“ทางฝั่งอุตสาหกรรมเขามีระเบียงเศรษฐกิจ EEC หรือ Eastern Economic Corridor ใช่ไหม ของอีกฝั่งเขาก็บอกว่าระยองเราเป็น Education Learning Corridor หรือระเบียงทางด้านการศึกษาได้เหมือนกัน”

“จากการที่สถาบันอาศรมศิลป์ได้ร่วมขับเคลื่อนพื้นที่นวัตกรรมทางการศึกษาในจังหวัดระยอง และพบว่าการทำงานเฉพาะแค่การศึกษาในระบบนั้น ไม่เพียงพอต่อการพัฒนาในปัจจุบัน ที่ซึ่งการพัฒนาผู้คนในปัจจุบันไปได้ไม่เท่าทันกับการพัฒนาเมือง เราจึงร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยองก่อตั้ง ‘สถาบันการเรียนรู้ของคนทุกช่วงวัย’ (Rayong Inclusive Learning Academy: RILA) เพื่อเน้นการสร้างองค์ความรู้ผ่านการเรียนรู้ตลอดชีวิตให้คนระยองทุกช่วงวัย

สถาบันดังกล่าวหาได้เป็นมีสำนักงานหรือมีห้องเรียนที่เป็นรูปธรรม แต่เป็นพื้นที่กลางที่สานความร่วมมือไปยังหน่วยงาน เครือข่ายภาคประชาสังคม และเจ้าขององค์ความรู้ต่างๆ มาออกแบบชุดความรู้ให้กับผู้คนในเมืองระยอง ผ่านกระบวนการ Learning City Lab ซึ่งเป็นการประยุกต์มาจาก Social Lab ผสานกับ Design Thinking ก่อนจะสร้างแพลทฟอร์มให้ชาวระยองทุกคนเข้าถึงการเรียนรู้ได้อย่างเท่าเทียม

จากการประสานความร่วมมือกับเครือข่ายต่างๆ เราพบว่า ปัจจุบันระยองมีการคัดง้างของการพัฒนาที่ต่างกัน 2 ขั้ว ด้านหนึ่งคือการพัฒนาอุตสาหกรรมให้รองรับกับระเบียงเศรษฐกิจ EEC เต็มตัว แต่อีกฟากหนึ่งอย่างตำบลประแส (อำเภอแกลง) หรือชาวบ้านที่อำเภอเขาชะเมา เขามองเรื่องการพัฒนาในพื้นฐานของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรม คือทางฝั่งอุตสาหกรรมเขามี EEC ที่เป็น Eastern Economic Corridor ใช่ไหม ของอีกฝั่งเขาก็บอกว่าระยองเราน่าจะเป็น Education Learning Corridor ได้เหมือนกัน

ซึ่งอันหลังนี้แหละน่าสนใจ ควบคู่ไปกับการพัฒนาแหล่งเรียนรู้และบุคลากรด้านการศึกษาในระยอง บทบาทของทีมอาศรมศิลป์ของเรา คือการสร้างกลไกการเรียนรู้ในระดับชุมชนและระดับเมือง เพื่อทำให้คนระยองรู้จักตัวเอง ในระหว่างปี 2562-2563 เราได้รวมเครือข่ายในจังหวัดเพื่อสรรหาชุดความรู้ที่คนระยองควรต้องรู้ ปรากฏว่ามีเครือข่ายทั้งรัฐและเอกชนมาร่วมกับเราถึง 65 หน่วยงาน และมีชุดความรู้มาเสนอมากถึง 52 ชุด แบ่งออกเป็น 3 หมวดการเรียนรู้ได้แก่ หมวดการเรียนรู้ระดับเมือง หมวดอัตลักษณ์ระยอง และหมวดการเรียนรู้ใหม่ ก่อนจะมีการเปิดตัว RILA อย่างเป็นทางการในปี 2564

ในฐานะที่เราเป็นอาจารย์ที่ดูแลหลักสูตรศึกษาศาสตร์ และเป็นนักวิจัยในทีมของอาจารย์ประภาภัทร (รศ. ประภาภัทร นิยม หัวหน้าโครงการเมืองแห่งการเรียนรู้ระยอง) หน้าที่เราคือการจัดการหลักสูตรในหมวดอัตลักษณ์ระยอง โดยพูดคุยกับ stakeholder ทั้งหมดว่าคนระยองควรเรียนรู้อะไร จนสกัดออกมาได้โดยสังเขป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหลักสูตรภาษาท้องถิ่นระยอง ซึ่งผู้หลักผู้ใหญ่หลายคนมองตรงกันว่าสิ่งนี้คืออัตลักษณ์สำคัญของคนระยอง แต่กำลังเลือนหายไปจากยุคสมัยแล้ว เราจึงได้ร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลกะเฉด จัดตั้งชมรมอนุรักษ์ภาษาถิ่นขึ้นมา พร้อมจัดทำหนังสือเสียงที่รวมคำศัพท์และวิธีการใช้ภาษาระยองออกมา รวมถึงคลิปวิดีโอ ซึ่งไม่เพียงบอกเล่าถึงการใช้ภาษา แต่ยังสะท้อนวิถีชีวิตชาวสวนในระยองอีกด้วย

เรื่องต่อมาคือการเรียนรู้เรื่องสมุนไพรและอาหารเมืองระยอง เพราะเราเห็นว่าระยองมีอาหารภูมิที่นำสมุนไพรพื้นบ้านมาเป็นวัตถุดิบประกอบอาหาร ไม่ว่าจะเป็น ผัดเผ็ดกระวาน แกงหน่อสับปะรด ไปจนถึงใบโกงกางชุบแป้งทอดที่มาจากป่าชายเลน เราจึงรวบรวมข้อมูลเหล่านี้จัดทำเป็นหนังสืออีบุ๊ค ‘ลิ้มรสอาหารท้องถิ่นระยอง’ ทำเป็นสูตรอาหารพ่วงชุดข้อมูลเกี่ยวกับสมุนไพรพื้นบ้าน ขับเน้นมิติของการเป็น gastronomy tourism (การท่องเที่ยวเชิงอาหาร) ของจังหวัดระยองพร้อมกันไปด้วย

อีกเรื่องเกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรมที่ผูกโยงกับประวัติศาสตร์ อาจารย์เฉลียว ราชบุรี นักประวัติศาสตร์ท้องถิ่น ผู้เขียนประวัติศาสตร์เมืองระยอง ได้พาให้เราไปรู้จัก อาจารย์ฝ้าย-จิรพันธุ์ สัมภาวะผล ผู้ที่กำลังฟื้นฟูผ้าตากะหมุก ผ้าโบราณที่หายไปจากเมืองระยองนับร้อยกว่าปีแล้ว อาจารย์ฝ้ายไปพบข้อมูลผ้าชนิดนี้จากเอกสารโบราณในสมัยรัชกาลที่ 5 จึงทดลองทอผ้าตามอย่างในเอกสารจนสำเร็จ โดยต่อมาทางจังหวัดก็ประกาศให้ผ้าชนิดนี้เป็นผ้าประจำจังหวัด

ทาง RILA ได้ร่วมงานกับอาจารย์ฝ้ายในการผลิตสื่อการสอนวิธีการทอผ้าทุกขั้นตอน เพราะในเมื่อผ้าชนิดนี้กลายเป็นผ้าประจำจังหวัด ความต้องการใช้งานจึงมีมาก แต่ลำพังอาจารย์ฝ้ายคนเดียวก็คงทอไม่ทัน เลยทำสื่อการสอนที่ทำให้ผู้เรียนรู้สามารถทอตามได้ นอกจากนี้ เรายังเชื่อมหลักสูตรการทอผ้านี้ไปยังโรงเรียนต่างๆ ในตำบล รวมถึง กศน. เพื่อสร้างการเรียนรู้ใหม่แก่เยาวชนและคนทั่วไปซึ่งสามารถนำไปต่อยอดในเชิงวิชาชีพได้อีกด้วย  อีกหลักสูตรหนึ่ง เราลงพื้นที่ไปยังปากน้ำประแส อำเภอแกลง ซึ่งตรงนั้นเป็นพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาอยู่แล้ว และมีการทำมัคคุเทศก์น้อยซึ่งเป็นเด็กนักเรียนในชุมชนนำชมชุมชนของพวกเขาด้วย เราก็ดึงนักเรียนจากโรงเรียนนานาชาติรุ่งอรุณมาลงพื้นที่ สร้างกระบวนการการเรียนรู้ร่วมกันกับกลุ่มมัคคุเทศก์น้อยผู้เป็นเจ้าบ้าน

ทั้งนี้ ปัญหาของประแสคือ แต่เดิมนี่เป็นชุมชนประมงที่รุ่งเรืองมาก แต่พอมีกฎ IUU ออกมา การทำประมงจึงซบเซา ตอนที่เราพาเด็กๆ ลงชุมชน คิดไว้ในใจว่าอาจไปเรียนรู้เรื่องประมง แต่ชาวบ้านบอกว่าอย่าไปเรียนเลย เพราะที่นี่ปลุกยังไงก็ไม่ขึ้นแล้ว กระบวนการการเรียนรู้จึงเปลี่ยนมาที่การเรียนรู้วิถีชุมชนเพื่อค้นหาต้นทุนชุมชน ซึ่งก็พาเด็กๆ ไปล่องเรือ ไปคราดหอย ไปดูวิถีการอยู่การกิน ไปจนถึงการรับฟังปัญหาของหมู่บ้าน และลองแลกเปลี่ยนแนวทางแก้ไข

จนสุดท้ายก็ให้เด็กๆ จากทั้งในประแสและเด็กๆ จากรุ่งอรุณมาสรุปบทเรียนที่ได้ แล้วเราก็นำบทเรียนนั้นมาจัดทำหนังสืออีบุ๊คอีกเล่มโดยทำร่วมกับครูเปรมปรีติ หาญทนงค์ ครูโรงเรียนรุ่งอรุณ เป็นหนังสือ ก-ฮ สะท้อนมิติของประแสตามตัวอักษร

โดยในทุนโครงการเมืองแห่งการเรียนรู้ปี 2565 นี้ เราโฟกัสไปยังพื้นที่ชุมชนประแสโดยเฉพาะ เพราะหลังจากเราได้รู้จักต้นทุนชุมชนดีแล้ว ก็ถึงคราวที่จะนำต้นทุนนี้ไปต่อยอดสู่การพัฒนาชุมชน และการท่องเที่ยว การอนุรักษ์วิถีประมงชุมชน รวมถึงการสร้างแนวร่วมการการดูแลพื้นที่ทรัพยากรชายฝั่งอย่างยั่งยืน

อย่างไรก็ดี แม้งานวิจัยจะมาโฟกัสที่ประแส แต่หลักสูตรอื่นๆ ที่เราขับเคลื่อนก็ยังมีการต่อยอดต่อไป โดยเฉพาะความพยายามจะฝังกลไกการเรียนรู้ต่างๆ ให้เข้าไปอยู่ในหลักสูตรของสถาบันการศึกษา ขณะเดียวกันอาศรมศิลป์ ก็มีหลักสูตรศึกษาศาสตร์ในระดับ ป.โท และป.บัณฑิต โครงการ ‘ครูโค้ช’ ซึ่งเป็นหลักสูตรสร้างสรรค์นักออกแบบจัดการการเรียนรู้บนฐานสมรรถนะ โดยคุณโชติ โสภณพนิช ได้มอบทุนสนับสนุนแก่คนระยองที่สนใจ ให้เขากลับมาช่วยจัดการความรู้ให้กับบ้านเกิด และความที่ RILA ทำหลักสูตรไว้ก่อนแล้ว เราก็เลยเชื่อมเข้ากับโครงการนี้ ให้นักศึกษา ซึ่งเป็นครูและผู้มีความรู้ในเรื่องชุมชน จ.ระยอง เช่น อ.ฝ้าย (จิระพันธ์ สัมภาวะผล) ที่มาช่วยทำหลักสูตรร่วมกับทีมวิจัย เข้ามาเรียน หรือมาเลือกต่อยอดได้เลยว่าพวกเขาสนใจเรื่องอะไรเป็นพิเศษ เพื่อจะไปศึกษาหรือมีส่วนขับเคลื่อนต่อไป”

อภิษฎา ทองสอาด
นักวิจัยโครงการเมืองแห่งการเรียนรู้ระยอง
อาจารย์ประจำสำนักการศึกษาแบบองค์รวม สถาบันอาศรมศิลป์ สถาบันอาศรมศิลป์

https://www.rayongrila.ac.th/

กองบรรณาธิการ

Recent Posts

อ่านเสียงแก่งคอย เสียงของเมืองที่ก้าวข้ามบาดแผลประวัติศาสตร์มาสู่เมืองแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต

WeCitizens ชวนผู้อ่านเรียนรู้เมืองแก่งคอย เมืองประวัติศาสตร์ที่มีบาดแผลจากสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ในวันนี้ แก่งคอยเปลี่ยนบาดแผลแห่งประวัติศาสตร์เป็นเมืองแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตอ่านความคิด วิถีชีวิตผู้คนแก่งคอยได้ที่ WeCitizens : เสียงแก่งคอย, สระบุรี - WeCitizens Flip PDF…

1 year ago

ฟังเสียงนครสวรรค์ เมืองศูนย์กลางแห่งภาคเหนือตอนล่างและภาคกลางตอนบน

WeCitizens ชวนผู้อ่านเดินทางไปจังหวัดนครสวรรค์ เมืองที่อยู่กึ่งกลางระหว่างภาคเหนือและภาคกลาง เมืองที่เป็นจุดเปลี่ยนถ่ายการเดินทางทางน้ำในอดีต นครสวรรค์จึงเป็นเมืองสำคัญอีกเมืองหนึ่งในฐานะของเมืองที่เป็นศูนย์กลาง (Hub) ทั้งด้านการค้า การคมนาคม และนำมาซึ่งความหลากหลายทางวัฒนธรรมของผู้คนหลากหลายกลุ่ม โดยเฉพาะชาวจีนโพ้นทะเล E-book ฉบับเสียงนครสวรรค์ฉบับนี้ จะพาผู้อ่านทุกคนไปเรียนรู้วิถีชีวิตของชาวนครสวรรค์ วัฒนธรรมชาวจีนและเทศกาลตรุษจีนที่มีชื่อเสียงโด่งดังในระดับประเทศและนานาชาติ และไปฟังเสียงผู้คนชาวนครสวรรค์ที่มองบ้านเมืองของตนเองตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน…

1 year ago

แก่งคอย…ย้อนรอยสงครามโลกเปลี่ยนบาดแผลประวัติศาสตร์สู่เมืองเรียนรู้ตลอดชีวิต

นอกจากจะถูกจดจำจากเพลงดังที่มีชื่อเดียวกับชื่ออำเภอของ ก้าน แก้วสุพรรณ และเพลงฮิตของคาราบาว ซึ่งสื่อถึงที่มาของชื่อ ‘แก่งคอย’ อย่าง ‘แร้งคอย’ หากไม่ใช่คนในพื้นที่ อาจนึกภาพไม่ออกว่าอำเภอของจังหวัดสระบุรีที่เป็นปากทางขึ้นอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่และประตูสู่ภาคอีสาน มีความสำคัญอย่างไร? ไม่เพียงเป็นเมืองท่าที่สำคัญในการขนส่งสินค้าผ่านแม่น้ำป่าสักและทางรถไฟ อำเภอแก่งคอย ยังเป็นจุดเริ่มต้น (ต่อจากอำเภอเมืองสระบุรี)…

1 year ago

ขอนแก่นโมเดล
The Legacy of City Development

เพราะเมือง คือ ผู้คน และผู้คน คือ ตัวแปรสำคัญที่สุดในการพัฒนาเมือง ความเจริญงอกงามทางวัฒนธรรมหรือการเติบโตทางเศรษฐกิจ และมาตรฐานคุณภาพชีวิต จึงขึ้นอยู่กับศักยภาพ ความสามารถ และความร่วมมือร่วมใจของคนในเมืองเป็นฐานสำคัญ กว่าทศวรรษที่ ‘ขอนแก่นโมเดล’ เป็นโมเดลการพัฒนาเมืองที่ได้รับการยอมรับ และพูดถึงในฐานะแนวคิดและปฏิบัติการการพัฒนาเมืองที่ก้าวหน้ามากที่สุด…

1 year ago

“ขอนแก่นเราไม่ใช่เป็นเมืองที่นั่งรอคนเข้ามาทำนู่นนี่ให้”

เมืองขอนแก่น ผู้คน กับการเรียนรู้เพื่อก้าวต่อไป           ไม่มีภูเขา ไม่มีแม่น้ำสายใหญ่ อยู่ไกลโพ้นจากชายทะเล แหล่งท่องเที่ยวมีชื่อ หรือทรัพยากรธรรมชาติสำคัญก็น้อยนิด แต่มีคนที่เอาจริงเอาจังกับการพัฒนาเมืองกลุ่มใหญ่ที่กล้าคิดกล้าฝัน พยายามทำทุกลู่ให้ความหวังเป็นจริงได้ นี่คือปัจจัยที่ทำให้ช่วงเวลาเพียงกึงศตวรรษนำพาเมืองขอนแก่น เติบโตได้อย่างก้าวกระโดด  ‘ผู้คน และความร่วมมือ…

1 year ago

“สำนึกรักท้องถิ่น ถือเป็นหัวใจสำคัญของจิตสำนึกของคนขอนแก่น”

“เมื่อพูดถึงเรื่องเมืองแห่งการเรียนรู้ หรือ Learning City ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่รับผิดชอบของเทศบาลนครขอนแก่น เราดำเนินงานตามวิสัยทัศน์ที่ว่า ‘พัฒนาเมืองสู่สากล สร้างสังคมแห่งความสุข’ การที่เมืองจะพัฒนาได้และสร้างสังคมที่เป็นสุข ต้องเริ่มที่ ‘คน’ คนที่เป็นกำลังสำคัญในการร่วมกันพัฒนาเมือง ยกตัวอย่างในกรณีที่เปรียบเทียบง่าย ๆ เช่น ถ้าเราจะพัฒนาขอนแก่นเป็นเมือง…

1 year ago