“เราเกิดและโตที่หนองน้ำแดง เรียนอยู่ในวัดที่โรงเรียนวัดวชิราลงกรณวราราม วิ่งเล่นอยู่ละแวกนี้มาตลอด พอเรียนจบด้าน Computer Science มหาวิทยาลัยขอนแก่น สมัยนั้น (ปี 2534) ที่นี่ไม่มีอาชีพรองรับ ต้องเข้าเมืองใหญ่ ซึ่งก็เป็นค่านิยมของคนทั่วไป ก็มาทำงานด้านไอทีของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ตัวเราอยู่กรุงเทพฯ พอมีลูกเข้าเรียน เห็นระบบการศึกษาไทยว่ามีปัญหา เรียนอะไรเครียดขนาดนี้ แล้วลูกเราเป็นตัวแทนโรงเรียนประกวดแข่งขัน มันพัฒนาไปสู่การชิงดีชิงเด่น สังคมพาไปสู่ความอีโก้ แล้วเด็กไม่ได้เรียนรู้ทักษะชีวิต ในสิ่งที่เขาควรจะได้เรียนรู้ ไม่ได้รับการพัฒนาอย่างถูกทาง แต่เขาโตแล้ว จะไปหักดิบไม่ได้ พอมีลูกสาวคนที่สอง เลยมองหาที่เรียนระบบอื่นอยู่หลายที่มาก
ดูรายการทีวีที่อาจารย์ยักษ์ (ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร) พูดถึงโรงเรียนปูทะเลย์มหาวิชชาลัย (ก่อตั้งขึ้นเพื่อสนองพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชที่ทรงพระราชนิพนธ์ในพระมหาชนกว่า ถ้าหากจะฟื้นฟูต้นมะม่วงจะต้องตั้งปูทะเลย์มหาวิชชาลัย) สอนวิธีสร้างให้เด็กเป็นคนดีมีวินัยเพื่อแก้ปัญหาสังคม เป็นการฟื้นฟูประเทศวิธีหนึ่ง และก็เป็นวิถีการเรียนรู้แบบบวรที่เราเติบโตมา น่าจะตอบโจทย์การพัฒนาลูกเราได้ โรงเรียนอยู่ที่ศูนย์การเรียนกสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้อง จ.ชลบุรี เป็นศูนย์ออกแบบการเรียนรู้ตามอัธยาศัย และบูรณาการการศึกษาวิชาหลักไปด้วยกัน แรกๆ ลูกสาวก็ไม่อยากไปนะ เด็กในเมือง เขาก็คิดว่าจะอยู่ได้ยังไง ทีนี้ โรงเรียนมีเงื่อนไขว่า พ่อแม่ต้องไปอบรมกสิกรรมธรรมชาติสู่ระบบเศรษฐกิจพอเพียง 5 วัน 4 คืน ลูกก็ต้องไปด้วย และต้องไปทำจิตอาสา 50 ชั่วโมง ปลูกต้นไม้ 100 ต้น แล้วลูกเราได้ร่วมกิจกรรมเรียนรู้กินอยู่กับพวกรุ่นพี่ โชคดีเจอรุ่นพี่ที่เคมีตรงกัน เขารู้สึกว่า เออ ก็สนุก แฮปปี้ดี แล้วการที่เราได้ไปอบรมด้วย ค่อยๆ เกิดจุดเปลี่ยนในความคิดของเรา เข้าใจคำว่าปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมากกว่าเดิมที่เรารู้ผิวๆ เหมือนคนทั่วไป มองแค่ว่าต้องมาทำเกษตร ต้องมาอยู่แบบกระเหม็ดกระแหม่ ปลูกผักกิน แต่พอเข้าใจจริงๆ มันไม่ใช่ แล้วหลังจากที่ลูกไปเรียน มันไม่ใช่แค่โรงเรียนลูก กลายเป็นโรงเรียนพ่อแม่ด้วย
พ่อแม่ได้แลกเปลี่ยน ร่วมออกแบบกระบวนการเรียนรู้ ช่วยกิจกรรมเอามื้อลงแขก (การเอามื้อสามัคคี เป็นการช่วยเหลือกันในชุมชนด้วยการไปช่วยงานในแปลงของเพื่อนบ้านหรือเครือข่าย) ก็เริ่มมีเพื่อนฝูง กลุ่มผู้ปกครอง ความที่ทุกคนต้องมีพื้นที่หรือวิธีให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ เดินตามทฤษฎีบันได 9 ขั้นสู่ความพอเพียงให้ได้ ก็เลยนึกถึงพื้นที่ตรงนี้ที่เป็นของคุณพ่อคุณแม่ เราทิ้งว่างเปล่าไว้ 20-30 ปี เคยพยายามกลับมาทำประโยชน์ จ้างคนทำ ปลูกสารพัด ใช้เงินลงทุนเพื่อจะหาเงิน แนวคิดทุนนิยมเลย สุดท้ายเงินจม ก็ให้เพื่อนเช่าที่ปลูกแก้วมังกร พอเราเปลี่ยนมายด์เซ็ต กลับมาฟื้นฟูที่นี่ใหม่ เริ่มจากเอาต้นไม้มาปลูก ทุเรียน มะม่วง จนต้นไม้เริ่มโต เราก็ให้ถอนแก้วมังกรที่เขาใช้สารเคมี สภาพดินแร่ธาตุถูกใช้ไป แล้วให้พี่น้องในเครือข่ายมาช่วยดู ช่วยออกแบบ ขุดหนอง ทำโคกหนองนา ก็ทำขนานกับงานประจำที่กรุงเทพฯ อยู่ 2 ปี วันศุกร์เย็นขับรถมา ดีใจมาก จะได้กลับมาที่นี่ พาลูกมาปลูกต้นไม้ เช้ามืดวันจันทร์ก็ขับรถเข้าไปทำงาน เวียนอย่างนี้ จนเริ่มมีผลผลิต ปล่อยไม่ได้ละ ต้องดูแล ทางพี่ดนัยซึ่งเป็นนักวิจัยด้านมะเร็งอยู่สถาบันมะเร็งแห่งชาติก็เกษียณ พอดีกับช่วงโควิดที่ต้อง Work from Home เรามาทำงานอยู่ที่นี่ ลูกมาที่นี่ก็เริ่มซึมซับ รู้สึกว่าอยู่ปากช่องดีกว่า รถไม่ติด ก็เลยตัดสินใจลาออกจากงาน ย้ายกลับบ้านเกิด
พื้นที่ศูนย์เรียนรู้ปูทะเลย์หนองน้ำแดงตรงนี้เกิดจากการร่วมกันของเครือข่าย ช่วยกันสร้าง เราได้ไปอบรมหลายที่ เช่นโครงการพึ่งตน เพื่อชาติ ที่ศูนย์เรียนรู้ศาสตร์พอเพียงพรรณนา เขาใหญ่ ซึ่งก็เป็นเครือข่ายกันอยู่ อาจารย์ยักษ์ก็มาร่วมเป็นที่ปรึกษาโครงการ โอ๋ (ปรเมศวร์ สิทธิวงศ์ – เขาใหญ่ พาโนราม่า ฟาร์ม) เป็นลูกศิษย์อาจารย์ยักษ์เหมือนกัน แล้วก็เป็นรุ่นน้องอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกัน ก็ชวนเข้าชมรมโคกหนองนาวิศวขอนแก่น ก็เลยมีกิจกรรมเอามื้อช่วยกันขุดคลองไส้ไก่ ก่อนหน้านั้นก็มีนักเรียนปูทะเลย์ฯ นักศึกษาสถาบันอาศรมศิลป์เข้ามาทำกิจกรรมด้วย เราตั้งใจให้พื้นที่ตรงนี้เหมือนเป็นแคมปัสหนึ่งของโรงเรียนปูทะเลย์มหาวิชชาลัย ที่เรียนรู้ของเด็กๆ มาใช้พื้นที่ฝึกมือ มาพักได้ มีห้องพัก ห้องอบรม มีอาคารด้านหลัง ไว้ทำเวิร์กช็อป มีที่กางเต็นท์ได้ ห้องน้ำ ห้องพักแบบห้องน้ำในตัวที่ให้ผู้ใหญ่ครูบาอาจารย์มาพัก แต่จะบอกว่าที่นี่ไม่ใช่ศูนย์เรียนรู้กสิกรรมธรรมชาติ เพียงแต่ว่าเรานำวิถีกสิกรรมธรรมชาติมาเป็นวิถีชีวิต สิ่งสำคัญที่เราโฟกัสคือการศึกษาของเยาวชน เป็นโครงการจากโรงเรียนสู่ชุมชน ขยายผลไปสู่บวร
คือต้องเปลี่ยนมายด์เซ็ต เรื่องการทำปุ๋ยหาดูที่ไหนก็ได้ เปิดยูทูบเดี๋ยวนี้เยอะแยะ แต่ถ้าคุณจะทำโดยยังไม่เข้าใจหลักคิด สุดท้ายก็วิ่งหาเงิน ทุนนิยมเหมือนเดิม จะทำเกษตรอินทรีย์ก็เถอะแต่เป้าหมายคุณก็ยังคือธุรกิจ แต่ของเราคือพัฒนาคน การทำพื้นที่ขุดโคกหนองนา ขุดไปเถอะ แต่ถ้าคุณไม่ได้พัฒนาคน ก็ไม่มีประโยชน์ เราโฟกัสเรื่องนี้ ค่อยเป็นค่อยไป เริ่มจากสิ่งเล็กๆ ก่อน ซึ่งตรงนี้เดี๋ยวลูกๆ จะเข้ามาต่อยอด เริ่มมีโครงการกับศูนย์แม่แล้วว่าจะใช้ตรงนี้เป็นโหนดหนึ่งในการบ่มเพาะเยาวชน อาจจะมีจัดค่าย จัดกิจกรรม เป้าหมายตอนนี้คือเยาวชน เพราะรู้แล้วว่าผู้ใหญ่อาจจะยากนิดนึงเพราะเขาเติบโตมาด้วยวิถีแบบนั้น อีกกลุ่มที่เราโฟกัสคือกลุ่มผู้สูงวัย ซึ่งอนาคตจะเยอะขึ้น ทำยังไงให้ผู้สูงวัยมีความสุข เห็นคุณค่าในตัวเอง ซึ่งพอเราขับเคลื่อนศูนย์ฯ นี้ออกมาเป็นรูปธรรม ทางพัฒนาชุมชนมีโครงการโคกหนองนา ก็ให้เราเป็นครอบครัวต้นแบบ คนก็มาดูงานเยอะมาก ทั้งอบต. ครู มาเป็นครอบครัวก็มี สถาบันอาศรมศิลป์มาจัดค่าย เราก็ใช้พื้นที่เรียนรู้ทั้งที่นี่ ที่วัดถ้ำไตรรัตน์ใกล้ๆ นี่ และวัดวชิราลงกรณวราราม ซึ่งเราได้ไปช่วยกับ 7 ภาคีเครือข่ายทำโครงการโคกหนองนาวัดวชิราฯ ก็ตรงตามเป้ากับที่เราต้องการฟื้นฟูวิถีบวรอยู่แล้ว
ผลผลิตในสวนเกษตรผสมผสานของเราก็ออกดอกออกผล ทุเรียนอร่อยมาก เป็นทุเรียนหมอนทองธรรมชาติ มีมะม่วง อะโวคาโด หม่อน ลูกหว้า มะม่วงหาวมะนาวโห่ มะปราง ลูกท้อ หลากหลายมาก เรียกว่าปลูกมั่วไปหมด ว่างอะไรตรงไหนก็ปลูก ตอนพยายามขุดหนองน้ำ คนแถวนี้ก็ว่าเราบ้า บอกเก็บน้ำไม่ได้หรอก มันก็เก็บไม่ได้จริงๆ แต่เราต้องรอเวลา ต้องปลูกป่าให้เยอะๆ ให้มันมีรากไม้อุ้มน้ำใต้ดิน เรามีแหล่งน้ำใต้ดิน พอน้ำไหลมารวมกันใต้ดินเราก็จับมาหมุนเวียน เลี้ยงปลาได้ ดินในพื้นที่เป็นดินร่วนปนทราย ไม่อุ้มน้ำ ก็ได้เครือข่ายมาช่วยกันย่ำ รอกันซึมเป็นบ่อสำหรับชะน้ำลงดิน เราขุดคลองไส้ไก่ รับน้ำจากนอกพื้นที่ที่เขาไม่ต้องการ จับมารวมที่เรา โชคดีที่เป็นที่ราบ มันก็ลงไปอยู่ใต้ดิน ใช้โซลาร์เซลล์ปั๊ม แดดมา น้ำตกก็มา สามารถเอาน้ำตรงนี้ไปรดต้นไม้ได้ ปล่อยไปตามคลองไส้ไก่ กระจายความชื้นไปทั่ว ก็สามารถปลูกพืชผักได้
ที่นี่ยังขาดเรื่องผักสวนครัว เพราะมีงานเครือข่ายเยอะมาก เพิ่งเริ่มมาปักหลักอยู่ที่บ้าน พืชผักสวนครัวปลูกง่าย แต่เป็นผักปัญญาอ่อน ต้องดูแลอย่างดี แต่เราจะมีผักปัญญาแข็ง ไปไหนหลายๆ เดือน กลับมาก็ยังมีผักกิน เช่น ผักไชยา เราต้องรู้จักว่าใบอะไรกินได้ มาเป็นผักได้ และเป็นยาด้วย ย่านางแดงก็เป็นยา เสลดพังพอนก็เป็นทั้งยาล้างพิษ กินเป็นผักสดก็ได้ วอเตอร์เครส ปลูกทิ้งไว้ สวยด้วย กินได้ด้วย พวกนี้บางทีเด็กๆ ไม่รู้ ตรงนี้ก็เป็นศูนย์เรียนรู้ เป็นทั้งที่เรียนรู้ของเรา และของคนที่เข้ามา ไม่ได้บอกว่าเราเป็นอาจารย์ต้องมาสอนเขา เขาเข้ามาสอนเราก็ได้ แล้วระหว่างที่เราพัฒนาพื้นที่ ไม่ใช่ต้องรอจนสมบูรณ์ถึงให้คนเข้ามาเรียนรู้ ระหว่างทางคือการเรียนรู้ มาร่วมกันสร้าง ร่วมกันทำ คนที่เข้ามามีส่วนร่วมตรงนี้ก็จะภูมิใจกับพื้นที่นี้ กลับมาก็เหมือนบ้านตัวเอง”
เกศแก้ว – ดนัย ทิวาเวช
ศูนย์เรียนรู้ปูทะเลย์หนองน้ำแดง
อ่าน WeCitizens เมืองนนทบุรีน่าอยู่ที่ชาญฉลาด Ebook ได้ที่ https://anyflip.com/jnmvd/zria/ Download PDF File : https://drive.google.com/file/d/1i8cV4rE0UCSgzDUjU4nk52TxKjp1Tnyo/view?usp=share_link บอกเล่าเรื่องราวมุมมองเมืองน่าอยู่ของคนเมืองนนทบุรี นำโดย นายกฯ สมนึก ธนเดชากุล นายกเทศมนตรีนครนนทบุรี (ดำรงตำแหน่ง มีนาคม 2564-…
จากแพลตฟอร์มดูแลสุขภาพสู่เป้าหมาย Healthy City “ระบบติดตามผลสุขภาพเวชศาสตร์วิถีชีวิตนครนนท์จะทำให้การดูแลสุขภาพของคนนนท์เป็นเรื่องง่าย และมีแรงจูงใจ”WeCitizens สนทนากับ รศ. ดร.สมพร คุณวิชิต อาจารย์ประจำสาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ถึงบทบาทในการขับเคลื่อนงานวิจัย “การบ่มเพาะและเร่งรัดกระบวนการเพื่อมุ่งสู่เมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาดและการยกระดับบริการสาธารณะด้านสุขภาวะสำหรับผู้สูงวัยในพื้นที่เทศบาลนครนนทบุรี”จากนักวิจัยชั้นแนวหน้าด้านการจัดการภัยพิบัติ และการศึกษา…
“จะว่าไป ชุมชนศรีพรสวรรค์ 2 ที่พวกเราอาศัยอยู่ ก็เป็นชุมชนของคนตลาดก็ว่าได้ เพราะอยู่ใกล้ตลาดฐานเพชรนนท์ ซึ่งเป็นตลาดค้าส่ง-ปลีกที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในจังหวัด นับว่าเป็นการสืบต่อกันจากรุ่นสู่รุ่น ปู่ย่าตายายเคยขายของที่ตลาดนี้ ก็ส่งต่อให้ลูกหลาน ต่อเนื่องกันมาเป็นสิบ ๆ ปี หลายครอบครัวอยู่ที่นี่ก่อนท่านนายกฯ (นายกเทศมนตรี)…
“ชุมชนโยกย้ายตั้งอยู่ที่ตำบลสวนใหญ่ ไม่ไกลจากท่าน้ำนนท์ บ้านเราเป็นทาวน์เฮาส์ริมถนนพิบูลสงคราม ตรงข้ามตลาดเทศบาลนนทบุรีเดิมพื้นที่นี้เคยเป็นสวนทุเรียน ก่อนจะกลายมาเป็นศูนย์ราชการเมืองนนท์ กระทั่งมีการย้ายศาลากลางออกไปและเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ ส่วนพื้นที่รอบ ๆ ก็กลายเป็นตลาดเก่าที่ค่อย ๆ ซบเซา โดยเฉพาะหลังโควิด-19 ที่ทำให้พื้นที่ตรงนี้ดูเหมือนจะค่อย ๆ ตายลง…
“ผมเกิดและโตที่ชุมชนวัดทางหลวง อยู่กันมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายายเลยครับ แม่ผมเคยเป็นอาสาสมัครชุมชน พอท่านอายุมากขึ้น—แปดสิบกว่าปีแล้ว—ผมก็เลยไปช่วยแทนบ้าง ไปประชุมบ้าง ทำกิจกรรมชุมชนบ้าง ไป ๆ มา ๆ ก็เลยกลายเป็นกรรมการชุมชน และสุดท้ายก็เป็นประธานชุมชน หลัก ๆ ผมทำธุรกิจขายหมูฝอย…
"ความน่าอยู่ของนนทบุรีคือความเป็นเมืองใหญ่ที่ใกล้กรุงเทพฯแต่ยังคงแฝงไว้ด้วยบรรยากาศแบบชนบทที่เรียบง่ายป้าก็หวังว่าเราจะสามารถรักษาเสน่ห์นี้ไว้ได้ต่อไป" “ชุมชนวัดลานนาบุญ ตั้งอยู่ในตำบลตลาดขวัญ เขตเทศบาลนครนนทบุรี เป็นชุมชนชาวสวนดั้งเดิม โดยมีลำคลองสายสำคัญสองสายไหลผ่าน ได้แก่ คลองบางตะนาวศรี ซึ่งเป็นคลองสายใหญ่ที่ไหลออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยา และคลองบางขวาง ซึ่งเป็นคลองสายเล็กตัดผ่านกลางซอย ชาวบ้านในชุมชนแทบทุกหลังคาเรือนจะมีคลองสองสายนี้ไหลผ่านใกล้บ้าน จึงเป็นชุมชนใกล้เมืองที่ยังคงรักษาวิถีชีวิตดั้งเดิมและความเป็นธรรมชาติไว้ได้เมื่อก่อนชาวบ้านนิยมปลูกทุเรียนกันมาก แต่ช่วงหนึ่งความนิยมซบเซาลง จึงหันไปปลูกผลไม้อื่น…