“ผมเป็นคนขอนแก่น เรียนที่ขอนแก่นตั้งแต่โรงเรียนสาธิต จนไปจบ ป.โท เรียนวิทยาลัยการปกครองท้องถิ่น ก็ที่มข. บ้านผมทำร้านกระจกอลูมิเนียม ผมช่วยที่บ้าน แล้วก็มีร้านหมูกระทะชื่อบุญดีหมูกระทะ ก่อนหน้าที่จะมาทำร้านหมูกระทะ ผมเคยสนใจเรื่องการเมือง หนึ่งปีก่อนเกิดโควิดเคยไปเดินแจกแมสกับทางนายกธีรศักดิ์ ตอนนั้นคือนายกชวนมาลง สท. แต่พอไปทำแบบนั้นก็รู้สึกไม่ใช่ตัวตนของเรา ก็เลยตัดสินใจว่าทำมาธุรกิจเต็มตัวจะดีกว่า ส่วนเพื่อนๆ ที่ทำ YEC มาด้วยกันระยะหนึ่งที่เขามีความพร้อมจะลงเป็นประธาน ก็พากันไปลงเป็น สท. เหลือแต่ผม ก็อาสาเข้ามารับหน้าที่ประธาน YEC
ถ้าให้เล่าถึงภาพรวมสภาพเศรษฐกิจของเมืองขอนแก่น ผมขอเล่าจากมุมพี่น้อง ๆ YEC จำได้ว่าในช่วงโควิด สมาชิกส่วนใหญ่ประมาณ 90 % จะบอกว่าไม่ค่อยได้รับผลกระทบ เหตุผลที่ไม่กระทบเพราะว่า ขอนแก่นมันเป็นเมืองที่แบบซื้อขายกันเอง เป็นเมืองที่แบบเราไม่ต้องไปพึ่งข้างนอก ไม่เหมือนอุดรฯ หรือ หนองคายที่ธุรกิจนั้นเชื่อมกับฝั่งลาว หรืออย่างโคราช หรือเขาใหญ่ที่ต้องพึ่งพากรุงเทพ ขอนแก่นเป็นเมืองที่เงินวนๆ กันในเมือง แถมด้วยมีคนนอกมาเติมทุกปีอย่างเด็กมหาวิทยาลัยขอนแก่น และอีก 4 มหาวิทยาลัยในพื้นที่ เศรษฐกิจจึงไปได้ด้วยตัวมันเอง บางรายก็ผลิตสินค้าไม่ทันออร์เดอร์ก็มีมาแล้ว อย่างพี่ๆ ที่เขาทำธุรกิจผลิตแห และอวน ซึ่งน้อยคนจะรู้ว่า จังหวัดขอนแก่น คือ จังหวัดที่ส่งแหอวนเป็นสินค้าส่งออกอันดับหนึ่งของโลก มีอย่างน้อยๆ 60 ประเทศทั่วโลกใช้แหอวนจากเรา และหลัง ๆ มีการแตกไลน์ธุรกิจไปทำงานตาข่าย จนถึงการผลิตแปรงสีฟัน
ประโยชน์อย่างหนึ่งของการมาเป็น YEC คือ เราก็ได้เรียนรู้ประสบการณ์จากผู้ใหญ่เก่ง ๆ หลายท่าน และได้รู้จักคนรุ่นราวคราวเดียวกัน มี Meeting มีกินข้าว ซื้อขายเป็น Partner มันคุยกันง่ายขึ้น และส่วนหนึ่งคือเราได้โอกาสทำงานใหญ่ๆ เพื่อช่วยเศรษฐกิจบ้านเราไปด้วย รวมไปถึงงานพัฒนาเมืองตามแนวคิด กับโครงการต่างๆ ซึ่งทางผู้ใหญ่ของหอการค้าขอนแก่น ก็เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเรื่องเหล่านี้อยู่ อย่างปีที่ผ่านมาทางพี่ๆ ผู้ใหญ่ก็ดึงอีเว้นต์เข้ามามาเยอะมาก เพื่อกระตุ้นให้เมืองกลับมาคึกคัก เราก็เข้าไปช่วยงาน ผมมักจะบอกเพื่อนๆ และน้องๆ YEC ว่าผู้ใหญ่ในขอนแก่นโคตรดีเลย ดีมากๆ คือเวลามีงานอะไรเขาก็จะเข้ามาเป็นทีมงานเดียวกับเรา ชวนเราคิด และแบ่งงานกัน “น้องทำไหม เอาไหมงานนี้ งานนี้ YEC ควรทำนะ อยากได้อะไรบอกพี่นะ พี่ๆ ช่วยเต็มที่” แล้วคอยถามอยู่เสมอว่าคนนี้เก่งด้านไหน ทำอะไร หาช่องทางให้ได้ช่วยกัน น้องๆ ได้ใจก็จะมาช่วยใหญ่ เลย เพราะผู้ใหญ่แอคทีฟ เวลาช่วยก็ช่วยจนสุดไม่ได้ช่วยเเบบช่วยแล้วปล่อย ผมไม่รู้เมืองอื่นเป็นยังไง แต่ขอนแก่นเป็นแบบนี้ทุกคนจับมือแพ็คช่วยกันเหนียวแน่น
ผมจึงมองว่าความพร้อมของขอนแก่นมีสูงมาก เพราะไม่ว่าคนรุ่นใหญ่ หรือรุ่นเล็ก คุยกันได้ ช่วยกันและลงแรงลงทุนกันจริงจัง แถมตัวเมือง ทั้งเศรษฐกิจ การค้าการลงทุน ก็ยังขยายได้เรื่อยๆ ความแตกต่างที่สังเกตง่ายๆ ได้เลยสำหรับคนที่มาอีสาน ให้ลองไปดูจังหวัดอื่นช่วงหัวค่ำ ไม่เกินสองสามทุ่ม ถนนเงียบกริบคนปิดร้านเข้านอนกันหมดแล้ว แต่ที่ขอนแก่นไม่เป็นแบบนั้น ร้านอาหาร สถานบันเทิง เปิดกันคึกคักมาก ยิ่งเดียวนี้กระแสธุรกิจกลางคืน พวกเราผับบาร์กำลังมาแรง เปิดกันเยอะและคนก็แน่น ก็คือคนจากจังหวัดใกล้เคียงนี่แหละขับรถกันมา 30-40 นาที เพราะที่บ้านเขาไม่มีแบบนี้ พวกเราคนทำธุรกิจก็กำลังพยายามสร้างให้เมืองขอนแก่นเป็นเมือง 24 ชั่วโมง คือ มีธุรกิจเปิดค้าขายทั้งกลางวันกลางคืน ซึ่งถ้าทำได้จริงมันจะดีกับเมืองมากๆ
เช่นเดียวกับโครงการรถรางเบา หรือการพัฒนา Smart City ก็เป็นความพยายามที่จะผลักดันร่วมกัน พี่ๆ หอการค้าก็เข้ามาช่วย กับทางเทศบาล จังหวัด สภาอุตสาหกรรม กลุ่มนักวิชาการมหาวิทยาลัย จริง ๆ อยู่ว่ามันจะเกิดขึ้นได้จริงวันไหนก็ยังกะเกณฑ์ลำบากเพราะเป็นเรื่องการลงทุน ไหนจะต้อง IPO ระดมทุนอีก แต่เราก็พยายามให้กำลังใจกันเอง และริเริ่มทำเรื่องง่าย ๆ ที่ทำได้ไปก่อน เพราะว่าอย่างน้อยเราดันกันมาขนาดนี้แล้วมันไปไกลแล้วที่จะไปให้ถึง ผมเองก็อยากให้มีเพราะมีไม่นานลูกผมที่กำลังจะเกิด และต้องโตที่เมืองนี้ ผมก็อยากให้เขาได้อยู่บ้าน ได้อยู่เมืองที่มีคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งมันเป็นไปได้ และสร้างได้ เตรียมได้ในวันนี้เลย จะมีเมืองไหนอีกที่นักธุรกิจจากหอการค้าอายุ 60-70 แล้วก็ยังสนใจเรียนรู้เรื่อง Blockchain และมีบทบาทสำคัญช่วยดันให้เกิดเหรียญดิจิตอล KGO สร้างมาให้ใช้ให้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในเมือง หนุนให้คนรุ่นหลังได้ทำงานเต็มที่ ศักยภาพแบบนี้ ความพร้อมอย่างนี้ไม่มีที่ไหนแล้วครับ”
วงศธร เรืองโชติพัฒน์
ประธาน YEC หอการค้าจังหวัดขอนแก่น
ผศ. ดร.มณีรัตน์ วงษ์ซิ้มหัวหน้าโครงการโปรแกรมบ่มเพาะและเร่งรัดกระบวนการเพื่อมุ่งสู่เมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาดCIAP | นายฉัตรกุล ชื่นสุวรรณกุลที่ปรึกษาโครงการ CIAP ประธานกรรมาธิการสถาบันพัฒนาเมือง และอดีตรองนายกเทศบาลเมืองสระบุรี ในงาน CITY SOLUTION DAY : เปิดเมือง เปลี่ยนเมือง สู่อนาคตเมืองน่าอยู่27 กันยายน 2568 ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์…
การบรรยายในหัวข้อ “ภาพรวมการขับเคลื่อนงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาเมืองน่าอยู่และการกระจายศูนย์กลางความเจริญของหน่วย บพท.” โดย รศ.ดร.ปุ่น เที่ยงบูรณธรรม รองผู้อำนวยการฝ่ายแผนและยุทธศาสตร์องค์กร หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ในงาน City Solution Days: เปิดเมือง เปลี่ยนเมือง สู่อนาคตเมืองน่าอยู่ วันที่…
“ในฐานะที่เป็นนายกเทศมนตรีเมืองร้อยเอ็ด และในฐานะนายกสมาคมเทศบาลนครและเมือง ซึ่งในสมาคมเรามีสมาชิกที่ประกอบไปด้วย เทศบาลนครประมาณ 35 แห่ง และ เทศบาลเมืองประมาณ 220 แห่ง ผมอยากเชิญชวนพวกเรามองเมืองของเราไปด้วยกัน โจทย์วันนี้ของประเทศไทย ถ้าให้เปรียบเทียบก็เหมือนเราเป็นคนที่มีจมูกรูเดียว พึ่งพาส่วนกลาง และเดินทางมาอย่างนี้มาโดยตลอด จนมีการกระจายอำนาจเมื่อปี 2540 แต่ก็เป็นการกระจายอํานาจค่อนข้างที่จะเป็น ลูกครึ่งลูกผสม คือมีรัฐบาลคอยกําหนดกรอบทั้งการปฏิบัติงานและงบประมาณ ท้องถิ่นก็ทำงานในระดับพื้นที่ไป จริงอยู่ว่าเรื่องนี้จะไม่ได้เป็นอุปสรรคปัญหาต่อการพัฒนาเชิงพื้นที่เท่าไหร่ โดยเฉพาะกับกลุ่มผู้บริหารท้องถิ่นที่มีความตั้งใจจริง และแสวงหาโอกาสที่อยากจะพัฒนาบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเองอย่างตลอดเวลา วันนี้สมาคมเทศบาลนครและเมือง มีโอกาสรวมตัวกันในการที่จะแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ แล้วหาช่องทางในการที่จะส่งเสริมต่อยอด ซึ่งในปีพ.ศ.2567 ก็เกิดความร่วมมือกับทาง บพท.…
ชวนอ่าน WeCitizens เมืองเชียงราย : เมืองนวัตกรรมการเกษตร Ebook ได้ที่ https://anyflip.com/jnmvd/iyvl/ Download PDF File : https://drive.google.com/.../1mQO8ZR9GTik02hfUPdS.../view... บอกเล่าเรื่องราวมุมมองเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด (Livable…
คนนครวัย 30 ปีขึ้นไปน่าจะคุ้นกับร้านหนังสือ “นาคร-บวรรัตน์” บนถนนราชดำเนิน ย่านท่าวัง ที่นี่คือร้านหนังสืออิสระที่เป็นพื้นที่จัดกิจกรรมอ่าน-เขียน และแสดงผลงานศิลปะ รวมถึงเป็นศูนย์รวมของนักเขียนและศิลปิน ทั้งจากกลุ่มวรรณกรรม “นาคร” เหล่านักเขียนรางวัล และศิลปินแห่งชาติที่แวะเวียนมาอยู่เสมอ จนกลายเป็นแรงขับสำคัญที่ทำให้เมืองนครมีชื่อในฐานะเมืองแห่งนักเขียนและศิลปิน อดีตร้านหนังสือแห่งนี้ตั้งอยู่ภายใน…
สมัยก่อนพ่อเป็นนายหนังตะลุงที่หวงวิชามากจนมีโอกาสเข้าเฝ้าในหลวง ร.9คำตรัสของพระองค์ท่าน เปลี่ยนความคิดพ่อไปอย่างสิ้นเชิง “สมัยก่อน นายหนังหรือผู้แสดงหลักในหนังตะลุง ส่วนใหญ่เขาจะหวงวิชามากนะครับ มันเหมือนศิลปะการแสดงที่ถ่ายทอดกันอย่างจำกัด และนายหนังแต่ละคนก็จะมีศาสตร์เฉพาะตัวในการแสดงเช่นเดียวกับคุณพ่อของผม (สุชาติ ทรัพย์สิน) แกก็เป็นคนหวงวิชามาก ๆ ใครมาขอให้สอนตอกหนังหรือเชิดหุ่นนี่ยาก กระทั่งปี 2527…