อาจเรียกได้ว่าเป็นทุกขลาภของเมืองอุตสาหกรรมอย่างระยอง เพราะแม้จะเป็นจังหวัดที่มี GDP สูงที่สุดในประเทศ หากก็ต้องแลกมาด้วยมลภาวะทางอากาศจากจำนวนโรงงานที่มีมากถึง 4,000 แห่ง (ข้อมูลจากสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดระยอง) อย่างไรดี ปัจจัยสำคัญที่ช่วยสร้างสมดุลหนุนเสริมคุณภาพชีวิตของชาวระยอง คือการที่เมืองอยู่ติดชายทะเล และการมีป่าโกงกางพื้นที่กว่า 500 ไร่ ตั้งอยู่ใจกลางเมือง คอยซับมลภาวะ เป็น ‘ปอด’ สำคัญของคนระยอง
ไม่เพียงเท่านั้นป่าโกงกาง (หรือป่าชายเลน) ยังเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติของจังหวัด ผืนป่าที่ตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำระยอง ทอดยาวขนานไปกับตัวเมืองแห่งนี้ แต่เดิมเป็นป่าที่อยู่คู่วิถีชีวิตคนระยองในด้านการเป็นแหล่งทรัพยากรทางอาหารจากการจับสัตว์น้ำ ก่อนที่ชาวบ้านที่อาศัยอยู่รอบป่า ตระหนักถึงความสำคัญของการเป็นพื้นที่สีเขียวผืนใหญ่ จึงร่วมกับเทศบาล จังหวัด และบริษัทเอกชนหลายแห่ง บูรณะพื้นที่ให้กลายเป็นสวนสาธารณะใจกลางเมือง
จากสะพานไม้ที่พาผู้คนเข้าถึงความบริสุทธิ์ในผืนป่าที่ชาวบ้านสร้างขึ้นตามจุดต่างๆ เมื่อรัฐบาลประกาศนโยบาย ‘ป่ากลางเมือง’ รณรงค์ให้มีการจัดทำสวนป่าในตัวเมือง เมื่อปี 2561 สะพานตามจุดต่างๆ ก็เชื่อมเข้าหากันกลายเป็นทางเดินระยะทางถึง 7 กิโลเมตร สร้างสถิติสะพานไม้ภายในป่าโกงกางที่ยาวที่สุดในประเทศ รวมถึงการทำประตูทางเข้าเชื่อมจุดต่างๆ ของเมืองเข้าสู่ผืนป่าแห่งนี้ถึง 7 ประตู ทำให้คนระยองสามารถเดินทางมาสูดอากาศบริสุทธิ์ ชมสัตว์ป่า และความสมบูรณ์ของผืนป่าได้เพียงอึดใจ
หนึ่งในไฮไลท์สำคัญของป่าแห่งนี้ คือ ‘พระเจดีย์กลางน้ำ’ เจดีย์สีขาวทรงระฆังที่ตั้งอยู่บนเกาะกลางแม่น้ำระยองแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2416 ในสมัยพระยาศรีสมุทรโภคชัยชิตสงคราม (เกตุ ยมจินดา) เป็นเจ้าเมืองระยอง เพื่อใช้เป็นสัญลักษณ์ให้ชาวเรือหรือผู้โดยสารเรือที่เดินทางบริเวณนั้นได้ทราบว่าได้มาถึงระยองแล้ว (เนื่องจากสมัยโบราณ ระยองมีเพียงการเดินทางทางน้ำเป็นเส้นทางคมนาคมหลักเส้นทางเดียว)
สันนิษฐานกันว่าเจดีย์แห่งนี้สร้างภายใต้แนวคิดเดียวกับพระสมุทรเจดีย์ ในฐานะสัญลักษณ์ให้บรรดานักเดินเรือได้ทราบว่าใกล้ถึงกรุงเทพฯ แล้ว ทั้งนี้ ปัจจุบันบริเวณเจดีย์กลางน้ำเป็นที่ตั้งของศาลาการเรียนรู้ จุดเริ่มต้นของเส้นทางศึกษาธรรมชาติ (ศูนย์การเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนพระเจดีย์กลางน้ำ) รวมถึงท่าเทียบเรือชมป่า
นอกจากนี้บริเวณทิศตะวันออกของพระเจดีย์กลางน้ำ ยังเป็นที่ตั้งของ ‘หอชมเมือง’ (หอชมวิวเฉลิมพระเกียรติ) ซึ่งจัดสร้างโดย IRPC เป็นจุดที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเดินขึ้นไปชมทิวทัศน์ของปากแม่น้ำระยอง อ่าวไทย และพื้นที่บางส่วนของเมืองในมุม 360 องศา อย่างเต็มสายตา
ป่าชายเลนพระเจดีย์กลางน้ำเปิดให้เข้าชมทุกวัน 6.00 น. – 18.30 น. ไม่มีค่าเข้าชม หากขอความร่วมมือให้ผู้มาเยือนเคารพสถานที่และรักษาความสะอาดขณะเยี่ยมเยือน
“พื้นเพของครอบครัวผมเป็นนักการเมืองและนักธุรกิจ คุณตาของผม สันติ์ เทพมณี เป็นอดีตรัฐมนตรี สส. และ สว. ของจังหวัดลำพูน พ่อของคุณตา - สุข เทพมณี ก็เป็นอดีตนายกเทศมนตรีเมืองลำพูน (พ.ศ.…
“ตอนเด็ก ๆ เราแทบไม่ได้ผูกพันกับลำพูน บ้านเกิดเลยนะ เราถูกส่งไปเรียนที่เชียงใหม่ เรียนมหาวิทยาลัยที่ขอนแก่น จบมาก็ไปทำงานกรุงเทพฯ อยู่หลายปี ระหว่างนั้นก็กลับมาเยี่ยมแม่บ้าง ไป ๆ มา ๆ ก็เริ่มรู้สึกเป็นห่วงเขา สุดท้ายเลยตัดสินใจย้ายกลับมาทำงานในนิคมอุตสาหกรรมที่ลำพูนถึงพ่อแม่เราจะรับราชการครู…
ความสําเร็จของเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาดบนฐานงานวิจัยและนวัตกรรม บพท. คุณสมศักดิ์ ลามอ รองนายกเทศมนตรีเทศบาลนครปากเกร็ด (ดำรงตำแหน่ง มีนาคม 2567 - มีนาคม 2568) มุ่งยกระดับการบริการประชาชนด้วยนวัตกรรมและยุทธศาสตร์ทันสมัย เทศบาลนครปากเกร็ด ซึ่งเป็นเทศบาลขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่ติดต่อกับกรุงเทพมหานคร มีประชากรในความดูแลกว่า 400,000…
ก้าวสู่ความสําเร็จของเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาดบนฐานงานวิจัยและนวัตกรรม บพท. | ดร.นิมิตร จิวะสันติการ นายกเทศมนตรีนครลำปาง (ดำรงตำแหน่ง มีนาคม 2564- มีนาคม 2568) “เทศบาลนครลำปางในปี 2567-2568 เราได้ร่วมงานกับ บพท. ในการทำงานร่วมกันเพื่อช่วยบริหารจัดการเมืองของเราให้เดินหน้าสู่การเป็นเมืองน่าอยู่ ซึ่งก็ตรงกับแนวทางที่เรากำลังทำกันอยู่ที่ ด้วยเป้าหมายสิ่งที่เราปรารถนาที่สุดคือ จะทำให้เมืองของเราเป็นเมืองที่สมบูรณ์แบบ…
พลังคน พลังโคมลำพูน: เมืองเล็ก ๆ ที่เปี่ยมไปด้วยพลังสร้างสรรค์ แม้ ดร.สุดารัตน์ อุทธารัตน์ เป็นคนเชียงใหม่ เธอก็หาใช่เป็นคนอื่นคนไกลสำหรับชาวลำพูนเพราะก่อนจะเข้ามาขับเคลื่อนงานวิจัยเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาดกับเทศบาลเมืองลำพูน เธอได้ทำวิจัยเกี่ยวกับเมืองแห่งนี้มาหลายครั้ง โดยเฉพาะโครงการขับเคลื่อนเยาวชนเพื่อเตรียมพร้อมสู่การเป็นพลเมืองของเมืองแห่งการเรียนรู้ของ UNESCO ในปี 2566-2567 - นั่นล่ะ…
“เป็นสิ่งวิเศษที่สุด ที่ผ้าไหมของจังหวัดลำพูนได้ปรากฏต่อสายตาผู้คนทั้งในและต่างประเทศ ทั้งเมื่อครั้งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงให้การส่งเสริม และทรงฉลองพระองค์ด้วยผ้าไหมยกดอกลำพูนในพระราชพิธีสำคัญต่าง ๆ และกระทั่งในปัจจุบัน สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 10 ก็ทรงส่งเสริมผ้าไหมไทย และฉลองพระองค์ด้วยผ้าไหมยกดอกลำพูนในพระราชพิธีสำคัญเช่นกัน ดิฉันเป็นคนลำพูน มีความภูมิใจในงานหัตถศิลป์การทอผ้าไหมยกดอกนี้มาก ๆ และตั้งใจจะรักษามรดกทางวัฒนธรรม ทำหน้าที่ส่งต่อถึงคนรุ่นต่อไป…