“เราเรียนมาทางดุริยางคศิลป์ หลังจากเรียนจบก็เป็นครูสอนดนตรี และเล่นดนตรีกลางคืนอยู่เชียงใหม่อยู่พักใหญ่ๆ จนประมาณ 5 ปีที่แล้ว เราอกหัก ตอนนั้นเป็นอารมณ์ชั่ววูบเหมือนกัน ตัดสินใจขับรถกลับบ้านที่พะเยา แม่ก็เปิดประตูบ้านรับ หลังจากนั้นก็ไม่ให้ไปไหนเลย (หัวเราะ)
ตอนแรกก็ไม่รู้จะทำอาชีพอะไรหรอก พ่อแม่เราเป็นข้าราชการเกษียณ พี่ชายขายก๋วยเตี๋ยวเป็ด ส่วน ค่าจ้างนักดนตรีของที่นี่ก็ถูกกว่าเชียงใหม่เกือบครึ่ง ทำเป็นอาชีพแทบไม่ได้ ที่สำคัญเราพบว่าพะเยาเงียบมากๆ คือในแง่การใช้ชีวิตอยู่ มันก็สงบและสะดวกสบายดีหรอก แต่ถ้าเทียบกับเชียงใหม่ที่เราอยู่มา บ้านเกิดเราก็แทบไม่มีสีสันอะไร
จนพี่แตง (บงกช กาญจนรัตนากร) เจ้าของร้านนิทานบ้านต้นไม้ ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านเรามาตั้งแต่เด็ก มาชวนเราไปทำตลาดเช้า คือหลังร้านพี่แตงมีสวนเล็กๆ ร่มรื่น พี่แกก็ชวนคนรุ่นราวคราวเดียวกันมาขายของ พวกงานแฮนด์เมดบ้าง ของแต่งบ้าน เสื้อผ้ามือสองบ้าง เราก็ไปช่วยพี่แตง และก็เล่นดนตรีในสวนให้คนมาตลาดได้ฟัง
ตรงนี้แหละที่จุดประกายเรามาก เหมือนงานแบบนี้มันดึงดูดคนที่มีความสนใจแบบเดียวกับเรามาเจอกัน เพราะที่ผ่านมาพะเยาไม่มีพื้นที่ประมาณนี้เลยนะ ก็ได้รู้จักคนทำกาแฟ ครูสอนวาดรูปสีน้ำ หรือนักออกแบบที่ย้ายกลับมาอยู่พะเยา และอีกหลายอาชีพ ก็กลายเป็นเพื่อนกัน อีกอย่างพอทำตลาดเช้าก็มีเด็กๆ หน้าใหม่ๆ มาร่วมงานเสมอ ก็ทำให้ได้คิดว่า เราอยากอยู่เมืองแบบไหน ก็ควรช่วยกันทำให้เมืองเป็นแบบนั้น ก็เลยร่วมกันจัดอีเวนท์แนวสร้างสรรค์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
เราตั้งชื่อกลุ่มว่า Phayao Lovers เพราะจะได้เห็นว่านี่เป็นกลุ่มก้อนของคนรุ่นใหม่ในพะเยาที่รักพะเยา และพร้อมจะทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ เพื่อทำให้เมืองเราน่าอยู่ ก็เริ่มจากในสวนร้านพี่แตงก่อน มีมินิคอนเสิร์ตการกุศลที่เรากับศิลปินในพะเยาจัดการแสดง มีชวนคนนั้นคนนี้มาจัดเวิร์คช็อปทำงานศิลปะ ทำขนม และงานหัตถกรรม รวมถึงตลาดนัดในธีมต่างๆ
จนพอคนมาร่วมงานมากขึ้น สวนในร้านเอาไม่อยู่แล้ว ก็เลยขออนุญาตเทศบาลจัดตลาดนัดตรงถนนราชวงศ์ซึ่งอยู่หน้าร้านทุกวันอาทิตย์ต้นเดือน และจากถนนหน้าร้าน ต่อมาเราก็ได้งานที่ริมกว๊านพะเยา ก็ร่วมกับหอการค้าจังหวัด และกลุ่มคนทำกาแฟในเมืองจัดงาน Phayao Coffee & Tea Lovers เป็นเทศกาลกาแฟครั้งแรกของเมือง
พอทำหลายๆ งานเข้า ผู้ใหญ่เขาก็เริ่มเห็นศักยภาพของพวกเรา หลังงานกาแฟ เขาก็เลยให้เราจัดงานลอยกระทงของเมืองไปเลย
ตอนนั้นโควิดเพิ่งซา คนก็ยังกล้าๆ กลัวๆ จะออกมาข้างนอก เขาก็คงคิดกันว่าควรจะใช้งานนี้ปลุกเมือง โปรเจกต์ ล้า’ ลา’ ลอย คอยเธอที่ริมกว๊าน จึงเกิดขึ้น เป็นงานลอยกระทงแนวเรโทรจัดที่ข่วงนกยูง ริมกว๊านพะเยา เราหาจุดร่วมของงานที่ผู้ใหญ่และคนรุ่นใหม่สนุกไปด้วยกันได้ เลยจัดงานที่มีเดรสโค้ด เป็นชุดย้อนยุคแบบเรโทร มีงานบอลรูม รำวงย้อนยุค เต้นลีลาศ มีคอนเสิร์ตของวงดนตรีบาร์ขาว ซึ่งเป็นวงดนตรีรุ่นเดอะของเมืองที่กลับมารวมตัวกันครั้งแรกในรอบ 50 ปี ขณะเดียวกันก็มีการแสดงดนตรีของคนรุ่นใหม่ มีการประกวดดนตรีและวาดรูป ตอนนั้นจัด 3 วัน (30 ตุลาคม – 1 พฤศจิกายน 2563) ได้รับเสียงตอบรับดีมาก หลังจากนั้นก็ได้จัดงานนั่นนี่ต่อเนื่องมาถึงทุกวันนี้
จะบอกว่าเป็นบริษัทอีเวนท์ก็ไม่ได้เป็นทางการขนาดนั้นค่ะ เราไม่ได้มองในระดับของการทำเป็นอาชีพ แต่อย่างที่บอกว่าถ้าเราอยากเห็นเมืองเป็นแบบไหน เราพอมีพลัง ก็จะขับเคลื่อนให้เมืองมันใกล้เคียงกับภาพนั้น
ทุกวันนี้ก็ยังเล่นดนตรีอยู่ค่ะ เราเล่นประจำที่บาร์บนดาดฟ้าของโรงแรม M2 Waterside ช่วงสุดสัปดาห์ บางครั้งก็ไปเล่นในอีเวนท์ของเมือง อย่างงานวัฒนธรรมที่ต้องการมือสะล้อซอซึง เราก็เล่นนะ (หัวเราะ)
ย้อนกลับไปคิดก็รู้สึกตลกดี จากที่กลับมาอยู่บ้านใหม่ๆ แล้วงงๆ ไม่รู้จะใช้ชีวิตในเมืองนี้อย่างไร หรือจะทำงานอะไร จากที่มองพะเยาเป็นเมืองเล็กๆ ที่ดูไม่มีอะไร ทุกวันนี้เราพบแต่โอกาสที่ทำให้เมืองเป็นในแบบที่พวกเราอยากให้เป็น”
เพ็ญพิศุทธิ์ พวงสุวรรณ
นักดนตรีอิสระ เจ้าของร้านบ้านบ่อเลคแคมป์ “บ้านบ่อครูไท”
และตัวแทนจาก Phayao Lovers
https://www.facebook.com/PhayaoLovers/
พลังคน พลังโคมลำพูน: เมืองเล็ก ๆ ที่เปี่ยมไปด้วยพลังสร้างสรรค์ แม้ ดร.สุดารัตน์ อุทธารัตน์ เป็นคนเชียงใหม่ เธอก็หาใช่เป็นคนอื่นคนไกลสำหรับชาวลำพูนเพราะก่อนจะเข้ามาขับเคลื่อนงานวิจัยเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาดกับเทศบาลเมืองลำพูน เธอได้ทำวิจัยเกี่ยวกับเมืองแห่งนี้มาหลายครั้ง โดยเฉพาะโครงการขับเคลื่อนเยาวชนเพื่อเตรียมพร้อมสู่การเป็นพลเมืองของเมืองแห่งการเรียนรู้ของ UNESCO ในปี 2566-2567 - นั่นล่ะ…
“เป็นสิ่งวิเศษที่สุด ที่ผ้าไหมของจังหวัดลำพูนได้ปรากฏต่อสายตาผู้คนทั้งในและต่างประเทศ ทั้งเมื่อครั้งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงให้การส่งเสริม และทรงฉลองพระองค์ด้วยผ้าไหมยกดอกลำพูนในพระราชพิธีสำคัญต่าง ๆ และกระทั่งในปัจจุบัน สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 10 ก็ทรงส่งเสริมผ้าไหมไทย และฉลองพระองค์ด้วยผ้าไหมยกดอกลำพูนในพระราชพิธีสำคัญเช่นกัน ดิฉันเป็นคนลำพูน มีความภูมิใจในงานหัตถศิลป์การทอผ้าไหมยกดอกนี้มาก ๆ และตั้งใจจะรักษามรดกทางวัฒนธรรม ทำหน้าที่ส่งต่อถึงคนรุ่นต่อไป…
“ความที่โตมาในลำพูน เราตระหนักดีว่าเมืองเรามีต้นทุนทางวัฒนธรรมที่สูงมาก ทั้งยังมีบรรยากาศที่น่าอยู่ อย่างไรก็ดี อาจเพราะเป็นเมืองขนาดเล็ก ลำพูนมักถูกมองข้ามจากแผนการพัฒนาของประเทศ เป็นเหมือนเมืองที่มีศักยภาพ แต่ยังไม่ถูกปลุกให้ตื่นความที่เราเคยทำงานที่ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (ปัจจุบันคือสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA - ผู้เรียบเรียง) ได้เห็นตัวอย่างความสำเร็จของกระบวนการพัฒนาย่านด้วยกรอบพื้นที่สร้างสรรค์ในหลายพื้นที่…
“ผมเป็นคนลำพูน และชอบทำกิจกรรมนอกห้องเรียนมาตั้งแต่เด็ก ปัจจุบันเป็นประธานสภาเด็กและเยาวชนจังหวัดลำพูน ควบคู่ไปกับกำลังศึกษาคณะรัฐศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่จากประสบการณ์การทำงานในสภาฯ ทำให้ผมเห็นว่า เยาวชนลำพูนมีศักยภาพที่หลากหลาย แต่สิ่งที่ขาดไปคือเวทีที่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้แสดงความสามารถและพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากการสนับสนุนจากโรงเรียนหรือโครงการของภาคเอกชน ปี 2567 พี่อร (ดร.สุดารัตน์ อุทธารัตน์…
“อาคารหลังนี้แต่ก่อนเป็นที่ประทับของเจ้าราชสัมพันธวงษ์ลำพูน (พุทธวงษ์ ณ เชียงใหม่) น้องเขยของเจ้าจักรคำขจรศักดิ์ เจ้าหลวงองค์สุดท้ายของลำพูน อาคารถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 2455 หลังจากนั้นก็ถูกขายให้พ่อค้าชาวจีนไปทำเป็นโรงเรียนหวุ่นเจิ้ง สอนภาษาจีนและคณิตศาสตร์ โรงเรียนนี้เปิดได้ไม่นานก็ต้องปิด เพราะสมัยนั้นรัฐบาลเพ่งเล็งว่าอะไรที่เป็นของจีนจะเกี่ยวข้องกับลัทธิคอมมิวนิสต์ แต่หนูก็ไม่รู้หรอกว่าโรงเรียนนี้เกี่ยวข้องหรือเปล่า (ยิ้ม) จากนั้นอาคารก็ถูกเปลี่ยนมาเป็นโรงเรียนมงคลวิทยาในปี…
“เราโตมากับวัฒนธรรมของคนลำพูน ชอบไปเดินงานปอย ร่วมงานบุญ ก่อนหน้านี้ก็เคยทำงานรับจ้างทั่วไป จนเทศบาลฯ มาส่งเสริมเรื่องการทำโคม โดยมีสล่าจากชุมชนศรีบุญเรืองมาสอน เราก็ไปเรียนกับเขา ตอนนี้อาชีพหลักคือการทำโคม ทำมาได้ 2 ปีแล้ว สำหรับเรา โคมคืองานศิลปะ เป็นสัญลักษณ์และมรดกที่ยึดโยงกับวัฒนธรรมของคนบ้านเรา ตอนแรกเราไม่มีความคิดเลยว่ามันจะกลายมาเป็นอาชีพได้…