“ประแสอาจไม่ฟู่ฟ่าเหมือนก่อนแต่ทุกวันนี้ ผมว่ามันก็น่าอยู่กว่าเดิมเยอะนะครับ”

“ผมเป็นชาวประมงที่ล่องเรือลำแรกๆ พาชาวประมงจากปากน้ำประแส (อ.แกลง จ.ระยอง) ไปจับปลาทูน่าไกลถึงน่านน้ำอินโดนีเซีย

นั่นคือเมื่อราว 40 ปีที่แล้ว สมัยนั้นยังไม่มี GPS ใช้แค่แผนที่ทหารเรือที่มีเข็มทิศ ทาบมาตราส่วนเอาว่าจากอ่าวไทยลงไปปัตตานี มาเลเซีย จนเลยไปถึงอินโดนีเซียนี่กี่ไมล์และใช้เวลากี่วัน ก็ค่อยๆ เรียนรู้ไปจนชำนาญ จากนั้นชาวประมงจากประแสก็พากันล่องใต้ไปจับทูน่าหาเงินได้เป็นถุงเป็นถังกันหมด

สมัยนั้นถ้าพูดถึงประมงพาณิชย์ที่ออกเรือไปจับปลาไกลๆ มีไม่กี่ที่หรอกที่หาปลาได้เก่งและสร้างเม็ดเงินได้เยอะ ประแสของเรานี่ที่หนึ่งล่ะ ปากน้ำระยองอีกที่หนึ่ง และอีกที่คือประมงจากปัตตานี

แต่เดิมคนประแสกว่า 80% ทำประมงพาณิชย์ ส่วนใหญ่เป็นเจ้าของเรือกันหมด การออกเรือจับปลาทูน่าต้องใช้ลูกเรือมากถึง 25-30 คนต่อลำ จึงทำให้มีคนอีสานเข้ามาทำงานมาก จากนั้นไม่นานก็เป็นคนจากประเทศเพื่อนบ้าน

เจ้าของเรือเขาจะทำสัญญาออกตั๋วกับอธิบดีกรมประมงของมาเลเซียและอินโดนีเซีย ในการขออนุญาตไปจับปลาที่น่านน้ำเขาอย่างเป็นทางการ เราทำทุกอย่างถูกต้องหมด จนกระทั่ง EU (สหภาพยุโรป) เขากดดันรัฐบาลเรื่องการใช้แรงงานเด็กกับการค้ามนุษย์นี่แหละ ถึงชาวบ้านประแสเราจะทำถูกต้องทุกอย่าง แต่พอที่อื่นไม่เป็นแบบนั้น ประกอบกับที่รัฐเขาก็ออกกฎหมายและขั้นตอนยิบย่อยเพิ่มขึ้น เมื่อราวๆ 10 กว่าปีที่แล้ว จากประมงในประแสที่เคยเฟื่องฟูมากๆ ก็พลิกกลับอย่างกับหนังคนละม้วน

ผมเลิกทำประมงก่อนการออกกฎหมายที่ว่าหลายปีมากแล้ว (กฎ IUU Fishing) ที่ผมเลิก เพราะตอนนั้นผมเห็นแนวโน้มราคาน้ำมันสูงขึ้นมาก พอน้ำมันแพง ต้นทุนก็สูง ออกเรือทีแทบไม่มีกำไร จึงขายเรือและหันมาทำงานการเมืองในบ้านเกิดเรา เพราะถ้ามองจากธุรกิจประมงที่ผมทำมาแล้ว หากสถานการณ์เป็นแบบนี้ ประแสเราควรจะมีทางเลือกทางอาชีพอื่นเพื่ออุ้มชูเศรษฐกิจภายใน โดยทางเลือกที่ว่านั่นคือการท่องเที่ยว

ประแสเราอยู่ติดทะเล มีปากแม่น้ำ มีป่าชายเลนทุ่งโปรงทอง ที่สำคัญเรามีอนุสรณ์เรือรบหลวงประแสเป็นแลนด์มาร์คสำคัญ ในบทบาทของการเป็นนายกเทศมนตรีตำบลปากน้ำประแส ผมสามารถขับเคลื่อนให้เมืองมีทิศทางรองรับการท่องเที่ยวของอำเภอแกลง และจังหวัดระยองได้

ก็เริ่มจากไปดูงานตามท้องถิ่นต่างๆ ที่มีทรัพยากรคล้ายกับเรา ไปดูวิธีการจัดการ ขณะเดียวกันช่วงปี 2550 ผมเห็นว่าป่าชายเลนนี่แหละเป็นแม่เหล็กของการท่องเที่ยวชั้นดี ก็เลยร่วมกับชาวบ้านมาปลูกป่าเพิ่มเติมให้มันเยอะขึ้น แล้วมาแก้ปัญหาการบุกรุกป่าของชาวบ้านด้วย นำโมเดลของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาใช้ ให้ชาวบ้านตระหนักว่านี่คือพื้นที่ส่วนรวม ถ้าช่วยกันปลูกและดูแลป่า เดี๋ยวสัตว์ก็จะมาอยู่เอง สัตว์ทะเลก็จะอุดมสมบูรณ์

ซึ่งก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ สมัยที่ประแสเราทำประมงเป็นหลัก ป่าเราทรุดโทรมดูไม่ได้เลยนะ แต่พอหันมาเน้นการท่องเที่ยว ทำสะพานไม้เชื่อมพื้นที่ข้างในเข้าไป ชาวบ้านก็ตระหนักว่าเราจะไปตัดต้นไม้หรือบุกรุกพื้นที่ไม่ได้แล้ว ก็ช่วยกันดูแลจนสมบูรณ์อย่างที่เห็น สมบูรณ์ในระดับที่ทุกฤดูหนาวฝูงนกจากไซบีเรียจะอพยพมาอยู่กับเราที่นี่ นักดูนกจากทั่วประเทศก็ตามมาดูนกที่บ้านเรา

ส่วนเรือรบนี่ไม่พูดไม่ได้ จริงๆ เรือหลวงประแสมี 2 ลำ ชื่อเรือหลวงประแสนี่ในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นคนตั้งให้ เรือลำแรกเราเคยส่งไปร่วมรบที่เกาหลีเหนือ แต่ประสบอุบัติเหตุทำให้เรือเกยตื้น ทางกองทัพสหรัฐอเมริกาก็เลยจำต้องยิงจมเรือเราไป ไม่งั้นศัตรูเขาจะได้ข้อมูลจากภายในเรือ หลังจากกลับมา อเมริกาก็ขายเรืออีกลำมาชดเชยลำที่จมไป จึงเป็นที่มาของเรือหลวงประแสลำที่ 2

เรือลำที่ 2 นี้ผ่านภารกิจมากมาย ไม่ว่าจะรบในคาบสมุทรเกาหลีต่อจากลำที่ 1 ปฏิบัติการทางทะเลที่ญี่ปุ่น ปฏิบัติการคุ้มกันเรือบรรทุกน้ำมัน และรักษาอาณาเขตดินแดนอธิปไตยบริเวณอ่าวไทยของบ้านเรา จนมันปลดประจำการ ก็ถูกย้ายกลับมาที่นี่ ตอนแรกมีกำนันเขาขอจมเรือเพื่อเอาไปทำปะการังเทียม แต่ผมเข้ามาทำงานการเมืองพอดี ก็มีความคิดว่าเราน่าจะเอาเทียบท่าไว้เป็นอนุสรณ์สถาน ทำเป็นแหล่งท่องเที่ยวเสียเลย คนประแสก็เห็นด้วย เราจึงมีแลนด์มาร์คของตำบลเราอย่างทุกวันนี้ จนทุกวันนี้ทูตทหารเรือจากเกาหลีเขาก็นำพวงมาลามาวางในวันครบรอบด้วยนะ เพราะนี่เป็นเรือที่เคยไปร่วมรบช่วยประเทศเขา  

ถามว่าการท่องเที่ยวในประแสเป็นอย่างไรบ้าง ให้ตอบตามตรง มันไม่ทำกำไรมากมายเท่ากับยุคที่คนที่นี่ทำประมงหรอกครับ แต่ก็อย่างว่า ทุกคนจำต้องปรับตัว เจ้าของเรือและไต้ก๋งหลายคนที่เขาหาเงินได้มาก และมีอายุมากแล้ว เขาก็อาจจะพอแล้วใช้เงินเก็บไป บางส่วนยังทำประมงชายฝั่ง และก็มีไม่น้อยที่เปลี่ยนเรือมารองรับนักท่องเที่ยว พาไปดำน้ำดูปะการัง หันมาทำโฮมสเตย์ ขับสามล้อนำเที่ยว รวมถึงตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชนขายของเลย

ในฐานะเทศบาล ผมก็พยายามจะสร้างความเชื่อมโยงให้กลุ่มต่างๆ ได้ประโยชน์ร่วมกันจากการท่องเที่ยว พัฒนาสาธารณูปโภคให้ชุมชน และหาวิธีดึงดูดให้คนมาเที่ยวบ้านเราเยอะๆ ที่สำคัญ ผมจะคอยบอกกับทุกคนว่าเราต้องปรับตัว เราอาจไม่รวยเหมือนเก่า แต่ถ้าพวกเราช่วยกัน เราก็อยู่ดีกินดีได้ และรอดกันหมด

ที่สำคัญ ก็เหมือนกับที่เราพัฒนาทุ่งโปรงทองจนมันสมบูรณ์อย่างทุกวันนี้นั่นแหละ พอเราเปลี่ยนทิศทางมาที่การท่องเที่ยว ทุกคนได้อยู่บ้าน และเห็นว่าทรัพยากรส่วนรวมของบ้านเรามันคือที่มาของรายได้ ทุกคนก็เลยต้องช่วยกันอนุรักษ์และหวงแหน จิตสำนึกถึงบ้านเกิดจึงเกิด และการพัฒนาพื้นที่ก็ตามมา ประแสอาจไม่ฟู่ฟ่าเหมือนก่อน แต่ทุกวันนี้ ผมว่าก็น่าอยู่กว่าเดิมเยอะนะครับ”

ไชยรัตน์ เอื้อตระกูล
นายกเทศมนตรีตำบลปากน้ำประแส

กองบรรณาธิการ

Recent Posts

อ่านเสียงแก่งคอย เสียงของเมืองที่ก้าวข้ามบาดแผลประวัติศาสตร์มาสู่เมืองแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต

WeCitizens ชวนผู้อ่านเรียนรู้เมืองแก่งคอย เมืองประวัติศาสตร์ที่มีบาดแผลจากสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ในวันนี้ แก่งคอยเปลี่ยนบาดแผลแห่งประวัติศาสตร์เป็นเมืองแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตอ่านความคิด วิถีชีวิตผู้คนแก่งคอยได้ที่ WeCitizens : เสียงแก่งคอย, สระบุรี - WeCitizens Flip PDF…

1 year ago

ฟังเสียงนครสวรรค์ เมืองศูนย์กลางแห่งภาคเหนือตอนล่างและภาคกลางตอนบน

WeCitizens ชวนผู้อ่านเดินทางไปจังหวัดนครสวรรค์ เมืองที่อยู่กึ่งกลางระหว่างภาคเหนือและภาคกลาง เมืองที่เป็นจุดเปลี่ยนถ่ายการเดินทางทางน้ำในอดีต นครสวรรค์จึงเป็นเมืองสำคัญอีกเมืองหนึ่งในฐานะของเมืองที่เป็นศูนย์กลาง (Hub) ทั้งด้านการค้า การคมนาคม และนำมาซึ่งความหลากหลายทางวัฒนธรรมของผู้คนหลากหลายกลุ่ม โดยเฉพาะชาวจีนโพ้นทะเล E-book ฉบับเสียงนครสวรรค์ฉบับนี้ จะพาผู้อ่านทุกคนไปเรียนรู้วิถีชีวิตของชาวนครสวรรค์ วัฒนธรรมชาวจีนและเทศกาลตรุษจีนที่มีชื่อเสียงโด่งดังในระดับประเทศและนานาชาติ และไปฟังเสียงผู้คนชาวนครสวรรค์ที่มองบ้านเมืองของตนเองตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน…

1 year ago

แก่งคอย…ย้อนรอยสงครามโลกเปลี่ยนบาดแผลประวัติศาสตร์สู่เมืองเรียนรู้ตลอดชีวิต

นอกจากจะถูกจดจำจากเพลงดังที่มีชื่อเดียวกับชื่ออำเภอของ ก้าน แก้วสุพรรณ และเพลงฮิตของคาราบาว ซึ่งสื่อถึงที่มาของชื่อ ‘แก่งคอย’ อย่าง ‘แร้งคอย’ หากไม่ใช่คนในพื้นที่ อาจนึกภาพไม่ออกว่าอำเภอของจังหวัดสระบุรีที่เป็นปากทางขึ้นอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่และประตูสู่ภาคอีสาน มีความสำคัญอย่างไร? ไม่เพียงเป็นเมืองท่าที่สำคัญในการขนส่งสินค้าผ่านแม่น้ำป่าสักและทางรถไฟ อำเภอแก่งคอย ยังเป็นจุดเริ่มต้น (ต่อจากอำเภอเมืองสระบุรี)…

1 year ago

ขอนแก่นโมเดล
The Legacy of City Development

เพราะเมือง คือ ผู้คน และผู้คน คือ ตัวแปรสำคัญที่สุดในการพัฒนาเมือง ความเจริญงอกงามทางวัฒนธรรมหรือการเติบโตทางเศรษฐกิจ และมาตรฐานคุณภาพชีวิต จึงขึ้นอยู่กับศักยภาพ ความสามารถ และความร่วมมือร่วมใจของคนในเมืองเป็นฐานสำคัญ กว่าทศวรรษที่ ‘ขอนแก่นโมเดล’ เป็นโมเดลการพัฒนาเมืองที่ได้รับการยอมรับ และพูดถึงในฐานะแนวคิดและปฏิบัติการการพัฒนาเมืองที่ก้าวหน้ามากที่สุด…

1 year ago

“ขอนแก่นเราไม่ใช่เป็นเมืองที่นั่งรอคนเข้ามาทำนู่นนี่ให้”

เมืองขอนแก่น ผู้คน กับการเรียนรู้เพื่อก้าวต่อไป           ไม่มีภูเขา ไม่มีแม่น้ำสายใหญ่ อยู่ไกลโพ้นจากชายทะเล แหล่งท่องเที่ยวมีชื่อ หรือทรัพยากรธรรมชาติสำคัญก็น้อยนิด แต่มีคนที่เอาจริงเอาจังกับการพัฒนาเมืองกลุ่มใหญ่ที่กล้าคิดกล้าฝัน พยายามทำทุกลู่ให้ความหวังเป็นจริงได้ นี่คือปัจจัยที่ทำให้ช่วงเวลาเพียงกึงศตวรรษนำพาเมืองขอนแก่น เติบโตได้อย่างก้าวกระโดด  ‘ผู้คน และความร่วมมือ…

1 year ago

“สำนึกรักท้องถิ่น ถือเป็นหัวใจสำคัญของจิตสำนึกของคนขอนแก่น”

“เมื่อพูดถึงเรื่องเมืองแห่งการเรียนรู้ หรือ Learning City ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่รับผิดชอบของเทศบาลนครขอนแก่น เราดำเนินงานตามวิสัยทัศน์ที่ว่า ‘พัฒนาเมืองสู่สากล สร้างสังคมแห่งความสุข’ การที่เมืองจะพัฒนาได้และสร้างสังคมที่เป็นสุข ต้องเริ่มที่ ‘คน’ คนที่เป็นกำลังสำคัญในการร่วมกันพัฒนาเมือง ยกตัวอย่างในกรณีที่เปรียบเทียบง่าย ๆ เช่น ถ้าเราจะพัฒนาขอนแก่นเป็นเมือง…

1 year ago