“โครงการขนส่งมวลชนรถไฟรางเบาขอนแก่น (LRT) เป็นหนึ่งในโครงการสมาร์ทซิตี้ในส่วนของสมาร์ทโมบิลิตี้ (smart mobility) เราเริ่มคุยกันจริงจัง ตอนที่ผมดำรงตำแหน่งคณบดี คณะวิศวกรรมศาสตร์ มทร.อีสาน วิทยาเขตขอนแก่น โดยมีเครือข่ายต่างๆ ทั้งภาคเอกชน ภาครัฐ หอการค้าจังหวัด สภาอุตสาหกรรม รวมถึงสถาบันการศึกษาในเมือง มาหารือกันว่าเราต้องการขนส่งมวลชนแบบไหนที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้เมืองเราได้
และแนวคิดเรื่องการทำระบบรางก็เริ่มขึ้นจากตรงนั้น อย่างไรก็ดี โมเดลนี้ก็แตกต่างจากโมเดลด้านขนส่งมวลชนอื่นๆ ตรงที่มันต้องเป็นโครงการที่บริหารจัดการและลงทุนโดยท้องถิ่นเอง ไม่ใช่จากส่วนกลางมาทำให้ เพราะเราต้องการให้มีการบูรณาการจากความต้องการของคนท้องถิ่นจริงๆ
ทั้งนี้ การลงทุนเองในท้องถิ่น ครอบคลุมตั้งแต่การผลิตชิ้นส่วนของเทคโนโลยีรถไฟ การติดตั้ง ไปจนถึงการบริหารจัดการ ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้ว เรามีทรัพยากรและองค์ความรู้ที่พร้อม และสิ่งนี้ยังช่วยกระตุ้นการจ้างงานในท้องถิ่น เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนในจังหวัด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญ
จากจุดนี้แหละ ทางมหาวิทยาลัยก็เข้าไปเติมเต็มในส่วนของการวิจัยด้านระบบรถไฟรางเบาหรือ light railway ก็ไปดูกันว่าจะออกแบบอย่างไร และพัฒนาให้เป็นแบบไหน จึงเป็นที่มาที่เราไปร่วมกับ บริษัท ขอนแก่น ทรานซิท ซิสเต็ม จำกัด (KKTS) และเทศบาลทั้ง 5 เทศบาลในจังหวัดขอนแก่น เสนอโครงการไปทาง บพท. และได้งบประมาณมาทำการศึกษาครั้งแรกในปี 2563 และต่อเนื่องถึงปี 2564 จากนั้นก็ไปจับมือกับบริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) บริษัทเอกชนที่มีศักยภาพในการผลิตเทคโนโลยีรถไฟรางเบา โดยมีการจัดตั้งคณะกรรมการซึ่งมาจากตัวแทนของภาคส่วนต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนให้โครงการเกิดเป็นรูปธรรม
หลังจากที่เราผลักดันให้เกิดการทำวิจัยรถไฟ LRT ต้นแบบแล้ว เราก็ยังใช้กรอบของเมืองแห่งการเรียนรู้ มาใช้สร้างความรับรู้ให้คนขอนแก่นเข้าใจถึงประโยชน์ของการพัฒนาเมือง ในโครงการที่ชื่อว่า ‘รางสร้างเมือง-รางสร้างไทย’ โดยเรานำร่องที่รอบบึงแก่นนคร โดยสร้างโมเดลธุรกิจด้านการท่องเที่ยวรอบบึง โดยใช้เส้นทางรถไฟรางเบาเป็นศูนย์กลาง
พอเรานำโครงการนี้ไปเสนอชุมชนที่อยู่รอบบึงแก่นนคร บางคนเขาเริ่มจากคัดค้านก่อน เพราะเข้าใจว่าการทำรถไฟรอบสวนสาธารณะ จะทำให้เกิดมลภาวะทางเสียงและอากาศ กระทั่งเราสื่อสารไปว่ารถไฟรางเบามันไม่สร้างปัญหานี้ และมันสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างไร จากที่คัดค้าน เขาก็สนับสนุนและเรียกร้องให้โครงการนี้เกิดเร็วๆ
ถามว่าแล้วโครงการรถไฟรางเบามันสามารถสร้างพื้นที่แห่งการเรียนรู้ได้อย่างไร? เบื้องต้นเลย มทร. อีสาน มีหลักสูตรวิศวกรรมระบบรางที่เปิดในปี 2560 ซึ่งเรามองว่าหลักสูตรมันจะมีส่วนสำคัญในการผลิตบุคลากรป้อนอุตสาหกรรมระบบรางที่ขอนแก่นกำลังจะทำ ครอบคลุมตั้งแต่การสร้างรถไฟไปจนถึงการวางรางและการดูแลรักษา
แล้วพอทุกอย่างมันเริ่มได้จากเมืองของเราเองหมด ต้นทุนในการผลิตก็ลดลงมาก อย่างรถไฟฟ้าบีทีเอสที่วิ่งในกรุงเทพฯ ค่าผลิตต่อหนึ่งขบวนอยู่ที่ 200 กว่าล้านบาท จากการศึกษาของเรา เราพบว่าถ้าเราสร้างเอง เราสามารถสร้างได้ในราคาที่ประหยัดลงมาราว 30-40% คือนอกจากประหยัดแล้ว เงินมันก็หมุนเวียนอยู่ในขอนแก่นเอง เพราะเราไม่ต้องนำเข้าเทคโนโลยีจากต่างประเทศ
แล้วลงทุนอย่างไร? เรามองไปที่ตลาดหุ้น เปิดให้ทุกคนสามารถซื้อหุ้นตัวนี้ เพื่อสร้างความเป็นเจ้าของร่วม ขณะเดียวกัน ก็แบ่ง 10% จากรายได้ไปสนับสนุนคนท้องถิ่นที่มีรายได้น้อย ทั้งนี้ การสร้างความเป็นเจ้าของร่วมนี่สำคัญนะครับ เพราะเราเห็นบทเรียนจากหลายๆ เมืองที่มีการลงทุนขนาดใหญ่จากภาครัฐ แต่กลับไม่ค่อยได้รับการสนับสนุน เพราะคนใช้ก็ไม่ได้คิดว่าสิ่งนี้เป็นสมบัติของเขาเอง ซึ่งตรงนี้ เราเชื่อว่า มันจะเป็นโมเดลหนึ่งที่จะสามารถที่จะพัฒนาท้องถิ่นจากกระบวนการการมีส่วนร่วม ก็เป็นที่มาอันหนึ่งที่เราเคยได้ยิน นั่นก็คือ ‘ขอนแก่นโมเดล’
ปัจจุบัน LRT ต้นแบบอยู่ในขั้นที่ทดสอบการใช้งานจริงแล้ว โดยนำร่องที่ 2 ขบวน ก่อนที่เราจะได้งบวิจัยเพิ่มเติมในปี 2566 นี้ และทดลองวิ่ง 3 ขบวน ซึ่งจะเป็นรูปแบบสำหรับใช้งานจริง ส่วนเส้นทางการวิ่ง เรากำหนดไว้ทั้งหมด 5 สาย เริ่มแรกจากสายสีแดงที่วิ่งจากทิศเหนือจรดทิศใต้ ซึ่งมีกำหนดในการก่อสร้างปีหน้า
ทั้งหมดทั้งมวล การที่เราปลุกปั้นโครงการนี้ เราไม่ได้มองเฉพาะแค่ขอนแก่นอย่างเดียว เพราะถ้าโมเดลนี้สำเร็จ มันจะกลายเป็นต้นแบบอุตสาหกรรมระบบรางในระดับท้องถิ่น โดยเฉพาะการกระจายการผลิตไปสู่จังหวัดใกล้เคียง เช่น ร้อยเอ็ดเขามีศักยภาพผลิตล้อ มหาสารคามผลิตระบบสัญญาณ กาฬสินธุ์ผลิตเบาะ ก่อนจะนำชิ้นส่วนทั้งหมดมาประกอบรวมกันที่ขอนแก่น เป็นต้น
มีตัวเลขการศึกษาของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เขาทำไว้ประมาณเมื่อ 4–5 ที่แล้ว ประมาณการณ์ว่า ถ้าประเทศไทยสามารถที่จะผลิตชิ้นส่วนบางส่วน ประมาณสัก 30 -40 % ของตัวรถไฟ เราจะสามารถประหยัดงบประมาณการนำเข้าเทคโนโลยีจากต่างประเทศได้ถึงแสนล้านบาท แต่นั่นล่ะ เรื่องงบประมาณก็ส่วนหนึ่ง แต่หัวใจสำคัญ ผมมองว่าถ้ารถไฟมันสำเร็จ มันไม่เพียงกระตุ้นเศรษฐกิจและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในเมือง แต่ยังรวมถึงการสร้างความรู้สึกของการมีส่วนร่วม ที่คนขอนแก่นรู้สึกเป็นเจ้าของเครือข่ายรถไฟท้องถิ่นสายนี้ และนั่นจะทำให้การลงทุนอะไรต่อมิอะไรที่จะเกิดต่อไปในเมือง มันจะมีเครื่องมือที่ช่วยสนับสนุนให้เกิดความยั่งยืน”
ปริญ นาชัยสิทธิ์
อาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น
และนักวิจัยโครงการขนส่งมวลชนรถไฟรางเบาขอนแก่น (LRT)
"ความน่าอยู่ของนนทบุรีคือความเป็นเมืองใหญ่ที่ใกล้กรุงเทพฯแต่ยังคงแฝงไว้ด้วยบรรยากาศแบบชนบทที่เรียบง่ายป้าก็หวังว่าเราจะสามารถรักษาเสน่ห์นี้ไว้ได้ต่อไป" “ชุมชนวัดลานนาบุญ ตั้งอยู่ในตำบลตลาดขวัญ เขตเทศบาลนครนนทบุรี เป็นชุมชนชาวสวนดั้งเดิม โดยมีลำคลองสายสำคัญสองสายไหลผ่าน ได้แก่ คลองบางตะนาวศรี ซึ่งเป็นคลองสายใหญ่ที่ไหลออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยา และคลองบางขวาง ซึ่งเป็นคลองสายเล็กตัดผ่านกลางซอย ชาวบ้านในชุมชนแทบทุกหลังคาเรือนจะมีคลองสองสายนี้ไหลผ่านใกล้บ้าน จึงเป็นชุมชนใกล้เมืองที่ยังคงรักษาวิถีชีวิตดั้งเดิมและความเป็นธรรมชาติไว้ได้เมื่อก่อนชาวบ้านนิยมปลูกทุเรียนกันมาก แต่ช่วงหนึ่งความนิยมซบเซาลง จึงหันไปปลูกผลไม้อื่น…
“เราเป็นพยาบาลวิชาชีพชำนาญการที่คลินิกชะลอไตเสื่อม (CKD Clinic) ในศูนย์บริการสาธารณสุขที่ 6 สนามบินน้ำ ของเทศบาลนครนนทบุรี โรคไตเป็นหนึ่งในกลุ่มโรค NCDs (โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง) อยู่แล้ว พอถึงเดือนมีนาคม 2567 กองการแพทย์มีเป้าหมายขับเคลื่อนเวชศาสตร์วิถีชีวิต หรือ…
“พื้นเพดั้งเดิมของป้าเป็นคนสมุทรสงคราม แต่ไปทำงานที่มูลนิธิแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (พอ.สว.) ในกรุงเทพฯ แต่เลือกซื้อบ้านที่นนทบุรี เพราะเมื่อก่อนราคายังไม่สูงมาก เงียบสงบ และก็ใกล้กรุงเทพฯ เดินทางสะดวก ป้าย้ายมาอยู่ที่ชุมชนหมู่ 3 โซน 2 นี้ตั้งแต่ปี 2535…
ผมเป็นฟรีแลนซ์กราฟิกดิไซเนอร์ และขายของออนไลน์ควบคู่ไปด้วย บ้านผมอยู่ในชุมชนวัดทางหลวง บางเขน ความที่โตมากับชุมชนนี้ ก็เลยมีความผูกพัน พอเห็นว่าอาสาสมัครชุมชนไม่ค่อยมีคนรุ่นใหม่มาทำเท่าไหร่ ทั้งที่มันเป็นงานที่ต้องใช้แรงพอสมควร ผมก็เลยอาสามาช่วยทำ ชุมชนเราตั้งอยู่ชายขอบของเขตเทศบาลนครนนทบุรี ติดกับเขตบางซื่อของกรุงเทพฯ ตรงนั้นมีรถไฟฟ้าสายสีม่วงผ่าน แต่สถานีไม่ได้ตั้งอยู่ในชุมชนเรา ถ้าจะขึ้นรถไฟฟ้า ต้องเดินข้ามคลองไปที่เขตบางซื่อ ตรงนี้จึงเห็นความต่างชัดเจน…
“พื้นเพเดิมผมเป็นคนบางพลัด กรุงเทพฯ อยากเริ่มต้นธุรกิจของตัวเอง เลยย้ายมาอยู่เมืองนนท์ตอนปี 2527 ที่เลือกย้ายมา ส่วนหนึ่งเพราะที่ดินยังไม่แพง และเห็นโอกาสว่าอีกหน่อยกรุงเทพฯ จะแน่น คนจะกระจายไปอยู่รอบ ๆ ปริมณฑลมากขึ้น สมัยนั้นแถวพงษ์เพชรยังเงียบ มีแต่ทุ่งนา ถนนหนทางยังไม่ดี…
อ่าน WeCitizens เมืองลำพูนน่าอยู่ที่ชาญฉลาด Ebook ได้ที่ https://anyflip.com/jnmvd/zria/ Download PDF File : https://drive.google.com/file/d/1AYfWcfKM_74hNno34iusi8NVbpt7WWQQ/view?usp=share_link บอกเล่าเรื่องราวมุมมองคนเมืองลำพูน โดย นายกฯ ประภัสร์ ภู่เจริญ นายกเทศมนตรีเมืองลำพูน (ดำรงตำแหน่ง มีนาคม 2564 – มีนาคม 2568) และคณะทำงานเจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองลำพูนและหัวหน้าโครงการวิจัยลำพูนเมืองน่าอยู่อย่างชาญฉลาด ดร.สุดารัตน์…