“ต้องเปลี่ยนมายด์เซ็ต เรื่องการทำปุ๋ยหาดูที่ไหนก็ได้ เปิดยูทูบเดี๋ยวนี้เยอะแยะ แต่ถ้าทำโดยยังไม่เข้าใจหลักคิด สุดท้ายก็วิ่งหาเงิน เป็นทุนนิยมเหมือนเดิม”

“เราเกิดและโตที่หนองน้ำแดง เรียนอยู่ในวัดที่โรงเรียนวัดวชิราลงกรณวราราม วิ่งเล่นอยู่ละแวกนี้มาตลอด พอเรียนจบด้าน Computer Science มหาวิทยาลัยขอนแก่น สมัยนั้น (ปี 2534) ที่นี่ไม่มีอาชีพรองรับ ต้องเข้าเมืองใหญ่ ซึ่งก็เป็นค่านิยมของคนทั่วไป ก็มาทำงานด้านไอทีของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ตัวเราอยู่กรุงเทพฯ พอมีลูกเข้าเรียน เห็นระบบการศึกษาไทยว่ามีปัญหา เรียนอะไรเครียดขนาดนี้ แล้วลูกเราเป็นตัวแทนโรงเรียนประกวดแข่งขัน มันพัฒนาไปสู่การชิงดีชิงเด่น สังคมพาไปสู่ความอีโก้ แล้วเด็กไม่ได้เรียนรู้ทักษะชีวิต ในสิ่งที่เขาควรจะได้เรียนรู้ ไม่ได้รับการพัฒนาอย่างถูกทาง แต่เขาโตแล้ว จะไปหักดิบไม่ได้ พอมีลูกสาวคนที่สอง เลยมองหาที่เรียนระบบอื่นอยู่หลายที่มาก

ดูรายการทีวีที่อาจารย์ยักษ์ (ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร) พูดถึงโรงเรียนปูทะเลย์มหาวิชชาลัย (ก่อตั้งขึ้นเพื่อสนองพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชที่ทรงพระราชนิพนธ์ในพระมหาชนกว่า ถ้าหากจะฟื้นฟูต้นมะม่วงจะต้องตั้งปูทะเลย์มหาวิชชาลัย) สอนวิธีสร้างให้เด็กเป็นคนดีมีวินัยเพื่อแก้ปัญหาสังคม เป็นการฟื้นฟูประเทศวิธีหนึ่ง และก็เป็นวิถีการเรียนรู้แบบบวรที่เราเติบโตมา น่าจะตอบโจทย์การพัฒนาลูกเราได้ โรงเรียนอยู่ที่ศูนย์การเรียนกสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้อง จ.ชลบุรี เป็นศูนย์ออกแบบการเรียนรู้ตามอัธยาศัย และบูรณาการการศึกษาวิชาหลักไปด้วยกัน แรกๆ ลูกสาวก็ไม่อยากไปนะ เด็กในเมือง เขาก็คิดว่าจะอยู่ได้ยังไง ทีนี้ โรงเรียนมีเงื่อนไขว่า พ่อแม่ต้องไปอบรมกสิกรรมธรรมชาติสู่ระบบเศรษฐกิจพอเพียง 5 วัน 4 คืน ลูกก็ต้องไปด้วย และต้องไปทำจิตอาสา 50 ชั่วโมง ปลูกต้นไม้ 100 ต้น แล้วลูกเราได้ร่วมกิจกรรมเรียนรู้กินอยู่กับพวกรุ่นพี่ โชคดีเจอรุ่นพี่ที่เคมีตรงกัน เขารู้สึกว่า เออ ก็สนุก แฮปปี้ดี แล้วการที่เราได้ไปอบรมด้วย ค่อยๆ เกิดจุดเปลี่ยนในความคิดของเรา เข้าใจคำว่าปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมากกว่าเดิมที่เรารู้ผิวๆ เหมือนคนทั่วไป มองแค่ว่าต้องมาทำเกษตร ต้องมาอยู่แบบกระเหม็ดกระแหม่ ปลูกผักกิน แต่พอเข้าใจจริงๆ มันไม่ใช่ แล้วหลังจากที่ลูกไปเรียน มันไม่ใช่แค่โรงเรียนลูก กลายเป็นโรงเรียนพ่อแม่ด้วย

พ่อแม่ได้แลกเปลี่ยน ร่วมออกแบบกระบวนการเรียนรู้ ช่วยกิจกรรมเอามื้อลงแขก (การเอามื้อสามัคคี เป็นการช่วยเหลือกันในชุมชนด้วยการไปช่วยงานในแปลงของเพื่อนบ้านหรือเครือข่าย) ก็เริ่มมีเพื่อนฝูง กลุ่มผู้ปกครอง ความที่ทุกคนต้องมีพื้นที่หรือวิธีให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ เดินตามทฤษฎีบันได 9 ขั้นสู่ความพอเพียงให้ได้ ก็เลยนึกถึงพื้นที่ตรงนี้ที่เป็นของคุณพ่อคุณแม่ เราทิ้งว่างเปล่าไว้ 20-30 ปี เคยพยายามกลับมาทำประโยชน์ จ้างคนทำ ปลูกสารพัด ใช้เงินลงทุนเพื่อจะหาเงิน แนวคิดทุนนิยมเลย สุดท้ายเงินจม ก็ให้เพื่อนเช่าที่ปลูกแก้วมังกร พอเราเปลี่ยนมายด์เซ็ต กลับมาฟื้นฟูที่นี่ใหม่ เริ่มจากเอาต้นไม้มาปลูก ทุเรียน มะม่วง จนต้นไม้เริ่มโต เราก็ให้ถอนแก้วมังกรที่เขาใช้สารเคมี สภาพดินแร่ธาตุถูกใช้ไป แล้วให้พี่น้องในเครือข่ายมาช่วยดู ช่วยออกแบบ ขุดหนอง ทำโคกหนองนา ก็ทำขนานกับงานประจำที่กรุงเทพฯ อยู่ 2 ปี วันศุกร์เย็นขับรถมา ดีใจมาก จะได้กลับมาที่นี่ พาลูกมาปลูกต้นไม้ เช้ามืดวันจันทร์ก็ขับรถเข้าไปทำงาน เวียนอย่างนี้ จนเริ่มมีผลผลิต ปล่อยไม่ได้ละ ต้องดูแล ทางพี่ดนัยซึ่งเป็นนักวิจัยด้านมะเร็งอยู่สถาบันมะเร็งแห่งชาติก็เกษียณ พอดีกับช่วงโควิดที่ต้อง Work from Home เรามาทำงานอยู่ที่นี่ ลูกมาที่นี่ก็เริ่มซึมซับ รู้สึกว่าอยู่ปากช่องดีกว่า รถไม่ติด ก็เลยตัดสินใจลาออกจากงาน ย้ายกลับบ้านเกิด

พื้นที่ศูนย์เรียนรู้ปูทะเลย์หนองน้ำแดงตรงนี้เกิดจากการร่วมกันของเครือข่าย ช่วยกันสร้าง เราได้ไปอบรมหลายที่ เช่นโครงการพึ่งตน เพื่อชาติ ที่ศูนย์เรียนรู้ศาสตร์พอเพียงพรรณนา เขาใหญ่ ซึ่งก็เป็นเครือข่ายกันอยู่ อาจารย์ยักษ์ก็มาร่วมเป็นที่ปรึกษาโครงการ โอ๋ (ปรเมศวร์ สิทธิวงศ์ – เขาใหญ่ พาโนราม่า ฟาร์ม) เป็นลูกศิษย์อาจารย์ยักษ์เหมือนกัน แล้วก็เป็นรุ่นน้องอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกัน ก็ชวนเข้าชมรมโคกหนองนาวิศวขอนแก่น ก็เลยมีกิจกรรมเอามื้อช่วยกันขุดคลองไส้ไก่ ก่อนหน้านั้นก็มีนักเรียนปูทะเลย์ฯ นักศึกษาสถาบันอาศรมศิลป์เข้ามาทำกิจกรรมด้วย เราตั้งใจให้พื้นที่ตรงนี้เหมือนเป็นแคมปัสหนึ่งของโรงเรียนปูทะเลย์มหาวิชชาลัย ที่เรียนรู้ของเด็กๆ มาใช้พื้นที่ฝึกมือ มาพักได้ มีห้องพัก ห้องอบรม มีอาคารด้านหลัง ไว้ทำเวิร์กช็อป มีที่กางเต็นท์ได้ ห้องน้ำ ห้องพักแบบห้องน้ำในตัวที่ให้ผู้ใหญ่ครูบาอาจารย์มาพัก แต่จะบอกว่าที่นี่ไม่ใช่ศูนย์เรียนรู้กสิกรรมธรรมชาติ เพียงแต่ว่าเรานำวิถีกสิกรรมธรรมชาติมาเป็นวิถีชีวิต สิ่งสำคัญที่เราโฟกัสคือการศึกษาของเยาวชน เป็นโครงการจากโรงเรียนสู่ชุมชน ขยายผลไปสู่บวร

คือต้องเปลี่ยนมายด์เซ็ต เรื่องการทำปุ๋ยหาดูที่ไหนก็ได้ เปิดยูทูบเดี๋ยวนี้เยอะแยะ แต่ถ้าคุณจะทำโดยยังไม่เข้าใจหลักคิด สุดท้ายก็วิ่งหาเงิน ทุนนิยมเหมือนเดิม จะทำเกษตรอินทรีย์ก็เถอะแต่เป้าหมายคุณก็ยังคือธุรกิจ แต่ของเราคือพัฒนาคน การทำพื้นที่ขุดโคกหนองนา ขุดไปเถอะ แต่ถ้าคุณไม่ได้พัฒนาคน ก็ไม่มีประโยชน์ เราโฟกัสเรื่องนี้ ค่อยเป็นค่อยไป เริ่มจากสิ่งเล็กๆ ก่อน ซึ่งตรงนี้เดี๋ยวลูกๆ จะเข้ามาต่อยอด เริ่มมีโครงการกับศูนย์แม่แล้วว่าจะใช้ตรงนี้เป็นโหนดหนึ่งในการบ่มเพาะเยาวชน อาจจะมีจัดค่าย จัดกิจกรรม เป้าหมายตอนนี้คือเยาวชน เพราะรู้แล้วว่าผู้ใหญ่อาจจะยากนิดนึงเพราะเขาเติบโตมาด้วยวิถีแบบนั้น อีกกลุ่มที่เราโฟกัสคือกลุ่มผู้สูงวัย ซึ่งอนาคตจะเยอะขึ้น ทำยังไงให้ผู้สูงวัยมีความสุข เห็นคุณค่าในตัวเอง ซึ่งพอเราขับเคลื่อนศูนย์ฯ นี้ออกมาเป็นรูปธรรม ทางพัฒนาชุมชนมีโครงการโคกหนองนา ก็ให้เราเป็นครอบครัวต้นแบบ คนก็มาดูงานเยอะมาก ทั้งอบต. ครู มาเป็นครอบครัวก็มี สถาบันอาศรมศิลป์มาจัดค่าย เราก็ใช้พื้นที่เรียนรู้ทั้งที่นี่ ที่วัดถ้ำไตรรัตน์ใกล้ๆ นี่ และวัดวชิราลงกรณวราราม ซึ่งเราได้ไปช่วยกับ 7 ภาคีเครือข่ายทำโครงการโคกหนองนาวัดวชิราฯ ก็ตรงตามเป้ากับที่เราต้องการฟื้นฟูวิถีบวรอยู่แล้ว

ผลผลิตในสวนเกษตรผสมผสานของเราก็ออกดอกออกผล ทุเรียนอร่อยมาก เป็นทุเรียนหมอนทองธรรมชาติ มีมะม่วง อะโวคาโด หม่อน ลูกหว้า มะม่วงหาวมะนาวโห่ มะปราง ลูกท้อ หลากหลายมาก เรียกว่าปลูกมั่วไปหมด ว่างอะไรตรงไหนก็ปลูก ตอนพยายามขุดหนองน้ำ คนแถวนี้ก็ว่าเราบ้า บอกเก็บน้ำไม่ได้หรอก มันก็เก็บไม่ได้จริงๆ แต่เราต้องรอเวลา ต้องปลูกป่าให้เยอะๆ ให้มันมีรากไม้อุ้มน้ำใต้ดิน เรามีแหล่งน้ำใต้ดิน พอน้ำไหลมารวมกันใต้ดินเราก็จับมาหมุนเวียน เลี้ยงปลาได้ ดินในพื้นที่เป็นดินร่วนปนทราย ไม่อุ้มน้ำ ก็ได้เครือข่ายมาช่วยกันย่ำ รอกันซึมเป็นบ่อสำหรับชะน้ำลงดิน เราขุดคลองไส้ไก่ รับน้ำจากนอกพื้นที่ที่เขาไม่ต้องการ จับมารวมที่เรา โชคดีที่เป็นที่ราบ มันก็ลงไปอยู่ใต้ดิน ใช้โซลาร์เซลล์ปั๊ม แดดมา น้ำตกก็มา สามารถเอาน้ำตรงนี้ไปรดต้นไม้ได้ ปล่อยไปตามคลองไส้ไก่ กระจายความชื้นไปทั่ว ก็สามารถปลูกพืชผักได้

ที่นี่ยังขาดเรื่องผักสวนครัว เพราะมีงานเครือข่ายเยอะมาก เพิ่งเริ่มมาปักหลักอยู่ที่บ้าน พืชผักสวนครัวปลูกง่าย แต่เป็นผักปัญญาอ่อน ต้องดูแลอย่างดี แต่เราจะมีผักปัญญาแข็ง ไปไหนหลายๆ เดือน กลับมาก็ยังมีผักกิน เช่น ผักไชยา เราต้องรู้จักว่าใบอะไรกินได้ มาเป็นผักได้ และเป็นยาด้วย ย่านางแดงก็เป็นยา เสลดพังพอนก็เป็นทั้งยาล้างพิษ กินเป็นผักสดก็ได้ วอเตอร์เครส ปลูกทิ้งไว้ สวยด้วย กินได้ด้วย พวกนี้บางทีเด็กๆ ไม่รู้ ตรงนี้ก็เป็นศูนย์เรียนรู้ เป็นทั้งที่เรียนรู้ของเรา และของคนที่เข้ามา ไม่ได้บอกว่าเราเป็นอาจารย์ต้องมาสอนเขา เขาเข้ามาสอนเราก็ได้ แล้วระหว่างที่เราพัฒนาพื้นที่ ไม่ใช่ต้องรอจนสมบูรณ์ถึงให้คนเข้ามาเรียนรู้ ระหว่างทางคือการเรียนรู้ มาร่วมกันสร้าง ร่วมกันทำ คนที่เข้ามามีส่วนร่วมตรงนี้ก็จะภูมิใจกับพื้นที่นี้ กลับมาก็เหมือนบ้านตัวเอง”

เกศแก้ว – ดนัย ทิวาเวช
ศูนย์เรียนรู้ปูทะเลย์หนองน้ำแดง

กองบรรณาธิการ

Recent Posts

CITY ON THE MOVE : CIAP ระยะที่ 2 บพท. ผนึกกำลัง 45 พื้นที่ รวมพลังพัฒนาเมืองน่า

ผศ. ดร.มณีรัตน์ วงษ์ซิ้มหัวหน้าโครงการโปรแกรมบ่มเพาะและเร่งรัดกระบวนการเพื่อมุ่งสู่เมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาดCIAP | นายฉัตรกุล ชื่นสุวรรณกุลที่ปรึกษาโครงการ CIAP ประธานกรรมาธิการสถาบันพัฒนาเมือง และอดีตรองนายกเทศบาลเมืองสระบุรี  ในงาน CITY SOLUTION DAY : เปิดเมือง เปลี่ยนเมือง สู่อนาคตเมืองน่าอยู่27 กันยายน 2568 ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์…

4 weeks ago

CITY ON THE MOVE : ปลดล็อคศักยภาพท้องถิ่นใหม่ กับ 4 ยุทธศาสตร์การพัฒนาเมือง

การบรรยายในหัวข้อ “ภาพรวมการขับเคลื่อนงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาเมืองน่าอยู่และการกระจายศูนย์กลางความเจริญของหน่วย บพท.” โดย รศ.ดร.ปุ่น เที่ยงบูรณธรรม รองผู้อำนวยการฝ่ายแผนและยุทธศาสตร์องค์กร หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ในงาน City Solution Days: เปิดเมือง เปลี่ยนเมือง สู่อนาคตเมืองน่าอยู่ วันที่…

4 weeks ago

CITY ON THE MOVE :<br />สถาบันพัฒนาเมือง มิติใหม่งานพัฒนาเมือง

“ในฐานะที่เป็นนายกเทศมนตรีเมืองร้อยเอ็ด และในฐานะนายกสมาคมเทศบาลนครและเมือง ซึ่งในสมาคมเรามีสมาชิกที่ประกอบไปด้วย เทศบาลนครประมาณ 35 แห่ง และ เทศบาลเมืองประมาณ 220 แห่ง ผมอยากเชิญชวนพวกเรามองเมืองของเราไปด้วยกัน โจทย์วันนี้ของประเทศไทย ถ้าให้เปรียบเทียบก็เหมือนเราเป็นคนที่มีจมูกรูเดียว พึ่งพาส่วนกลาง และเดินทางมาอย่างนี้มาโดยตลอด จนมีการกระจายอำนาจเมื่อปี 2540 แต่ก็เป็นการกระจายอํานาจค่อนข้างที่จะเป็น ลูกครึ่งลูกผสม คือมีรัฐบาลคอยกําหนดกรอบทั้งการปฏิบัติงานและงบประมาณ ท้องถิ่นก็ทำงานในระดับพื้นที่ไป จริงอยู่ว่าเรื่องนี้จะไม่ได้เป็นอุปสรรคปัญหาต่อการพัฒนาเชิงพื้นที่เท่าไหร่ โดยเฉพาะกับกลุ่มผู้บริหารท้องถิ่นที่มีความตั้งใจจริง และแสวงหาโอกาสที่อยากจะพัฒนาบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเองอย่างตลอดเวลา   วันนี้สมาคมเทศบาลนครและเมือง มีโอกาสรวมตัวกันในการที่จะแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ แล้วหาช่องทางในการที่จะส่งเสริมต่อยอด ซึ่งในปีพ.ศ.2567 ก็เกิดความร่วมมือกับทาง บพท.…

1 month ago

WeCitizens : เมืองเชียงราย

ชวนอ่าน WeCitizens เมืองเชียงราย : เมืองนวัตกรรมการเกษตร Ebook ได้ที่ https://anyflip.com/jnmvd/iyvl/ Download PDF File : https://drive.google.com/.../1mQO8ZR9GTik02hfUPdS.../view... บอกเล่าเรื่องราวมุมมองเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด (Livable…

2 months ago

[City’s Movement]<br />บวรนคร

คนนครวัย 30 ปีขึ้นไปน่าจะคุ้นกับร้านหนังสือ “นาคร-บวรรัตน์” บนถนนราชดำเนิน ย่านท่าวัง ที่นี่คือร้านหนังสืออิสระที่เป็นพื้นที่จัดกิจกรรมอ่าน-เขียน และแสดงผลงานศิลปะ รวมถึงเป็นศูนย์รวมของนักเขียนและศิลปิน ทั้งจากกลุ่มวรรณกรรม “นาคร” เหล่านักเขียนรางวัล และศิลปินแห่งชาติที่แวะเวียนมาอยู่เสมอ จนกลายเป็นแรงขับสำคัญที่ทำให้เมืองนครมีชื่อในฐานะเมืองแห่งนักเขียนและศิลปิน อดีตร้านหนังสือแห่งนี้ตั้งอยู่ภายใน…

2 months ago

[The Citizens]<br />วาที ทรัพย์สิน

สมัยก่อนพ่อเป็นนายหนังตะลุงที่หวงวิชามากจนมีโอกาสเข้าเฝ้าในหลวง ร.9คำตรัสของพระองค์ท่าน เปลี่ยนความคิดพ่อไปอย่างสิ้นเชิง “สมัยก่อน นายหนังหรือผู้แสดงหลักในหนังตะลุง ส่วนใหญ่เขาจะหวงวิชามากนะครับ มันเหมือนศิลปะการแสดงที่ถ่ายทอดกันอย่างจำกัด และนายหนังแต่ละคนก็จะมีศาสตร์เฉพาะตัวในการแสดงเช่นเดียวกับคุณพ่อของผม (สุชาติ ทรัพย์สิน) แกก็เป็นคนหวงวิชามาก ๆ ใครมาขอให้สอนตอกหนังหรือเชิดหุ่นนี่ยาก กระทั่งปี 2527…

2 months ago