“ผมเป็นคนในหมู่บ้าน จริงๆ ดั้งเดิมเป็นชื่อหมู่บ้านโรงไม้ หรือหมู่บ้านปากน้ำเวฬุ ศาลเจ้าตรงนี้เขาเรียกศาลเจ้าปากน้ำเวฬุ พอมีโฮมสเตย์เขาเลยเปลี่ยนชื่อเป็นหมู่บ้านไร้แผ่นดิน เพราะว่าบ้าน สะพาน ปลูกในน้ำหมด อยู่กัน 200 กว่าหลังคาเรือน อีกฝั่งแม่น้ำก็เป็นพื้นที่เดียวกัน แต่อยู่บ้านนากุ้ง ฝั่งนี้อยู่หมู่ 2 บ้านโรงไม้ ตำบลบางชัน ประชากรก็มีเป็นพันได้นะครับ ทั้งเด็ก คนแก่ คนโต อยู่กันเหมือนพี่ๆ น้องๆ รู้จักกันหมด บางทีบ้านนู้นบ้านนี้ก็ไปกินข้าวได้
ผมทำอาชีพประมง พอหมู่บ้านทำโฮมสเตย์ ก็มารับจ้างขับเรือเป็นอาชีพเสริม ส่วนใหญ่คนที่ทำโฮมสเตย์ก็เป็นคนในหมู่บ้าน เขาอยากทำ แต่บ้านผมไม่ได้ทำ รับจ้างขับเรือก็เรื่อยๆ ขึ้นอยู่กับแขกที่มา ตอนนี้ถ้าทำประมงอย่างเดียว ถามว่า อยู่ได้มั้ย ก็อยู่ได้นะ พอกินพอใช้ จริงๆ ก็จับปลากินได้ ไม่ต้องซื้อ การประมงไม่ได้ทำทุกวัน ขึ้นอยู่กับจังหวะของน้ำ น้ำนึงทำประมาณ 7-8 วัน เดือนนึงก็ทำ 10 กว่าวันเอง แล้วก็หยุด มีเวลาว่าง เราก็วิ่งเรือ ถ้าเป็นแต่ก่อนไม่มีโฮมสเตย์ ก็พักผ่อนอยู่บ้าน เวลานักท่องเที่ยวเข้ามาก็ไม่ได้วุ่นวาย กิจกรรมท่องเที่ยว 2 วัน 1 คืน เขามาโฮมสเตย์ไหน ก็พักที่โฮมสเตย์นั้น มากินข้าวกลางวัน ไปเดินเที่ยว อาจจะช่วยชาวบ้านซื้อของฝากอะไรบ้าง บางคนอยากไหว้เจ้าก็มีคนพาไปส่ง พอถึงเวลาเขาก็ลงแพออกไปเล่นน้ำ ดูเหยี่ยว กลับมากินอาหารเย็น เป็นปู อาหารทะเลล้วนๆ ถึงตอนเช้าก็ข้าวต้มทะเล กาแฟ แล้วก็นั่งเรือกลับ
ที่อยู่ตอนนี้ก็ดี แต่ที่คับข้องใจคือเรื่องน้ำ ถ้ามีน้ำประปาเข้าถึงได้ก็ดี แต่ทีนี้มันก็ไม่ได้ง่ายๆ ใช้งบประมาณเยอะ เวลาหมดหน้าฝน ชาวบ้านไปซื้อน้ำแพงมาก เรือไปเอาจากฝั่งมา ช่วงที่แพงๆ แทงก์นึงประมาณ 350 บาท ปกติประมาณ 170 บาท ขึ้นไปเท่าตัว ชาวบ้านก็ใช้น้ำประหยัดๆ ก็เก็บน้ำในโอ่งอยู่ แต่นานๆ ก็ไม่พอ บางบ้านอยู่กัน 6-7 คน เพราะเวลาหน้าแล้ง 3-4 เดือนฝนไม่ตกเลย หลังจากพฤศจิกายน ก็แล้งยาวถึงมีนาคมเลยนะ สภาพสิ่งแวดล้อม การประมงก็ขึ้นอยู่กับฤดูกาล อย่างกุ้งกุลาดำมีเฉพาะช่วงหน้าหนาว หน้าอื่นก็ไม่มีอยู่แล้ว ก็น้อยลงกว่าเมื่อก่อน สมัยก่อนหาได้เยอะ สมัยนี้หาได้น้อยลงกว่าเก่า แต่ดีที่ได้ราคาเพิ่มขึ้น อย่างเมื่อก่อนเคยขาย สมมติ กิโลละ 100 ตอนนี้อาจจะได้ 150-160 บาท มันทดแทนกัน ที่นี้หมู่บ้านก็จะลำบากเรื่องเดินทาง ต้องใช้เรืออย่างเดียว แล้วน้ำมันก็แพง ค่าครองชีพขึ้น ไปกลับท่าเรือปลายจันท์-ขลุง ก็ประมาณเกือบ 40 กิโลเมตร ไกลนะ ขานึงเกือบ 20 กิโล ดีที่ทุกบ้านมีเรือประมงของตัวเอง แล้วก็มีเรือรับจ้าง คนในหมู่บ้านก็เดินทางกันแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร”
ชยพล สืบวงษ์ชัย
ชาวประมง-คนขับเรือ หมู่บ้านไร้แผ่นดิน
ผศ. ดร.มณีรัตน์ วงษ์ซิ้มหัวหน้าโครงการโปรแกรมบ่มเพาะและเร่งรัดกระบวนการเพื่อมุ่งสู่เมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาดCIAP | นายฉัตรกุล ชื่นสุวรรณกุลที่ปรึกษาโครงการ CIAP ประธานกรรมาธิการสถาบันพัฒนาเมือง และอดีตรองนายกเทศบาลเมืองสระบุรี ในงาน CITY SOLUTION DAY : เปิดเมือง เปลี่ยนเมือง สู่อนาคตเมืองน่าอยู่27 กันยายน 2568 ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์…
การบรรยายในหัวข้อ “ภาพรวมการขับเคลื่อนงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาเมืองน่าอยู่และการกระจายศูนย์กลางความเจริญของหน่วย บพท.” โดย รศ.ดร.ปุ่น เที่ยงบูรณธรรม รองผู้อำนวยการฝ่ายแผนและยุทธศาสตร์องค์กร หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ในงาน City Solution Days: เปิดเมือง เปลี่ยนเมือง สู่อนาคตเมืองน่าอยู่ วันที่…
“ในฐานะที่เป็นนายกเทศมนตรีเมืองร้อยเอ็ด และในฐานะนายกสมาคมเทศบาลนครและเมือง ซึ่งในสมาคมเรามีสมาชิกที่ประกอบไปด้วย เทศบาลนครประมาณ 35 แห่ง และ เทศบาลเมืองประมาณ 220 แห่ง ผมอยากเชิญชวนพวกเรามองเมืองของเราไปด้วยกัน โจทย์วันนี้ของประเทศไทย ถ้าให้เปรียบเทียบก็เหมือนเราเป็นคนที่มีจมูกรูเดียว พึ่งพาส่วนกลาง และเดินทางมาอย่างนี้มาโดยตลอด จนมีการกระจายอำนาจเมื่อปี 2540 แต่ก็เป็นการกระจายอํานาจค่อนข้างที่จะเป็น ลูกครึ่งลูกผสม คือมีรัฐบาลคอยกําหนดกรอบทั้งการปฏิบัติงานและงบประมาณ ท้องถิ่นก็ทำงานในระดับพื้นที่ไป จริงอยู่ว่าเรื่องนี้จะไม่ได้เป็นอุปสรรคปัญหาต่อการพัฒนาเชิงพื้นที่เท่าไหร่ โดยเฉพาะกับกลุ่มผู้บริหารท้องถิ่นที่มีความตั้งใจจริง และแสวงหาโอกาสที่อยากจะพัฒนาบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเองอย่างตลอดเวลา วันนี้สมาคมเทศบาลนครและเมือง มีโอกาสรวมตัวกันในการที่จะแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ แล้วหาช่องทางในการที่จะส่งเสริมต่อยอด ซึ่งในปีพ.ศ.2567 ก็เกิดความร่วมมือกับทาง บพท.…
ชวนอ่าน WeCitizens เมืองเชียงราย : เมืองนวัตกรรมการเกษตร Ebook ได้ที่ https://anyflip.com/jnmvd/iyvl/ Download PDF File : https://drive.google.com/.../1mQO8ZR9GTik02hfUPdS.../view... บอกเล่าเรื่องราวมุมมองเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด (Livable…
คนนครวัย 30 ปีขึ้นไปน่าจะคุ้นกับร้านหนังสือ “นาคร-บวรรัตน์” บนถนนราชดำเนิน ย่านท่าวัง ที่นี่คือร้านหนังสืออิสระที่เป็นพื้นที่จัดกิจกรรมอ่าน-เขียน และแสดงผลงานศิลปะ รวมถึงเป็นศูนย์รวมของนักเขียนและศิลปิน ทั้งจากกลุ่มวรรณกรรม “นาคร” เหล่านักเขียนรางวัล และศิลปินแห่งชาติที่แวะเวียนมาอยู่เสมอ จนกลายเป็นแรงขับสำคัญที่ทำให้เมืองนครมีชื่อในฐานะเมืองแห่งนักเขียนและศิลปิน อดีตร้านหนังสือแห่งนี้ตั้งอยู่ภายใน…
สมัยก่อนพ่อเป็นนายหนังตะลุงที่หวงวิชามากจนมีโอกาสเข้าเฝ้าในหลวง ร.9คำตรัสของพระองค์ท่าน เปลี่ยนความคิดพ่อไปอย่างสิ้นเชิง “สมัยก่อน นายหนังหรือผู้แสดงหลักในหนังตะลุง ส่วนใหญ่เขาจะหวงวิชามากนะครับ มันเหมือนศิลปะการแสดงที่ถ่ายทอดกันอย่างจำกัด และนายหนังแต่ละคนก็จะมีศาสตร์เฉพาะตัวในการแสดงเช่นเดียวกับคุณพ่อของผม (สุชาติ ทรัพย์สิน) แกก็เป็นคนหวงวิชามาก ๆ ใครมาขอให้สอนตอกหนังหรือเชิดหุ่นนี่ยาก กระทั่งปี 2527…