“พี่มีอาชีพหลักเป็นครูโรงเรียนกมลาไสย อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยมีอาชีพเสริมคือขายผ้าพื้นเมืองของชุมชน โดยพี่จะเป็นคนไปหาผ้าทอจากชุมชนต่างๆ เช่น ผ้าขาวม้าและผ้าคลุมไหล่ของตำบลโพนงาม ผ้าทอของอำเภอสามชัย หรือกลุ่มผ้าโทเร เป็นต้น มาขายตามงานต่างๆ ในเมืองกาฬสินธุ์
เวลาใครนึกถึงกาฬสินธุ์ จะคิดถึงผ้าไหมแพรวา ซึ่งเป็นของขึ้นชื่อ แต่นั่นล่ะ ผ้าไหมแพรวาไม่ได้เป็นผ้าทอชนิดเดียวที่มีในบ้านเรา และอีกอย่างราคาก็ค่อนข้างสูง ไม่ใช่ทุกคนจะซื้อหามาใช้ได้ พี่จึงเลือกผ้าทอชนิดอื่นๆ ที่มีราคาไม่แรงนัก ซึ่งกลุ่มแม่บ้านในกาฬสินธุ์ทอมาขาย เพื่อให้เห็นว่าบ้านเรามีภูมิปัญญาการทอผ้าที่หลากหลายและรุ่มรวยนะ
หลักๆ ก็ขายที่ตลาดสร้างสุขตรงหอศิลป์เมืองกาฬสินธุ์ทุกวันอังคารและพฤหัสบดี ส่วนงานฟื้นใจเมือง ที่ริมคลองปาวนี้มาขายชั่วคราว เหมือนเป็นการลองตลาดตรงพื้นที่ที่ทางเทศบาลเพิ่งฟื้นฟูใหม่นี้
ถึงจะเป็นคนขายของ และเห็นด้วยว่าเราควรช่วยชาวบ้านให้มีธุรกิจเสริมอย่างการเอาของชุมชนมาขายบนถนนคนเดิน แต่พี่ก็ยังเห็นว่าจะเป็นงานวิจัยเพื่อพัฒนาเมืองก็ดี หรือกิจกรรมกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐก็ดี มันไม่ควรเป็นแค่การจัดตลาดแบบชั่วประเดี๋ยวประด๋าว หรือจัดอีเวนท์ขึ้นมา 2-3 วันแล้วก็เลิกกันไป
เพราะมีตัวอย่างหลายครั้งมากที่มีหน่วยงานต่างๆ หรือสถาบันการศึกษาก็ดี มาสนับสนุนให้ชาวบ้านทำนั่นทำนี่ แล้วพอโครงการสิ้นสุด เขาก็ทิ้งชาวบ้านไป ไม่ได้หากลไกมาสานต่อ จากที่เริ่มไว้ดีๆ ชาวบ้านมีความหวัง ก็เหมือนถูกทิ้งไปเสียดื้อๆ ชาวบ้านเขาไม่ได้ลงทุนเพื่อจะได้แต่งตัวสวยๆ เพื่อถ่ายรูปในอีเวนท์ไปวันๆ เพราะหลายคนเขาต้องลงทุนทั้งแรง เวลา และทรัพย์สินเพื่อหาของมาขาย
อย่างตลาดนัดเนี่ย เดี๋ยวหน่วยงานนั้นจัด หน่วยงานนี้ก็จัด กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าก็ตามไปขายในทุกงาน และอย่างที่ทราบกาฬสินธุ์เรามีคนไม่เยอะ คนที่มาเดินก็หมุนวนกัน เขาก็ไม่มีกำลังซื้อในทุกตลาดหรอก ก็ควรต้องคิดกันว่า ถ้ามีงบประมาณมาแล้ว เราจะมีทางเลือกที่ดีกว่าแค่จัดตลาดนัดใหม่อีกหนึ่งตลาด หรือจะทำอย่างไรให้ตลาดมันสามารถไปต่อของมันได้ โดยไม่ต้องพึ่งพางบประมาณของโครงการ
คืออย่างพี่ พี่ไม่กังวลหรอก เพราะมีอาชีพหลักอยู่แล้ว แค่อยากขายผ้าพื้นเมืองเป็นอาชีพเสริม จะได้ช่วยส่งเสริมกลุ่มทอผ้าด้วย แต่พ่อค้าแม่ค้าอีกหลายๆ คน เขาถูกชักชวนมาขาย เขาก็หวังว่ามันจะช่วยให้ชีวิตเขาดีขึ้น ถ้าคุณแค่ทำตามทีโออาร์ มันก็ไม่ต่างอะไรกับชวนเขามาเล่นขายของ
ถึงจะบอกแบบนี้ แต่พี่ไม่ได้แอนตี้อะไรตลาดนัดที่จัดอยู่ทั่วเมืองตอนนี้นะ เพียงแต่ก็อยากให้ภาครัฐหรือผู้มีส่วนขับเคลื่อนโครงการต่างๆ คิดถึงชาวบ้านให้มากๆ คุณมีงบประมาณ มีเครือข่าย และมีอำนาจในเชิงนโยบาย ก็อยากให้คิดถึงความยั่งยืนของคนที่คุณชวนให้เขามาร่วมงานด้วย”
อุ่นจิต ทิสา
ครูโรงเรียนกมลาไสย และผู้ประกอบการจำหน่ายผ้าทอพื้นเมืองกาฬสินธุ์
“ระบบนิเวศอีสปอร์ตคือฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะผ่านการยกระดับศักยภาพของผู้คน” ในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน สื่อสังคมออนไลน์อย่าง Facebook, Instagram หรือ YouTube ไม่ได้เป็นเพียงช่องทางสื่อสารหรือความบันเทิงอีกต่อไป หากแต่กลายเป็นเครื่องมือสร้างอาชีพ และพัฒนาทักษะของผู้คนทั่วโลก เช่นเดียวกับ “อีสปอร์ต” (Esports) หรือการแข่งขันวิดีโอเกม ที่เริ่มต้นในมหาวิทยาลัยสหรัฐฯ…
เมืองอัจฉริยะ (Smart City) ไม่ใช่แค่เรื่องของเซ็นเซอร์ แพลตฟอร์ม หรือระบบ AI ที่แม่นยำ แต่หัวใจที่แท้จริงของมันคือ “ผู้คน” – เพราะถ้าขาดการรับฟังเสียงสะท้อน หรือกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน เมืองจะไม่มีวันรู้ว่าควรก้าวไปทางไหนแต่ในโลกหลังโควิด-19 ที่ลานกิจกรรมถูกแทนที่ด้วยหน้าจอมือถือ—หน่วยงานรัฐที่ทำหน้าที่บริหารเมืองกลับเข้าไม่ถึงประชาชนได้มากพอ…
“แม้จะเป็นการเล่นเกม แต่นครสวรรค์ก็ไม่ได้มาเล่น ๆ เพราะนี่จะเป็นฟันเฟืองสำคัญที่เปลี่ยนให้เมืองผ่านกลายมาเป็นจุดหมายของใครหลายคน” เมื่อเอ่ยถึงนครสวรรค์ คุณนึกถึงอะไร? ประตูสู่ภาคเหนือ, “เมืองปากน้ำโพ” ชุมทางการค้าทางเรือในอดีต, เทศกาลตรุษจีน, ขนมโมจิ, ดินแดนอาหารอร่อย หรือ “พาสาน” แลนด์มาร์กแห่งใหม่กลางปากแม่น้ำเจ้าพระยา ภาพจำเหล่านี้คือสิ่งที่คนส่วนใหญ่นึกถึง…
“เรามีโครงสร้างพื้นฐานในการเป็นสมาร์ทซิตี้พร้อมแต่ที่ผ่านมา เรายังไม่มีกลไกในการพัฒนาบุคคลในกรอบนี้และอีสปอร์ตจะกลไกหนึ่ง ที่เริ่มต้นจากเด็กและเยาวชน” ไม่เพียงแต่เทศบาลนครนครสวรรค์จะเป็นหนึ่งในเทศบาลแห่งแรกที่ได้รับการคัดเลือกโดย สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) ให้เป็น เมืองอัจฉริยะ (Smart City) ตั้งแต่ปี 2564 หากแต่ในปัจจุบัน เทศบาลนครซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ…
“ผมไม่ได้ฝันว่าจะต้องมีซิลิคอนวัลเลย์ในนครสวรรค์แต่หวังว่าเราจะสามารถสร้างงานให้เด็กคนหนึ่งไม่ต้องเข้ากรุงเทพฯไม่ต้องทิ้งบ้านเกิดไปเพราะไม่มีโอกาส” “ในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลพาโลกไปไกล เกมกลายเป็นสื่อที่ช่วยให้เด็กเรียนรู้และพัฒนาตัวเองอย่างน่าทึ่งผมยกตัวอย่างลูกชายผม เขาเรียนอยู่ ป.1 มีเกมอยู่ 2 เกมที่เขาเล่นประจำ คือ Sprunki และ Roblox สองเกมนี้เน้นเรื่องการแปรรูปจินตนาการให้กลายเป็นรูปธรรม ตอนแรกผมก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเกมนี้หรอก จนมาศึกษา…
“ผมไม่ได้ปฏิเสธการศึกษาในระบบ แต่ถ้าเราสามารถสร้างทางเลือกให้กับเด็กที่มีความฝันจริงจังผู้ใหญ่อย่างพวกเราก็ควรต้องหาวิธีส่งเสริมพวกเขา” “สำหรับการขับเคลื่อนอีสปอร์ตให้กลายเป็นหนึ่งในกลไกการพัฒนาเมือง ผมมองออกเป็น 2 ประเด็นหลัก ประเด็นแรกคือ ผมเคยสอนวิชาอีคอมเมิร์ซ (E-commerce) ที่คณะบริหารและการจัดการ มหาวิทยาลัยเจ้าพระยา และตระหนักดีว่าสิ่งที่ทำให้ศาสตร์นี้ รวมถึงศาสตร์อื่น ๆ ที่เชื่อมโยงกับโลกดิจิทัล สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับผู้เรียน…