“เพราะชาวปากน้ำโพเห็นตรงกันว่าเราไม่อยากให้นครสวรรค์เป็นแค่เมืองผ่าน จึงมาหารือร่วมกันกับเทศบาลนครนครสวรรค์ว่าเราควรจะกำหนดทิศทางให้เมืองของเราเป็นไปในทางไหน
ตอนที่คุยกันตอนนั้น เทศบาลได้ร่วมกับเครือข่ายผู้ประกอบการในเมืองและภาคส่วนต่างๆ จัดตั้งกฎบัตรนครสวรรค์ เพื่อเป็นหนึ่งในกลไกการพัฒนาเมืองแล้ว เราได้สร้างพาสานเป็นแลนด์มาร์คใหม่บริเวณต้นแม่น้ำเจ้าพระยาแล้ว และได้ฟื้นฟูพื้นที่บริเวณเกาะญวนให้กลายเป็นสวนสาธารณะในชื่อคลองญวนชวนรักษ์แล้ว ก็มาพิจารณาจากต้นทุนและศักยภาพที่เรามี จนได้คำตอบว่าเมืองของเราที่ส่วนหนึ่งขับเคลื่อนด้วยชาวไทยเชื้อสายจีน และอีกส่วนก็มีความเป็นพหุวัฒนธรรมค่อนข้างสูง ก็ควรจะเป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม
เมื่อตกลงกันได้แบบนั้น ทุกคนก็เห็นตรงกันว่าเรามีที่ดินราว 3 ไร่เศษด้านหลังพาสาน ที่ผู้ประกอบการปากน้ำโพร่วมลงขันกันซื้อที่ดินไว้และยกให้เทศบาล ก็ประชุมกันแล้วตกลงจะทำ ‘อุทยานวัฒนธรรมต้นน้ำเจ้าพระยา’ ซึ่งเป็นทั้งแหล่งท่องเที่ยว แลนด์มาร์ค สวนสาธารณะ และพื้นที่การเรียนรู้ด้านวัฒนธรรมของเมืองนครสวรรค์ในแห่งเดียว พร้อมกันนั้นด้วยเงื่อนไขของเจ้าของที่ดินคนก่อน ที่ยกพื้นที่ให้เทศบาลโดยขอให้ทางเราจัดสร้างรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมไว้เป็นที่ยึดเหนี่ยวบูชา ซึ่งภาคประชาชนก็ได้ระดมทุนจัดสร้างองค์เจ้าแม่จากหินแกรนิตขาวสูง 26 เมตร ไว้ด้านหลังพาสาน ปัจจุบันอยู่ระหว่างการแกะสลักองค์เจ้าแม่ที่เมืองจีน
องค์เจ้าแม่จะประดิษฐานอยู่บนอาคารความสูง 4 ชั้น มีความสูงรวม 45 เมตร ตั้งอยู่ด้านหลังพาสาน สิ่งนี้ไม่เพียงเป็นแลนด์มาร์คใหม่ของเมือง แต่ยังเป็นอนุสรณ์สถานของความร่วมแรงร่วมใจของชาวปากน้ำโพ ในการร่วมลงขันเงินได้มากถึง 38 ล้านบาท โดยเทศบาลไม่ได้ใช้เงินตัวเองเลยสักบาท เพียงแค่ช่วยอำนวยความสะดวกให้โปรเจกต์ขนาดใหญ่นี้ลุล่วง แต่เทศบาลได้จัดสรรงบประมาณสำหรับทำสะพานข้ามแม่น้ำในรูปแบบของสะพานคนเดินเชื่อมย่านตลาดเก่าข้ามแม่น้ำปิงไปสู่อุทยานวัฒนธรรมแห่งนี้ รวมถึงสร้างสะพานจากเกาะยม (ที่ตั้งของพาสาน) เชื่อมไปยังวัดปากน้ำโพใต้ กลายเป็นการเชื่อมเส้นทางเดินเท้าจากย่านตลาดเก่าของปากน้ำโพสู่อีกฝั่งแม่น้ำ ซึ่งอยู่ใกล้กับบึงบอระเพ็ดด้วย นี่จะเป็นโครงการนำร่องของเทศบาล ที่จะทำให้นครสวรรค์เป็นเมืองที่เป็นมิตรกับคนเดินเท้าให้ได้มากที่สุด
และด้วยความตั้งใจให้นครสวรรค์เป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมสำหรับผู้มาเยือน และเป็นเมืองน่าอยู่ที่เป็นมิตรกับคนเดินเท้าสำหรับคนในเมือง เราจึงมีแผนเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเมือง เพื่อชักจูงให้คนในตลาดหรือคนที่มาจับจ่ายในตลาดได้เดินเท้ามากขึ้น ถ้าคนออกมาเดิน การค้าขายก็จะดีขึ้น ปัญหาที่จอดรถก็ลดลง และที่สำคัญคือสุขภาพของคนในเมืองจะดียิ่งขึ้น
เรื่องสุขภาวะของคนในเมือง เป็นอีกประเด็นที่ทางเทศบาลให้ความสำคัญ เพราะต้องยอมรับว่าปัจจุบันเทศบาลนครนครสวรรค์มีผู้สูงอายุค่อนข้างมาก ตรงนี้อาจเป็นข้อเสียเปรียบ แต่ถ้ามองอีกมุม เรามีสถาบันทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐานสูงหลายแห่ง รวมถึงการมีทำเลที่เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง จึงสามารถยกระดับให้เมืองเป็น wellness hub ในระดับภูมิภาคได้ โดยอาจจะเริ่มจากการประสานกับโรงพยาบาลเอกชนทำโปรแกรมดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ รวมถึงแผนการออกแบบคอร์สสุขภาพต่างๆ ที่ดึงดูดให้คนจากจังหวัดใกล้เคียงเข้ามาใช้บริการ ทั้งนี้ ด้วยเส้นทางรถไฟรางคู่สายใหม่ที่มาจากอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ซึ่งจะผ่านมาที่นครสวรรค์ ถ้าเมืองของเราพัฒนาบริการด้านสุขภาพให้พร้อม นั่นหมายถึงเม็ดเงินของการลงทุนและการจับจ่ายใช้สอยจะเข้ามาในเมืองของเรามากกว่านี้อีกเยอะ
นอกจากนี้ ด้วยแผนการพัฒนาเมืองในกรอบของสมาร์ทซิตี้ เราก็หวังสร้างแพลทฟอร์มที่พร้อมให้คนรุ่นใหม่ที่เป็นลูกหลานชาวปากน้ำโพกลับบ้านเกิดมาสานต่อกิจการของครอบครัว หรือลงทุนทำธุรกิจใหม่ๆ มาช่วยพัฒนาบ้านเกิดของเรา อย่างผมเองถึงจะดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีมาหลายสมัย แต่ผมก็ทำงานร่วมกับคนรุ่นใหม่ที่เป็นสมาชิกสภาเทศบาลทั้งนั้น เพราะหลายเรื่องผมก็ไม่ทันความเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ก็ต้องปรึกษาและพึ่งพามุมมองของพวกเขา
ซึ่งตรงนี้แหละที่เป็นเหมือนภาพแทนของการพัฒนาเมือง การทำงานร่วมกันของคนสองรุ่น ผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์ และคนรุ่นใหม่ที่มาพร้อมเทคโนโลยีและโลกทัศน์ใหม่ๆ เมืองเราจะยั่งยืนได้ ก็เพราะการร่วมแรงร่วมใจของคนทุกรุ่นเช่นที่ว่านี้”
จิตตเกษมณ์ นิโรจน์ธนรัฐ
นายกเทศมนตรีนครสวรรค์
พลังคน พลังโคมลำพูน: เมืองเล็ก ๆ ที่เปี่ยมไปด้วยพลังสร้างสรรค์ แม้ ดร.สุดารัตน์ อุทธารัตน์ เป็นคนเชียงใหม่ เธอก็หาใช่เป็นคนอื่นคนไกลสำหรับชาวลำพูนเพราะก่อนจะเข้ามาขับเคลื่อนงานวิจัยเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาดกับเทศบาลเมืองลำพูน เธอได้ทำวิจัยเกี่ยวกับเมืองแห่งนี้มาหลายครั้ง โดยเฉพาะโครงการขับเคลื่อนเยาวชนเพื่อเตรียมพร้อมสู่การเป็นพลเมืองของเมืองแห่งการเรียนรู้ของ UNESCO ในปี 2566-2567 - นั่นล่ะ…
“เป็นสิ่งวิเศษที่สุด ที่ผ้าไหมของจังหวัดลำพูนได้ปรากฏต่อสายตาผู้คนทั้งในและต่างประเทศ ทั้งเมื่อครั้งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงให้การส่งเสริม และทรงฉลองพระองค์ด้วยผ้าไหมยกดอกลำพูนในพระราชพิธีสำคัญต่าง ๆ และกระทั่งในปัจจุบัน สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 10 ก็ทรงส่งเสริมผ้าไหมไทย และฉลองพระองค์ด้วยผ้าไหมยกดอกลำพูนในพระราชพิธีสำคัญเช่นกัน ดิฉันเป็นคนลำพูน มีความภูมิใจในงานหัตถศิลป์การทอผ้าไหมยกดอกนี้มาก ๆ และตั้งใจจะรักษามรดกทางวัฒนธรรม ทำหน้าที่ส่งต่อถึงคนรุ่นต่อไป…
“ความที่โตมาในลำพูน เราตระหนักดีว่าเมืองเรามีต้นทุนทางวัฒนธรรมที่สูงมาก ทั้งยังมีบรรยากาศที่น่าอยู่ อย่างไรก็ดี อาจเพราะเป็นเมืองขนาดเล็ก ลำพูนมักถูกมองข้ามจากแผนการพัฒนาของประเทศ เป็นเหมือนเมืองที่มีศักยภาพ แต่ยังไม่ถูกปลุกให้ตื่นความที่เราเคยทำงานที่ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (ปัจจุบันคือสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA - ผู้เรียบเรียง) ได้เห็นตัวอย่างความสำเร็จของกระบวนการพัฒนาย่านด้วยกรอบพื้นที่สร้างสรรค์ในหลายพื้นที่…
“ผมเป็นคนลำพูน และชอบทำกิจกรรมนอกห้องเรียนมาตั้งแต่เด็ก ปัจจุบันเป็นประธานสภาเด็กและเยาวชนจังหวัดลำพูน ควบคู่ไปกับกำลังศึกษาคณะรัฐศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่จากประสบการณ์การทำงานในสภาฯ ทำให้ผมเห็นว่า เยาวชนลำพูนมีศักยภาพที่หลากหลาย แต่สิ่งที่ขาดไปคือเวทีที่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้แสดงความสามารถและพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากการสนับสนุนจากโรงเรียนหรือโครงการของภาคเอกชน ปี 2567 พี่อร (ดร.สุดารัตน์ อุทธารัตน์…
“อาคารหลังนี้แต่ก่อนเป็นที่ประทับของเจ้าราชสัมพันธวงษ์ลำพูน (พุทธวงษ์ ณ เชียงใหม่) น้องเขยของเจ้าจักรคำขจรศักดิ์ เจ้าหลวงองค์สุดท้ายของลำพูน อาคารถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 2455 หลังจากนั้นก็ถูกขายให้พ่อค้าชาวจีนไปทำเป็นโรงเรียนหวุ่นเจิ้ง สอนภาษาจีนและคณิตศาสตร์ โรงเรียนนี้เปิดได้ไม่นานก็ต้องปิด เพราะสมัยนั้นรัฐบาลเพ่งเล็งว่าอะไรที่เป็นของจีนจะเกี่ยวข้องกับลัทธิคอมมิวนิสต์ แต่หนูก็ไม่รู้หรอกว่าโรงเรียนนี้เกี่ยวข้องหรือเปล่า (ยิ้ม) จากนั้นอาคารก็ถูกเปลี่ยนมาเป็นโรงเรียนมงคลวิทยาในปี…
“เราโตมากับวัฒนธรรมของคนลำพูน ชอบไปเดินงานปอย ร่วมงานบุญ ก่อนหน้านี้ก็เคยทำงานรับจ้างทั่วไป จนเทศบาลฯ มาส่งเสริมเรื่องการทำโคม โดยมีสล่าจากชุมชนศรีบุญเรืองมาสอน เราก็ไปเรียนกับเขา ตอนนี้อาชีพหลักคือการทำโคม ทำมาได้ 2 ปีแล้ว สำหรับเรา โคมคืองานศิลปะ เป็นสัญลักษณ์และมรดกที่ยึดโยงกับวัฒนธรรมของคนบ้านเรา ตอนแรกเราไม่มีความคิดเลยว่ามันจะกลายมาเป็นอาชีพได้…