้เราเพาะเลี้ยงให้แม่ปูได้ออกลูกในธนาคารของเราต่อ
จะว่าไปก็เหมือนธุรกิจประมงแบบถ้อยทีถ้อยอาศัยน่ะครับ ชาวบ้านได้ขายปลา ผมได้ซื้อไปขายต่อ กลุ่มแม่บ้านมีรายได้จากการทำอาหารแปรรูป และพอเราทำธนาคารปูและการอนุรักษ์ ทรัพยากรสัตว์น้ำก็ได้หมุนเวียนอย่างยั่งยืน เศรษฐกิจในชุมชนดี ทุกคนก็มีความสุข และพอทุกคนเข้าใจและได้ประโยชน์ร่วมกัน พอจะมีการพัฒนาชุมชนอะไร ทุกคนก็พร้อมจะร่วมมือกันอย่างราบรื่น”
ทักษิณ แสนเสนาะ
วิสาหกิจชุมชนกลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรประมงพื้นบ้านปากพูน
และรองประธานตลาดความสุขชาวเล
ชวนอ่าน WeCitizens เมืองเชียงราย : เมืองนวัตกรรมการเกษตร Ebook ได้ที่ https://anyflip.com/jnmvd/iyvl/ Download PDF File : https://drive.google.com/.../1mQO8ZR9GTik02hfUPdS.../view... บอกเล่าเรื่องราวมุมมองเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด (Livable…
คนนครวัย 30 ปีขึ้นไปน่าจะคุ้นกับร้านหนังสือ “นาคร-บวรรัตน์” บนถนนราชดำเนิน ย่านท่าวัง ที่นี่คือร้านหนังสืออิสระที่เป็นพื้นที่จัดกิจกรรมอ่าน-เขียน และแสดงผลงานศิลปะ รวมถึงเป็นศูนย์รวมของนักเขียนและศิลปิน ทั้งจากกลุ่มวรรณกรรม “นาคร” เหล่านักเขียนรางวัล และศิลปินแห่งชาติที่แวะเวียนมาอยู่เสมอ จนกลายเป็นแรงขับสำคัญที่ทำให้เมืองนครมีชื่อในฐานะเมืองแห่งนักเขียนและศิลปิน อดีตร้านหนังสือแห่งนี้ตั้งอยู่ภายใน…
สมัยก่อนพ่อเป็นนายหนังตะลุงที่หวงวิชามากจนมีโอกาสเข้าเฝ้าในหลวง ร.9คำตรัสของพระองค์ท่าน เปลี่ยนความคิดพ่อไปอย่างสิ้นเชิง “สมัยก่อน นายหนังหรือผู้แสดงหลักในหนังตะลุง ส่วนใหญ่เขาจะหวงวิชามากนะครับ มันเหมือนศิลปะการแสดงที่ถ่ายทอดกันอย่างจำกัด และนายหนังแต่ละคนก็จะมีศาสตร์เฉพาะตัวในการแสดงเช่นเดียวกับคุณพ่อของผม (สุชาติ ทรัพย์สิน) แกก็เป็นคนหวงวิชามาก ๆ ใครมาขอให้สอนตอกหนังหรือเชิดหุ่นนี่ยาก กระทั่งปี 2527…
เมืองเรามีสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีความพร้อม แต่พื้นที่ระดับชุมชนที่ชาวบ้านได้มาจัดกิจกรรมร่วมกัน แบบที่ไม่ต้องใช้พื้นที่ถนนสาธารณะน่ะ ยังไม่มี ถ้ามีจะดีมาก ๆ “ครอบครัวพี่แต่เดิมเป็นชาวนาอยู่นอกเขตเทศบาล กระทั่งพี่ชายและพี่สาวสอบติดโรงเรียนกัลยาณีศรีธรรมราช แม่ก็เลยตัดสินใจย้ายเข้ามาทำงานในเมืองแม่มาปลูกบ้านอยู่แถวถนนพัฒนาการคูขวางราวปี 2521 ก่อนหน้าที่เขาจะตัดถนนเป็น 4 เลน ย่านที่เราอยู่ค่อนข้างเสื่อมโทรม เหมือนขยะใต้พรมของเมือง…
การจะทำให้เมืองเราเป็นเมืองอัจฉริยะปัจจัยสำคัญที่ต้องมีคือการมีโรงเรียนที่ตอบโจทย์การศึกษาด้านเทคโนโลยี “เวลาพูดถึงโรงเรียนในสังกัดเทศบาล หรือกระทั่งโรงเรียนวัดเนี่ย คนส่วนมากมักนึกถึงการเป็นโรงเรียนขยายโอกาส หรือทางเลือกสุดท้าย ไม่ใช่ทางเลือกหลักของผู้ปกครองส่วนใหญ่นักอย่างไรก็ตาม กับโรงเรียนทั้ง 8 แห่งในสังกัดเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นโรงเรียนวัดทั้งหมดด้วย กลับแตกต่างออกไป เพราะที่นี่กลายเป็นโรงเรียนที่เด็ก ๆ ในนครต้องสอบแข่งขันเพื่อเข้าเรียน กลายเป็นโรงเรียนชั้นนำในกลุ่มปฐมวัยไปสิ่งนี้ต้องยกเครดิตให้นายกเทศมนตรีสมนึก…
แม้เราจะพึ่งพาเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือหลักแต่แก่นสารของมันคือการคิดนโยบายที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้คนหัวใจสำคัญจึงไม่ใช่เทคโนโลยี แต่เป็นผู้คน “หลังเรียนจบผมก็กลับมานครบ้านเกิด เข้าทำงานเป็นลูกจ้างเทศบาล ก่อนจะไต่เต้าขึ้นมาเรื่อย ๆ จนเป็นเจ้าหน้าที่วิเคราะห์แผนและนโยบายในปัจจุบันสี่ปีที่แล้ว ตอน ดร.โจ (กณพ เกตุชาติ) หาเสียงเพื่อรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราชสมัยแรก ท่านได้เสนอนโยบายเรื่องเมืองอัจฉริยะด้วยการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อทำให้เมืองน่าอยู่ พอท่านได้รับเลือกเข้ามา บทบาทของผมคือการช่วยท่านเขียนแผนดังกล่าวผมได้เรียนรู้จาก…