“ก่อนจะมีการจัดตั้ง บพท. หน่วยงานที่สนับสนุนการจัดทำกฎบัตรคือ สกสว. เขาให้งบการทำวิจัยกับ 6 เมืองนำร่อง ได้แก่ ขอนแก่น ระยอง เชียงใหม่ ป่าตอง (ภูเก็ต) สระบุรี และอุดรธานี ส่วนเมืองนครสวรรค์ไม่ได้อยู่ในแผนนี้ตั้งแต่แรก
อย่างไรก็ตาม เมื่อผมทราบข่าวถึงเครื่องมือการพัฒนาเมืองรูปแบบใหม่นี้ ผมก็ติดตามอย่างต่อเนื่อง เพราะต้องการนำองค์ความรู้นี้มาช่วยกำหนดทิศทางการพัฒนาเมืองอย่างเป็นระบบ ผมมีโอกาสได้อ่านบทความของอาจารย์ฐาปนา บุณยประวิตร เกี่ยวกับกฎบัตรและการพัฒนาเมืองสู่สมาร์ทซิตี้ เลยเชิญอาจารย์ฐาปนามาเป็นวิทยากรที่นครสวรรค์ จากนั้นพอมีสัมมนาเกี่ยวกับการพัฒนาเมืองที่ไหน ผมก็ตามเขาไปหมด เพราะอยากเรียนรู้
กระทั่งขอนแก่น หนึ่งในเมืองที่ได้รับทุนงานวิจัยและมีการวางรากฐานการพัฒนาเมืองอย่างเข้มแข็งแล้ว เขาขอไม่รับทุนต่อ โดยอยากเปิดโอกาสให้เมืองอื่นๆ ที่ต้องการเครื่องมือหนุนเสริมนี้ อาจารย์ฐาปนาจึงโทรหาผม ผมก็บอกว่าดีเลย กฎบัตรนครสวรรค์จึงเริ่มต้นขึ้นในปี 2562
ในขณะที่เมืองอื่นๆ เขาอาจจะมีกลุ่มนักวิจัย หรือบริษัทพัฒนาเมืองเป็นเจ้าภาพขับเคลื่อน นครสวรรค์เป็นเมืองที่มีภาครัฐอย่างเทศบาลนครนครสวรรค์เป็นเจ้าภาพ แต่นั่นล่ะ จะบอกว่าเทศบาลฯ เราขับเคลื่อนเองก็ไม่ถูกนัก เพราะเราร่วมมือกับนักวิจัยและชาวนครสวรรค์ในทุกภาคส่วนมาทำตรงนี้
ร่วมงานกันอย่างไร? สิ่งแรกที่เราคุยคือเราจะทำอะไรก่อน ผมก็ให้ตัวแทนทุกฝ่ายมาคุยกันให้ได้มากที่สุด มาสะท้อนปัญหาของเมือง ความต้องการ และทิศทางที่แต่ละคนมองไปยังอนาคต รวมถึงการนำเสนอโมเดลการพัฒนาเมืองจากที่ต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศให้ทุกคนเข้าใจ เพื่อนำมาปรับใช้กับบริบทของเมืองเรา
แน่นอน คนนครสวรรค์มีหลายภาคส่วนมาก ก่อนอื่นเราต้องทำให้ทุกคนเห็นภาพตรงกันว่ากฎบัตรคืออะไร และมันช่วยพวกเราได้อย่างไร รวมถึงเกณฑ์การชี้วัดต่างๆ ศัพท์แสงด้านการพัฒนาเมือง ผมก็ร่วมเรียนรู้ไปกับพี่น้องประชาชนนี่แหละ ตลอด 2 ปีแรก เราชวนภาคส่วนต่างๆ มาประชุมกันกว่า 40 ครั้ง แต่ละครั้งคนฟังไม่ต่ำกว่า 200 คน
พอประชุมกันจนคิดว่าเรากระจายข้อมูลไปได้ทั่วแล้ว ก็เริ่มขับเคลื่อน ซึ่งจริงๆ แล้วนายกเทศมนตรี (จิตตเกษมณ์ นิโรจน์ธนรัฐ) เขาวางพื้นฐานไว้ดีแล้วนะ มีการก่อสร้าง ‘พาสาน’ มีการทำคลองบำบัดน้ำเสีย ‘คลองญวนชวนรักษ์’ หรือการที่เทศบาลผลิตน้ำประปาเองจำหน่ายในราคาย่อมเยา เพื่อลดต้นทุนค่าครองชีพให้ผู้คนในเขตเทศบาล จนเราได้รางวัลชนะเลิศการจัดการระบบน้ำสะอาดและน้ำประปาของอาเซียน (โครงการรางวัลอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมเมืองที่ยั่งยืน)
เราก็ต่อยอดจากสิ่งที่มีอยู่ โดยเริ่มจากการฟื้นฟูย่านเมืองเก่าบริเวณถนนโกสีย์ซึ่งมันซบเซาลงไปมากให้กลายเป็นย่านที่เอื้ออำนวยต่อการเดินเท้า อ้างอิงโมเดลมาจาก Smart Block ของบาร์เซโลนา ด้วยเชื่อว่าถ้าเมืองมันเอื้อให้คนเดิน ลดการใช้รถส่วนตัว มีขนส่งมวลชนที่ได้ประสิทธิภาพและมีราคาย่อมเยา รวมถึงการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาเอื้ออำนวยความสะดวกแก่ผู้คน ร้านค้าก็จะขายของได้มากขึ้น เศรษฐกิจก็จะฟื้นตัว
ทั้งนี้ เมื่อ บพท. ได้มอบทุนสนับสนุนโครงการวิจัยเมืองแห่งการเรียนรู้ แก่อาจารย์ฐาปนา จึงมีการต่อยอดแนวคิด Smart Block ในพื้นที่บริเวณศูนย์ท่ารถให้กลายเป็นย่านนวัตกรรม รองรับการลงทุนของศูนย์การค้าและโรงพยาบาลที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่ และทำให้ผู้ประกอบการเดิมในย่านได้ประโยชน์สูงสุดด้วย
นอกจากการฟื้นฟูย่านด้วยสมาร์ทซิตี้ เรายังตั้งคณะกรรมการกฎบัตรนครสวรรค์ขึ้น โดยครอบคลุมกรอบการพัฒนาเมือง 10 สาขา อาทิ MICE และเศรษฐกิจสีเขียว, อุตสาหกรรมสีเขียว, เกษตรและอาหารปลอดภัย, ที่อยู่อาศัย, สวนสาธารณะ, สุขภาพและสุขภาวะ ฯลฯ แต่ละสาขาก็มีการตั้งกลุ่มเพื่อขับเคลื่อนไปยังเป้าหมายของสาขานั้นๆ ซึ่งพอมีกรอบที่ชัดเจนแบบนี้ เวลาจะขับเคลื่อนมันก็ง่าย ผู้ประกอบการหรือบุคคลที่สนใจเรื่องใดเป็นพิเศษก็สามารถหาแนวร่วมช่วยกันขับเคลื่อนต่อไปได้
และถึงแม้เทศบาลจะเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของกฎบัตร แต่สุดท้าย การขับเคลื่อนกรอบของทั้ง 10 สาขา จะเป็นหน้าที่ของสมาชิกในกรอบนั้นๆ ซึ่งก็คือตัวแทนจากภาคประชาชนในนครสวรรค์เอง เพราะบทบาทของเทศบาลคือการอำนวยความสะดวกให้ภาคประชาชน พร้อมไปกับการหาวิธีลดความเหลื่อมล้ำและแก้ปัญหาเมือง ส่วนการกำหนดทิศทางหรือวาง Roadmap ของเมือง คือหน้าที่ของพวกเราทุกคน
ผมทำงานเทศบาลมาหลายสิบปี และปีนี้ผมอายุ 70 แล้ว ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าพอรถไฟฟ้าสายใหม่ตัดผ่านนครสวรรค์อีก 10 ปีข้างหน้า จะทันเห็นหรือเปล่า แต่นั่นแหละ สิ่งที่พอจะทำได้คือการวางรากฐานและเตรียมเมืองให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงให้มากที่สุด นครสวรรค์หลังจากนี้น่าจะมีการพัฒนาไปอีกมาก แต่สิ่งสำคัญคือเราจะนำประโยชน์จากการพัฒนาให้กระจายไปยังพี่น้องประชาชนทุกหย่อมย่านอย่างทั่วถึง ไม่ใช่แค่การกระจุกอยู่แค่กลุ่มคนหรือกลุ่มทุนไม่กี่กลุ่ม”
สมศักดิ์ อรุณสุรัตน์
ประธานสภาเทศบาลนครนครสวรรค์
รองประธานกฎบัตรไทย
“หอโหวดเป็นเพียงจุดเริ่มต้น แต่หลังจากนี้คือกลไกที่เทศบาลต้องทำงานร่วมกับภาคประชาชนและนักวิชาการ ในการกำหนดทิศทางเมืองให้ร้อยเอ็ดพร้อมรับการท่องเที่ยว และทำให้เมืองมีความน่าอยู่ สำหรับผู้คนในเมืองพร้อมกันไปด้วย” “เราเกิดที่ร้อยเอ็ด เรียนมัธยมที่นี่ ก่อนไปเรียนระดับมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ ก่อนหน้านี้ สักเกือบ 10 ปีที่แล้ว เราไม่เคยมีความคิดจะกลับมาทำงานที่บ้านเกิดเลยนะ เพราะไม่เห็นโอกาสอะไรในชีวิตในภาพจำเดิมของเรา ร้อยเอ็ดเป็นเมืองผ่าน ไม่มีสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อ ไม่มีแหล่งธรรมชาติสวยๆ…
ชวนอ่าน เบื้องหลังแนวคิดการขับเคลื่อนงานพัฒนาเมืองด้วยงานวิจัย องค์ความรู้ และนวัตกรรม ความร่วมมือ และบูรณการระหว่าง บพท. และสมาคมเทศบาลนครและเมือง ก่อเกิดโครงการ "โปรแกรมบ่มเพาะและเร่งรัดกระบวนการเพื่อมุ่งสู่เมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด (CIAP) ดำเนินการระหว่างปีพ.ศ. 2567-2568 กับผู้นำเมือง และเทศบาล…
WeCitizens : ร้อยเอ็ดเมืองน่าอยู่อย่างชาญฉลาด (ฉบับที่ 1) เปิดความคิด ความหวัง และโอกาสของการพัฒนาเมืองร้อยเอ็ดที่รัก นำโดยนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด คุณบรรจง โฆษิตจิรนันท์ คณะทำงานเจ้าหน้าที่เทศบาล และหัวหน้าโครงการวิจัยร้อยเอ็ดเมืองน่าอยู่อย่างชาญฉลาด ผศ. ดร.ชัญญรินทร์…
ร้อยเอ็ดอยู่ห่างจาก ‘สะดืออีสาน’ พื้นที่ที่ถูกปักหมุดให้เป็นจุดศูนย์กลางของภาคอีสานในอำเภอโกสุมพิสัย มหาสารคาม เพียง 60 กิโลเมตร ในตำนานอุรังคธาตุ (ตำนานพระธาตุพนม) กล่าวว่า ‘สาเกตนครร้อยเอ็ดประตู’ (ชื่อเดิม) เมืองนี้ มีประตูเท่าจำนวนเมืองขึ้น ‘ร้อยเอ็ดเมือง’ สะท้อนให้เห็นความรุ่งเรืองจากการเป็นศูนย์กลางอำนาจและการคมนาคมของภูมิภาคมาตั้งแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ 21อีกทั้ง ส่วนหนึ่งของพื้นที่ยังเป็นที่ตั้งของทุ่งกุลาร้องไห้ ที่ราบขนาดใหญ่กว่า 2 ล้านไร่ ทำให้ในเวลาต่อมา ร้อยเอ็ดจึงเป็นอู่ข้าวที่ผลิตข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาที่ใหญ่ และมีผลิตผลที่ดีที่สุดในโลก แม้มีภูมิหลังที่รุ่งเรือง กระนั้น ตลอดหลายทศวรรษหลัง…
สนทนากับ ผศ.ดร.ชัญญรินทร์ สมพรหัวหน้าโครงการวิจัยเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด ‘ร้อยเอ็ด’, สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด “พื้นที่นี้จะเป็นเหมือนตัวกลางในการสร้างความพร้อมให้คนร้อยเอ็ดสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในอนาคต” ผศ. ดร.ชัญญรินทร์ สมพร รองผู้อํานวยการสํานักส่งเสริมวิชาการและจัดการเรียนรู้ตลอดชีวิต มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด และหัวหน้าโครงการวิจัย "โครงการเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด ร้อยเอ็ดคนดี เชื่อมโยงโครงข่ายเศรษฐกิจ ด้วยการเดินบนความปลอดภัยและทันสมัย…
"เราให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงเศรษฐกิจให้ร้อยเอ็ดเป็นทางเลือกใหม่ของตลาด MICE ที่ราคาย่อมเยา เดินทางสะดวก และมีอัตลักษณ์" เริ่มจากความคับข้องใจที่เห็นบ้านเกิดของตัวเอง (ร้อยเอ็ด) เป็นเมืองผ่านที่มักถูกมองข้าม เมื่อ บรรจง โฆษิตจิรนันท์ เข้ารับตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองร้อยเอ็ด เมื่อปี 2538 เขาจึงเริ่มโครงการพัฒนาเมือง ไปพร้อมกับการดึงเสน่ห์จากศิลปวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ ดึงดูดให้ผู้คนมาเที่ยว…