“คณะผู้บริหารเทศบาลนครหาดใหญ่กำหนดทิศทางการพัฒนาไว้ 3 เรื่อง คือการทำให้หาดใหญ่เป็นเมืองน่าอยู่ น่าเที่ยว และน่าลงทุน ด้วยเหตุนี้ เมืองเราจึงขับเคลื่อนด้วย 3 กลไกหลัก ได้แก่ สมาร์ทซิตี้ (smart city) กรีนซิตี้ (green city) และเลิร์นนิ่งซิตี้ (learning city) หรือเมืองแห่งการเรียนรู้
ทำไมเมืองต้องสมาร์ท ก็เพราะมันตอบโจทย์ความสะดวกสบายและความปลอดภัยของผู้คน การมี AI มาช่วยจัดการข้อมูลและดำเนินการต่างๆ หรือการมีกล้อง CCTV ที่คอยสอดส่องความปลอดภัยทั่วเมือง ส่วนการเป็นกรีนซิตี้ก็ตรงไปตรงมา แม้เราจะมีสวนสาธารณะเทศบาลนครหาดใหญ่กินพื้นที่กว่า 900 ไร่ และ 60% ของพื้นที่นั้นเป็นป่าคอยฟอกอากาศและเป็นปอดให้คนในเมือง แต่เราก็พยายามจะเพิ่มพื้นที่สีเขียวในย่านใจกลางเมืองอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน
ที่สำคัญคือการเป็นเลิร์นนิ่งซิตี้ คือการทำให้คนหาดใหญ่เข้าใจว่าคุณค่าของการเป็นสมาร์ทซิตี้ และกรีนซิตี้ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนเมือง
ด้วยเหตุนี้เราจึงพยายามผสานทั้งการเป็นสมาร์ทซิตี้ กรีนซิตี้ และเลิร์นนิ่งซิตี้ ให้ทำงานร่วมกันไม่ว่าจะเป็นโครงการอะไร เพื่อตอบโจทย์ทิศทางการพัฒนาเมืองที่ได้วางไว้
เพื่อให้เห็นภาพ ผมขอเริ่มจากการท่องเที่ยว เทศบาลกำลังมีแผนจะใช้ฐานประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของเมืองมาสร้างจุดเด่นทางการท่องเที่ยวใหม่ โดยเน้นพื้นที่ใจกลางเมืองที่จะเปลี่ยนให้เป็นไชน่าทาวน์ เนื่องจากเรามีวัดจีนที่เป็นศูนย์รวมใจของคนในพื้นที่หลายแห่ง ขณะเดียวกันก็มีสตรีทฟู้ดและร้านอาหารดังๆ นับไม่ถ้วน พร้อมกันนั้น ก็หาวิธีนำเสนอประวัติของเมืองหาดใหญ่ ซึ่งย้อนกลับไปตั้งแต่ยุคทวดทอง คนในท้องที่ผู้บุกเบิกชุมชนโคกเสม็ดชุนก่อนมีการสร้างสถานีรถไฟ ต่อมาด้วยยุครัชกาลที่ 5 ที่คนจีนที่มาสร้างทางรถไฟ ร่วมกับคนท้องถิ่นพัฒนาเมืองหาดใหญ่ จนมาถึงยุคปัจจุบัน
ด้วยเหตุนี้นอกจากเรียนรู้วัฒนธรรม อาหาร ประเพณี และสถาปัตยกรรม โครงการหาดใหญ่ไชน่าทาวน์ยังนำเสนอ soft power ผ่านข้อมูลรากเหง้าของคนหาดใหญ่ ให้คนรุ่นหลังเห็นว่าบรรพบุรุษเราเสียสละเพื่อเมืองมาอย่างไร กระตุ้นให้พวกเขาเห็นว่าแล้วเราจะตอบแทนเมืองอย่างไร ดังประโยคคลาสสิคของพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ที่ว่า ‘เกิดมาเพื่อตอบแทนคุณแผ่นดิน’
เรื่องที่สอง เรื่องนี้สอดคล้องกับการทำให้เมืองหาดใหญ่น่าอยู่ อย่างที่ทราบกันว่าเมืองเรากำลังมีโครงการคลองเตยลิงก์ ซึ่งทางคุณสิทธิศักดิ์ ตันมงคล ได้สร้างเครือข่ายชุมชนเลียบคลองทั้ง 10 ชุมชน พร้อมสกัดภูมิปัญญาในพื้นที่เพื่อสร้างพื้นที่เรียนรู้ของเมืองไว้แล้ว โดยล่าสุด ทางกรมโยธาธิการและผังเมือง ได้รับการอนุมัติงบประมาณภายใต้แผนพัฒนายุทธศาสตร์ของกลุ่มจังหวัด เป็นจำนวนเงิน 300 กว่าล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเลียบคลองเตย ซึ่งจะเริ่มดำเนินการในปีหน้า
หลักๆ เราหารือกันว่าจะทำเป็นโครงสร้างเบา เน้นการเพิ่มพื้นที่สีเขียว และทำทางเท้าที่สะดวกสะบาย เพื่อเชื่อมพื้นที่ใจกลางเมืองผ่านการเดินเท้าเลียบคลองอย่างครอบคลุม ทำให้รอบคลองเตยเป็นทั้งแหล่งพักผ่อนที่ใช้ประโยชน์ได้จริง และพื้นที่เรียนรู้ของคนในเมืองไปพร้อมกัน
เรื่องที่สาม คือการเน้นย้ำการเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ อย่างที่ทราบว่าเรามีโรงพยาบาลและศูนย์การแพทย์ชั้นนำ ขณะเดียวกันเราก็พยายามโปรโมทศูนย์ชีวาสุข ซึ่งเป็นศูนย์การแพทย์ผสมผสานตั้งอยู่ภายในสวนสาธารณะของเทศบาล ทั้งนี้เราพยายามนำต้นทุนทางพหุวัฒนธรรมมาใช้กับการดูแลสุขภาพในศูนย์ ทั้งศาสตร์ของจีน ไทย และมลายู ตอบสนองความต้องการดูแลสุขภาพที่หลากหลายของคนหาดใหญ่และนักท่องเที่ยวจากทั้งมาเลเซีย สิงคโปร์ และอื่นๆ
และเรื่องสุดท้ายคือการทำให้หาดใหญ่เป็นสมาร์ทซิตี้จริงๆ อย่างที่ควรจะเป็น เพราะแม้เทศบาลจะประชาสัมพันธ์การเป็นเมืองสมาร์ทของหาดใหญ่ไปแล้ว แต่ก็ต้องยอมรับว่าในเชิงกระบวนการ เรายังไปไม่ถึงไหน เพราะหน่วยงานเทศบาลเองก็ยังไม่สมาร์ทเท่าไหร่เลย ผมบอกเสมอว่าถ้าจะสมาร์ท เราต้องเป็นตัวอย่างให้เขาดู เทศบาลควรเปลี่ยนมาใช้โซลาร์เซลล์อย่างเต็มรูปแบบได้หรือยัง บรรจุภัณฑ์พวกพลาสติกหรือโฟมควรเลิกใช้ได้หรือยัง และที่จอดรถ EV มีและครอบคลุมพอหรือยัง
ถ้าเราไม่สมาร์ทก่อน ระบบราชการยังไม่สมาร์ท คนหาดใหญ่ก็จะไม่เห็นว่าสมาร์ทซิตี้มีประโยชน์ตรงไหน นั่นแหละครับ คุณนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาคำนวณว่าถ้าคนหาดใหญ่ช่วยกันปลูกต้นไม้คนละหนึ่งต้น จะช่วยเพิ่มออกซิเจนได้เท่าไหร่ หรือลดก๊าซเรือนกระจกได้มากแค่ไหน ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องที่ดีมากนะถ้าทำได้ แต่ประชาชนเขาก็มีสิทธิ์ไม่เชื่อคุณ ในเมื่อสำนักงานของเรายังมีวิถีปฏิบัติไม่ต่างไปจากเดิม
ผมกล่าวตรงนี้เพื่อเป็นการย้ำเตือนตัวเองและทีมงานเทศบาลทุกคนว่าสิ่งนี้เป็นเรื่องจำเป็น และเราต้องเริ่มให้เร็วเท่าที่จะทำได้”
เลิศเกียรติ วงศ์โพธิพันธ์
ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ ด้านการวางแผนเชิงยุทธศาสตร์และแผนพัฒนาท้องถิ่น
และอดีตรองเลขาธิการ ศอ.บต.
“หอโหวดเป็นเพียงจุดเริ่มต้น แต่หลังจากนี้คือกลไกที่เทศบาลต้องทำงานร่วมกับภาคประชาชนและนักวิชาการ ในการกำหนดทิศทางเมืองให้ร้อยเอ็ดพร้อมรับการท่องเที่ยว และทำให้เมืองมีความน่าอยู่ สำหรับผู้คนในเมืองพร้อมกันไปด้วย” “เราเกิดที่ร้อยเอ็ด เรียนมัธยมที่นี่ ก่อนไปเรียนระดับมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ ก่อนหน้านี้ สักเกือบ 10 ปีที่แล้ว เราไม่เคยมีความคิดจะกลับมาทำงานที่บ้านเกิดเลยนะ เพราะไม่เห็นโอกาสอะไรในชีวิตในภาพจำเดิมของเรา ร้อยเอ็ดเป็นเมืองผ่าน ไม่มีสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อ ไม่มีแหล่งธรรมชาติสวยๆ…
ชวนอ่าน เบื้องหลังแนวคิดการขับเคลื่อนงานพัฒนาเมืองด้วยงานวิจัย องค์ความรู้ และนวัตกรรม ความร่วมมือ และบูรณการระหว่าง บพท. และสมาคมเทศบาลนครและเมือง ก่อเกิดโครงการ "โปรแกรมบ่มเพาะและเร่งรัดกระบวนการเพื่อมุ่งสู่เมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด (CIAP) ดำเนินการระหว่างปีพ.ศ. 2567-2568 กับผู้นำเมือง และเทศบาล…
WeCitizens : ร้อยเอ็ดเมืองน่าอยู่อย่างชาญฉลาด (ฉบับที่ 1) เปิดความคิด ความหวัง และโอกาสของการพัฒนาเมืองร้อยเอ็ดที่รัก นำโดยนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด คุณบรรจง โฆษิตจิรนันท์ คณะทำงานเจ้าหน้าที่เทศบาล และหัวหน้าโครงการวิจัยร้อยเอ็ดเมืองน่าอยู่อย่างชาญฉลาด ผศ. ดร.ชัญญรินทร์…
ร้อยเอ็ดอยู่ห่างจาก ‘สะดืออีสาน’ พื้นที่ที่ถูกปักหมุดให้เป็นจุดศูนย์กลางของภาคอีสานในอำเภอโกสุมพิสัย มหาสารคาม เพียง 60 กิโลเมตร ในตำนานอุรังคธาตุ (ตำนานพระธาตุพนม) กล่าวว่า ‘สาเกตนครร้อยเอ็ดประตู’ (ชื่อเดิม) เมืองนี้ มีประตูเท่าจำนวนเมืองขึ้น ‘ร้อยเอ็ดเมือง’ สะท้อนให้เห็นความรุ่งเรืองจากการเป็นศูนย์กลางอำนาจและการคมนาคมของภูมิภาคมาตั้งแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ 21อีกทั้ง ส่วนหนึ่งของพื้นที่ยังเป็นที่ตั้งของทุ่งกุลาร้องไห้ ที่ราบขนาดใหญ่กว่า 2 ล้านไร่ ทำให้ในเวลาต่อมา ร้อยเอ็ดจึงเป็นอู่ข้าวที่ผลิตข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาที่ใหญ่ และมีผลิตผลที่ดีที่สุดในโลก แม้มีภูมิหลังที่รุ่งเรือง กระนั้น ตลอดหลายทศวรรษหลัง…
สนทนากับ ผศ.ดร.ชัญญรินทร์ สมพรหัวหน้าโครงการวิจัยเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด ‘ร้อยเอ็ด’, สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด “พื้นที่นี้จะเป็นเหมือนตัวกลางในการสร้างความพร้อมให้คนร้อยเอ็ดสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในอนาคต” ผศ. ดร.ชัญญรินทร์ สมพร รองผู้อํานวยการสํานักส่งเสริมวิชาการและจัดการเรียนรู้ตลอดชีวิต มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด และหัวหน้าโครงการวิจัย "โครงการเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด ร้อยเอ็ดคนดี เชื่อมโยงโครงข่ายเศรษฐกิจ ด้วยการเดินบนความปลอดภัยและทันสมัย…
"เราให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงเศรษฐกิจให้ร้อยเอ็ดเป็นทางเลือกใหม่ของตลาด MICE ที่ราคาย่อมเยา เดินทางสะดวก และมีอัตลักษณ์" เริ่มจากความคับข้องใจที่เห็นบ้านเกิดของตัวเอง (ร้อยเอ็ด) เป็นเมืองผ่านที่มักถูกมองข้าม เมื่อ บรรจง โฆษิตจิรนันท์ เข้ารับตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองร้อยเอ็ด เมื่อปี 2538 เขาจึงเริ่มโครงการพัฒนาเมือง ไปพร้อมกับการดึงเสน่ห์จากศิลปวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ ดึงดูดให้ผู้คนมาเที่ยว…