“บางคนตื่นเต้นที่รู้ว่าผมตั้งโรงงานอยู่ที่นี่ ผมก็บอกเขาไปว่าคุณควรรู้สึกประหลาดใจมากกว่าที่เจริญใดๆ ก็แล้วแต่ในประเทศนี้ ยังคงกระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพฯ”

“ราวๆ 50 ปีที่แล้ว ผมเป็นเด็กอยู่ชุมชนบ้านเกาะ ความบันเทิงของคนที่นั่นคือการฟังเพลงจากเครื่องไฟ ทีนี้หลายคนมักเจอปัญหาเดียวกัน คือเพลงไหนที่มีเสียงแหลมๆ คอยล์ในลำโพงจะชอบขาด คอยล์เป็นอะไหล่นำเข้าจากอเมริกา พอมันขาดทีนึง ก็ต้องเสียเงินซ่อมไปหลายร้อย ซึ่งสมัยนั้นคือแพงมาก

ความที่ผมเคยทำงานโรงสีข้าวและโรงบดแร่มาก่อน ก็พอมีความรู้เรื่องกลไกและเครื่องจักร เลยทดลองแกะไดอะแฟรมออกมาและพันขดลวดใส่เพื่อใช้แทนคอยล์ นั่นคือเมื่อราว 30 กว่าปีก่อน ที่ผมหาวิธีผลิตไดอะแฟรมคนแรกมาขาย ขายแผ่นละ 20 บาท จากขายเองเล็กๆ ก็เริ่มทำโรงงาน เรียนรู้ไปเรื่อยๆ ก่อนจะผลิตคอยล์ ผลิตกระดาษ ผลิตชิ้นส่วนให้งานซ่อมลำโพงทั่วไป จนมาผลิตดอกลำโพงเป็นผลสำเร็จ กลายเป็นโรงงานส่งออกดอกลำโพงให้กับแบรนด์ลำโพงเจ้าใหญ่ๆ ทั่วโลกในทุกวันนี้

เอาเป็นว่าผมพูดถึงแบรนด์ใหญ่ๆ ที่คุณรู้จัก กว่าครึ่งเขาใช้ดอกลำโพงที่ผลิตจากโรงงานในนครสวรรค์ของผม ลำโพงที่ใช้เสียงตามสายในชุมชนทั่วประเทศก็ใช้ดอกลำโพงที่มาจากโรงงานนี้ ซึ่งเอาเข้าจริงถ้าเฉพาะลำโพงเสียงตามสายในชุมชน ในโลกนี้มีผู้ผลิตดอกลำโพงเพียง 3 เจ้าที่ติดตลาด คือแบรนด์จากญี่ปุ่น อินเดีย และประเทศไทย ซึ่งอันหลังนี่คือแบรนด์ของผม 

ผมไม่ได้เรียนวิศวกรรมศาสตร์มา เป็นแค่คนที่ชอบเรียนรู้และไม่หยุดแสวงหาความรู้ใหม่ๆ พอเราจับทางได้ว่าจะทำอะไหล่ลำโพง ก็ไปค้นคว้าเรื่องวัสดุศาสตร์ สนามแม่เหล็ก การสั่นสะเทือนของเสียงอะไรพวกนี้ จนโรงงานเติบโต ก็จ้างนักวิจัยเก่งๆ ในบ้านเรา รวมถึงจากญี่ปุ่น และชาติอื่นๆ มาช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์ ผมเริ่มจากการเป็นช่างก่อน จนถึงระดับหนึ่งก็พาโรงงานตัวเองไปสู่งานวิจัยและพัฒนา (R&D) เพื่อสร้างนวัตกรรม ซึ่งสิ่งนี้มันละเอียดอ่อนมาก ลำโพงว่าไปก็เหมือนยางรถยนต์ ดูเหมือนแค่คุณมีโรงงานก็ผลิตออกมาได้ใช่ไหม แต่คุณลองไปเลียนแบบยางรถยนต์แบรนด์ดังๆ สิ คุณทำเหมือนเขาไม่ได้หรอก ถ้าไม่ได้ทำการวิจัยอย่างลงลึกมาก่อน

ถามว่าผมส่งอะไหล่ให้แบรนด์ลำโพงเจ้าใหญ่ๆ ทำไมไม่ผลิตลำโพงแบรนด์ของตัวเอง? ไม่หรอก ลูกค้าของผมคือบริษัทที่ทำตู้ลำโพงขาย ผมจะทำตู้ลำโพงมาแข่งกับลูกค้าตัวเองทำไม มันก็เหมือนกับที่ทำไมโตโยต้าจึงไม่ผลิตยางรถยนต์ของตัวเอง หรือกู๊ดเยียร์ไม่ผลิตรถยนต์เองนั่นแหละ ผมมองว่านี่คือความรับผิดชอบในเทคโนโลยีของแต่ละคน และนี่คือเศรษฐกิจของการแบ่งปัน (sharing economy) บ้านเมืองเราไม่มีทางเจริญหรอก ถ้าคุณจะผูกขาดทุกอย่างไว้กับตัวเองคนเดียว

เมื่อก่อนโรงงานผมอยู่ในตลาดปากน้ำโพเลย อยู่มาหลายสิบปีเหมือนกัน แต่พอโรงงานขยายขนาดเข้า มันก็ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ก็เลยย้ายมาอยู่นอกเมืองตรงนี้ ตอนแรกยังเป็นการประกอบมือเสียเป็นส่วนใหญ่ จึงต้องใช้พนักงานมากถึง 300 คน แต่ตอนนี้ก็ใช้เครื่องจักรช่วย เลยลดการจ้างงานลงมาพอสมควร

ถามว่า ส่งออกมากขนาดนี้ แถมมีลูกค้าจากกรุงเทพฯ เกือบ 100 ราย ทำไมถึงไม่ไปอยู่กรุงเทพฯ ผมก็บอกว่าไม่มีความจำเป็นอะไรเลยที่ต้องย้ายไปที่นั่น ที่นี่สะดวกกว่าเยอะ เอางี้ ถ้าโรงงานคุณอยู่พระราม 2 คุณมีออร์เดอร์ส่งของเข้ากรุงเทพฯ คุณอาจต้องเจอรถติด ซึ่งเผลอๆ ใช้เวลาเท่ากับการขับรถจากนครสวรรค์เข้าไปอีก แน่นอน อยู่ที่นี่ต้นทุนค่าน้ำมันอาจสูงกว่า แต่ก็ไปหักกับค่าทำสำนักงานอยู่กรุงเทพฯ ที่สำคัญ ถ้าทุกคนคิดว่ากรุงเทพฯ คือประเทศไทยนะ บ้านเมืองเราไม่มีวันโตหรอก

ขนาดเมียนมาร์ที่ล้าหลังกว่าเราเยอะ ความเจริญเขาไม่ได้อยู่แค่ที่ย่างกุ้ง แต่เป็น มันดาเลย์ มะละแหม่ง แล้วมาดูจีน ญี่ปุ่น หรืออินเดียสิ ศูนย์กลางเศรษฐกิจเขากระจายไปทั่วประเทศ ซึ่งนั่นหมายถึงความเจริญมันก็กระจายอย่างทั่วถึง บางคนตื่นเต้นที่รู้ว่าผมตั้งโรงงานอยู่ที่นี่ ผมก็บอกเขาไปว่าคุณควรรู้สึกประหลาดใจมากกว่าที่ทุกวันนี้ ความเจริญใดๆ ก็แล้วแต่ในประเทศนี้ ยังคงกระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพฯ

ที่สำคัญ นครสวรรค์เป็นเมืองที่มีประสิทธิภาพในการเป็นศูนย์กลางการผลิตและขนส่งในระดับภูมิภาคอยู่แล้ว คุณสังเกตกายภาพเราสิ ทางหลวง 117 เหมือนเป็นแม่น้ำน่าน ถนนพหลโยธินเปรียบเหมือนแม่น้ำปิง ทำเลของจังหวัดเป็นเหมือนสะดือของประเทศ เป็นแหล่งลุ่มชุ่มน้ำที่เหมาะแก่การกระจายสินค้าไปทั่วประเทศ เกษตรเราก็เยอะ เหมาะแก่การทำอุตสาหกรรมเกษตร ที่สำคัญคนบ้านเราทำขนส่งเก่งมาก สมาคมขนส่งทางบกของประเทศก็มาตั้งอยู่ที่นี่ เพราะเป็น hub ทางหลวง 225 จากอีสานก็มาจบตรงนี้ ไหนจะรถไฟเส้นใหม่จากแม่สอดที่เชื่อมพื้นที่เศรษฐกิจชายแดนฝั่งตะวันตกอีก

ผมไม่เห็นความจำเป็นใดๆ ที่ต้องย้ายไปอยู่ที่อื่นเลย เพียงแต่ก็อยากให้ทุกภาคส่วนที่ผมก็รู้ว่าตระหนักในสิ่งที่ผมพูดอยู่นี้เหมือนกัน มาช่วยกันทำให้คนบ้านเราเข้าถึงโอกาสเติบโตกันให้มากกว่านี้ รวมถึงกลุ่มนักวิจัยที่ช่วยทำให้งานของพวกคุณรับใช้ชาวบ้านมากกว่านี้ อย่าเอาแต่ทำไปตาม TOR พอเสร็จแล้ว ก็เย็บเล่มเก็บเข้าห้องสมุดเฉยเลย”   

วิรัช ตั้งประดิษฐ์
ประธานกรรมการ บริษัท นครสวรรค์สยามโนวา (
1985) จำกัด
และประธานหอการค้ากลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 2

กองบรรณาธิการ

Recent Posts

[The Insider]<br />พัชรี แซมสนธ์

“เมืองอาหารปลอดภัยไม่ได้ให้ประโยชน์แค่เฉพาะผู้คนในเขตเทศบาลฯแต่มันสามารถเป็นต้นแบบให้เมืองอื่น ๆ ที่อยากส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้คนได้เช่นกัน” “งานประชุมนานาชาติของสมาคมพืชสวนโลก (AIPH Spring Meeting Green City Conference 2025) ที่เชียงรายเป็นเจ้าภาพเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา เน้นย้ำถึงทิศทางการพัฒนาเมืองสีเขียว…

3 weeks ago

[The Insider]<br />พรทิพย์ จันทร์ตระกูล

“ทั้งพื้นที่การเรียนรู้ นโยบายเมืองอาหารปลอดภัย และโรงเรียนสำหรับผู้สูงวัยคือสารตั้งต้นที่จะทำให้เชียงรายเป็นเมืองแห่งสุขภาพ (Wellness City)” “กล่าวอย่างรวบรัด ภารกิจของกองการแพทย์ เทศบาลนครเชียงราย คือการทำให้ประชาชนไม่เจ็บป่วย หรือถ้าป่วยแล้วก็ต้องมีกระบวนการรักษาที่เหมาะสม ครบวงจร ที่นี่เราจึงมีครบทั้งงานส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค การรักษาเมื่อเจ็บป่วย และระบบดูแลต่อเนื่องถึงบ้าน…

3 weeks ago

[The Insider]<br />ณรงค์ศักดิ์ เตือนสกุล

“การจะพัฒนาเมือง ไม่ใช่แค่เรื่องสาธารณูปโภคแต่ต้องพุ่งเป้าไปที่พัฒนาคนและไม่มีเครื่องมือไหนจะพัฒนาคนได้ดีไปกว่า การศึกษา” “แม้เทศบาลนครเชียงรายจะเป็นเมืองแห่งการเรียนรู้ของยูเนสโกแห่งแรกของไทยในปี 2562 แต่การเตรียมเมืองเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ว่านี้ เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นหลายสิบปี ในอดีต เชียงรายเป็นเมืองที่ห่างไกลความเจริญ ทางเทศบาลฯ เล็งเห็นว่าการจะพัฒนาเมือง ไม่สามารถทำได้แค่การทำให้เมืองมีสาธารณูปโภคครบ แต่ต้องพัฒนาผู้คนที่เป็นหัวใจสำคัญของเมือง และไม่มีเครื่องมือไหนจะพัฒนาคนได้ดีไปกว่า ‘การศึกษา’…

4 weeks ago

[The Insider]<br />นนทพัฒ ถปะติวงศ์

“ถ้าอาหารปลอดภัยเป็นทางเลือกหลักของผู้บริโภคเชียงรายจะเป็นเมืองที่น่าอยู่กว่านี้อีกเยอะ” “นอกจากบทบาทของการพัฒนาชุมชนและสังคมสงเคราะห์ กองสวัสดิการสังคม เทศบาลนครเชียงราย ยังมีกลไกในการส่งเสริมเศรษฐกิจของพี่น้อง 65 ชุมชน ภายในเขตเทศบาลฯ โดยกลไกนี้ครอบคลุมการส่งเสริมสุขภาพ และช่วยดูแลสิ่งแวดล้อมในทางอ้อมด้วยกลไกที่ว่าคือ ‘สหกรณ์นครเชียงราย’ โดยสหกรณ์ฯ นี้เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2560 หลักเราคือการสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชน…

4 weeks ago

[The Citizens]<br />ชวนพิศ สุริยวงค์

“แม่อยากปลูกผักปลอดภัยให้ตัวเองและคนในเมืองกินไม่ใช่ปลูกผักเพื่อส่งขาย แต่คนปลูกไม่กล้ากินเอง” “บ้านป่างิ้ว  ตั้งอยู่ละแวกสวนสาธารณะหาดนครเชียงราย เราและชุมชนฮ่องลี่ที่อยู่ข้างเคียงเป็นชุมชนเกษตรที่ปลูกพริก ปลูกผักไปขายตามตลาดมาแต่ไหนแต่ไร กระทั่งราวปี 2548 สำนักงานเกษตรอำเภอเมืองเชียงราย มาส่งเสริมให้ทำเกษตรปลอดภัย คนในชุมชนก็เห็นด้วย เพราะอยากทำให้สิ่งที่เราปลูกมันกินได้จริง ๆ ไม่ใช่ว่าเกษตรกรปลูกแล้วส่งขาย แต่ไม่กล้าเก็บไว้กินเองเพราะกลัวยาฆ่าแมลงที่ตัวเองใส่…

4 weeks ago

[The Citizens]<br />กาญจนา ใจปา และพิทักษ์พงศ์ เชอมือ

“วิวเมืองเชียงรายจากสกายวอล์กสวยมาก ๆขณะที่ผืนป่าชุมชนของที่นี่ก็มีความอุดมสมบูรณ์จนไม่น่าเชื่อว่านี่คือป่าที่อยู่ในตัวเมืองเชียงราย” “ก่อนหน้านี้เราเป็นพนักงานบริษัทเอกชนที่ต่างจังหวัด จนเทศบาลนครเชียงรายเขาเปิดสกายวอล์กที่ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนดอยสะเก็น และหาพนักงานนำชม เราก็เลยกลับมาสมัคร เพราะจะได้กลับมาอยู่บ้านด้วย ตรงนี้มีหอคอยชมวิวอยู่แล้ว แต่เทศบาลฯ อยากทำให้ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ก็เลยต่อขยายเป็นสกายวอล์กอย่างที่เห็น ซึ่งสุดปลายของมันยังอยู่ใกล้กับต้นยวนผึ้งเก่าแก่ที่มีผึ้งหลวงมาทำรังหลายร้อยรัง รวมถึงยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติบนภูเขา ในป่าชุมชนผืนนี้ จริง…

4 weeks ago