“บริษัท โพธิ์ทองขนส่ง (2505) จำกัด เริ่มต้นปี พ.ศ.2505 ตั้งแต่รุ่นคุณปู่ค่ะ เราเป็นบริษัทที่ได้สัมปทานเดินรถเส้นทางระหว่างอำเภอหาดใหญ่ไปยังอำเภอเมืองสงขลา เริ่มมาตั้งแต่ยังเป็นรถบัสความยาว 12 เมตร ก่อนจะปรับชนิดของรถไปตามยุคสมัย โดยวิ่งอยู่สองเส้นทางคือสายเก่าและสายใหม่
ย้อนกลับไปเมื่อ 60 ปีที่แล้ว สมัยนั้นคนส่วนใหญ่ยังไม่มีรถส่วนตัว กิจการเดินรถของเราจึงเฟื่องฟูมาก เพราะผู้คนต้องเดินทางไป-กลับสองเส้นทางนี้ตลอด เราทำรถบัสขนาดใหญ่ที่บางรอบจุคนเกือบร้อย ออกทุกๆะ 5 นาทีตั้งแต่ 6 โมงเช้าถึงหนึ่งทุ่ม แต่ทุกวันนี้เราไม่ใช้รถบัสแล้ว หันมาใช้รถตู้ปรับอากาศและรถสองแถวแทน รถตู้จะคิดราคา 34 บาท ตลอดสาย ส่วนรถสองแถวจะเริ่มที่ 10-24 บาท ขึ้นอยู่กับระยะทาง โดยรถสองแถวก็ยังได้รับความนิยมอยู่ เพราะมีพ่อค้าแม่ค้าขนอาหารมาขายในหาดใหญ่ใช้เป็นประจำ หรือแรงงานต่างด้าวที่มีรายได้จำกัด พวกเขาก็จะเลือกใช้รถสองแถวที่ราคาถูกกว่า
แม้จะเป็นการให้บริการการเดินรถตามเส้นทาง แต่เราก็พัฒนาการบริการมาตลอด ตั้งแต่เรื่องพื้นฐานอย่างความปลอดภัย ความตรงเวลา และความสะอาด ไปจนถึงการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามา เช่น การใช้ GPS ระบุตำแหน่งรถเพื่อคำนวนระยะเวลาการรอรถของผู้โดยสาร ระบบสแกนจ่ายค่าโดยสาร และอื่นๆ รวมถึงแผนการเปลี่ยนมาใช้รถ EV แทนเครื่องยนต์กินน้ำมันในอนาคต
ทั้งนี้ บริษัทของเรายังร่วมเป็นเครือข่ายโครงการคลองเตยลิงก์ ซึ่งเป็นโครงการเมืองแห่งการเรียนรู้ของหาดใหญ่ด้วย เราเข้าร่วมในฐานะภาคเอกชนพร้อมกับผู้ประกอบการรายอื่นๆ เพื่อพัฒนาโครงการเส้นทางเดินรถประจำทางเส้นทางใหม่ของเมืองหาดใหญ่
แต่ไหนแต่ไร หาดใหญ่เราไม่มีรถประจำทางสาธารณะ มีก็แต่รถตุ๊กตุ๊กที่จะไม่มีเส้นทางประจำ อยู่ที่ผู้โดยสารจะโบกรถ ตกลงค่าโดยสาร และไปตามจุดหมายของผู้โดยสารแต่ละราย ขณะที่คนหาดใหญ่ส่วนใหญ่เลือกที่จะมีรถส่วนตัวมากกว่า และนั่นเป็นสาเหตุทำให้ช่วงเช้าและเย็น เมืองของเราจึงรถติดหนักไม่แพ้กรุงเทพฯ
ก็พอดีกับที่โครงการคลองเตยลิงก์ของอาจารย์เจี๊ยบ (สิทธิศักดิ์ ตันมงคล) มีแผนการจะปรับปรุงภูมิทัศน์รอบคลองเตยซึ่งตัดผ่านใจกลางเมือง โดยจะทำเส้นทางเดินรถเลียบคลองด้วย เราจึงเห็นตรงกันว่าน่าจะทำรถประจำทางสาธารณะมาวิ่งเส้นทางนั้น เพราะเส้นทางดังกล่าวเชื่อมจุดที่ผู้คนมีความต้องการใช้รถเยอะ ไม่ว่าจะเป็นสถานีรถไฟ โรงเรียน โรงพยาบาล และท่ารถ
เราก็เลยมาคุยกันถึงเรื่องรถที่จะมาวิ่ง ก็ไม่ต้องไปหาไหนไกลเลย ปัจจุบันหาดใหญ่เรามีรถตุ๊กตุ๊กวิ่งในเมืองอยู่ราว 2,000 คัน เรานำบางส่วนมาวิ่งประจำทางและเก็บค่าโดยสารแบบราคาเดียวได้ไหม ในเฟสแรกเราก็ทำเส้นทางและปรึกษากับผู้ประกอบการเดินรถ เขาก็เห็นด้วยที่ราคา 15 บาทตลอดสาย โดยนำร่องด้วยการนำตุ๊กตุ๊กมาวิ่งประจำทางที่ 15 คันต่อเส้นทาง เบื้องต้นเราตั้งไว้ที่ 2 เส้นทาง
เพราะถ้ามีตุ๊กตุ๊กวิ่งประจำเส้นทางด้วยค่าโดยสารที่แน่นอน นักเรียน นักศึกษา คนทั่วไป และนักท่องเที่ยวก็มาใช้ได้ ก็ช่วยลดความหนาแน่นของจราจรในชั่วโมงเร่งด้วนไปได้เยอะ และเราก็นำโครงการนี้ไปเสนอกับทางเทศบาล ซึ่งทางเทศบาลก็เห็นด้วยและรับไปดำเนินการต่อ
ที่เล่ามาเป็นโครงการในเฟสแรกที่อยู่ระหว่างการศึกษา โดยโครงการในเฟสสอง เรามีแผนจะเปลี่ยนเครื่องยนต์ของรถตุ๊กตุ๊กที่วิ่งประจำเส้นทางให้กลายเป็นรถ EV ทั้งหมด ก็ได้แนวร่วมเป็นทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ในการทดลองอยู่ ซึ่งถ้าตรงนี้สำเร็จ และโครงการมีผู้โดยสารต่อเนื่องจนกลายเป็นทางเลือกใหม่ในการเดินทางได้ ก็จะช่วยลดมลภาวะทางอากาศในเมืองหาดใหญ่ไปได้มาก
นอกจากนี้ในฐานะที่เรามีความรู้และประสบการณ์ในการเดินรถ เราก็นำเทคโนโลยีอย่าง GPS คำนวณระยะเวลา การจัดการเรื่องจุดจอดรับ และการจ่ายเงินออนไลน์มาเสริมเพื่อทำให้การเดินทางในเมืองเป็นเรื่องสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
ถามว่าทำไมเราต้องมาทำงานตรงนี้ด้วยใช่ไหม? จริงอยู่ เราทำธุรกิจเดินรถประจำทางของเราก็ลงตัวดีอยู่แล้ว ไม่ต้องเหนื่อยด้วย แต่ในอีกมุม บริษัทเราอยู่คู่กับคนหาดใหญ่มา 60 ปีแล้ว ถึงเวลาที่เราจะใช้ประสบการณ์และ know how ที่มีช่วยเมืองที่เราอาศัยอยู่บ้าง เพราะเราไม่ได้อยู่ที่นี่เพียงลำพัง และเราก็จะอยู่คนเดียวหรือเอาตัวรอดอยู่ฝ่ายเดียวไม่ได้แน่ๆ และถ้าสิ่งที่เราทำมันช่วยพัฒนาเมืองนี้ได้ ผลที่ตามมาก็คือการที่ผู้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เศรษฐกิจดีขึ้น สุดท้ายผลประโยชน์ก็ย้อนกลับเข้ามาที่ธุรกิจของเราอยู่ดี”
ปิยาภรณ์ เลขะกุล
บริษัท โพธิ์ทองขนส่ง (2505) จำกัด
พลังคน พลังโคมลำพูน: เมืองเล็ก ๆ ที่เปี่ยมไปด้วยพลังสร้างสรรค์ แม้ ดร.สุดารัตน์ อุทธารัตน์ เป็นคนเชียงใหม่ เธอก็หาใช่เป็นคนอื่นคนไกลสำหรับชาวลำพูนเพราะก่อนจะเข้ามาขับเคลื่อนงานวิจัยเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาดกับเทศบาลเมืองลำพูน เธอได้ทำวิจัยเกี่ยวกับเมืองแห่งนี้มาหลายครั้ง โดยเฉพาะโครงการขับเคลื่อนเยาวชนเพื่อเตรียมพร้อมสู่การเป็นพลเมืองของเมืองแห่งการเรียนรู้ของ UNESCO ในปี 2566-2567 - นั่นล่ะ…
“เป็นสิ่งวิเศษที่สุด ที่ผ้าไหมของจังหวัดลำพูนได้ปรากฏต่อสายตาผู้คนทั้งในและต่างประเทศ ทั้งเมื่อครั้งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงให้การส่งเสริม และทรงฉลองพระองค์ด้วยผ้าไหมยกดอกลำพูนในพระราชพิธีสำคัญต่าง ๆ และกระทั่งในปัจจุบัน สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 10 ก็ทรงส่งเสริมผ้าไหมไทย และฉลองพระองค์ด้วยผ้าไหมยกดอกลำพูนในพระราชพิธีสำคัญเช่นกัน ดิฉันเป็นคนลำพูน มีความภูมิใจในงานหัตถศิลป์การทอผ้าไหมยกดอกนี้มาก ๆ และตั้งใจจะรักษามรดกทางวัฒนธรรม ทำหน้าที่ส่งต่อถึงคนรุ่นต่อไป…
“ความที่โตมาในลำพูน เราตระหนักดีว่าเมืองเรามีต้นทุนทางวัฒนธรรมที่สูงมาก ทั้งยังมีบรรยากาศที่น่าอยู่ อย่างไรก็ดี อาจเพราะเป็นเมืองขนาดเล็ก ลำพูนมักถูกมองข้ามจากแผนการพัฒนาของประเทศ เป็นเหมือนเมืองที่มีศักยภาพ แต่ยังไม่ถูกปลุกให้ตื่นความที่เราเคยทำงานที่ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (ปัจจุบันคือสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA - ผู้เรียบเรียง) ได้เห็นตัวอย่างความสำเร็จของกระบวนการพัฒนาย่านด้วยกรอบพื้นที่สร้างสรรค์ในหลายพื้นที่…
“ผมเป็นคนลำพูน และชอบทำกิจกรรมนอกห้องเรียนมาตั้งแต่เด็ก ปัจจุบันเป็นประธานสภาเด็กและเยาวชนจังหวัดลำพูน ควบคู่ไปกับกำลังศึกษาคณะรัฐศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่จากประสบการณ์การทำงานในสภาฯ ทำให้ผมเห็นว่า เยาวชนลำพูนมีศักยภาพที่หลากหลาย แต่สิ่งที่ขาดไปคือเวทีที่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้แสดงความสามารถและพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากการสนับสนุนจากโรงเรียนหรือโครงการของภาคเอกชน ปี 2567 พี่อร (ดร.สุดารัตน์ อุทธารัตน์…
“อาคารหลังนี้แต่ก่อนเป็นที่ประทับของเจ้าราชสัมพันธวงษ์ลำพูน (พุทธวงษ์ ณ เชียงใหม่) น้องเขยของเจ้าจักรคำขจรศักดิ์ เจ้าหลวงองค์สุดท้ายของลำพูน อาคารถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 2455 หลังจากนั้นก็ถูกขายให้พ่อค้าชาวจีนไปทำเป็นโรงเรียนหวุ่นเจิ้ง สอนภาษาจีนและคณิตศาสตร์ โรงเรียนนี้เปิดได้ไม่นานก็ต้องปิด เพราะสมัยนั้นรัฐบาลเพ่งเล็งว่าอะไรที่เป็นของจีนจะเกี่ยวข้องกับลัทธิคอมมิวนิสต์ แต่หนูก็ไม่รู้หรอกว่าโรงเรียนนี้เกี่ยวข้องหรือเปล่า (ยิ้ม) จากนั้นอาคารก็ถูกเปลี่ยนมาเป็นโรงเรียนมงคลวิทยาในปี…
“เราโตมากับวัฒนธรรมของคนลำพูน ชอบไปเดินงานปอย ร่วมงานบุญ ก่อนหน้านี้ก็เคยทำงานรับจ้างทั่วไป จนเทศบาลฯ มาส่งเสริมเรื่องการทำโคม โดยมีสล่าจากชุมชนศรีบุญเรืองมาสอน เราก็ไปเรียนกับเขา ตอนนี้อาชีพหลักคือการทำโคม ทำมาได้ 2 ปีแล้ว สำหรับเรา โคมคืองานศิลปะ เป็นสัญลักษณ์และมรดกที่ยึดโยงกับวัฒนธรรมของคนบ้านเรา ตอนแรกเราไม่มีความคิดเลยว่ามันจะกลายมาเป็นอาชีพได้…