ผมคิดว่าถ้ามีคนรุ่นใหม่กลับมาเชื่อมโยงกับคนรุ่นก่อนเพื่อช่วยกันออกแบบวิธีการ มาช่วยกันสร้างธุรกิจใหม่ๆ หรือหาแนวทางการจัดการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน ชุมชนเราก็อาจจะดีกว่านี้

“ผมเกิดและโตที่ชุมชนท่ามะโอ จังหวัดลำปาง ช่วงเรียนมอหนึ่ง ป้าต้อย (สดศรี ขัตติยวงศ์) เริ่มก่อตั้งกลุ่มท่องเที่ยวโดยชุมชน ซึ่งผมมีโอกาสเป็นอาสาสมัครมัคคุเทศก์ท้องถิ่น จากที่ผูกพันกับชุมชนอยู่แล้ว พอได้ร่วมกิจกรรม ได้เข้าอบรม และได้นำนักท่องเที่ยวชมย่านก็รู้สึกสนุกดี แต่ตอนนั้นผมคิดว่าเป็นแค่การใช้เวลาว่างแบบหนึ่ง ไม่ได้คิดอะไรจริงจัง

ผมเรียนด้านสิ่งแวดล้อม เรียนเกี่ยวกับการประเมินเทคโนโลยีที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อย่างพลังงานแสงอาทิตย์ หรือรถไฟฟ้าทำนองนั้น แต่จุดเปลี่ยนจริงๆ คือช่วงจบปริญญาตรี ผมมีโอกาสไปฝึกงานที่สถาบันรามจิตติ ซึ่งทำงานด้านเด็กและเยาวชนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ช่วงนั้นผมมีโอกาสได้ฝึกทำสารคดี งานเขียนบท ถ่ายทำวิดีโอ และตัดต่อ ไปอยู่ที่นั่นหนึ่งปี ก็ได้ทักษะเหล่านี้กลับมา จากนั้นก็เรียนต่อปริญญาโทที่มหิดล โดยระหว่างที่ผมกลับมาอยู่บ้านเพื่อทำเรื่องจบ พี่นักข่าวที่ไทยพีบีเอสซึ่งรู้จักกันสมัยที่ผมฝึกงานที่สถาบันรามจิตติ ชวนให้ผมทำสกู๊ปข่าวเกี่ยวกับชุมชนท่ามะโอ ความที่ผมคุ้นเคยกับทรัพยากรทางวัฒนธรรมของย่านดีมาตั้งแต่เด็ก ก็เลยรับงานนี้มาทำ ไปๆ มาๆ พี่เขาก็ชวนทำข่าวต่อเรื่อยๆ กลายเป็นว่าทุกวันนี้ไม่ได้ทำงานที่เรียนมาเลย กลายมาเป็นคนทำสื่อให้บ้านเกิดตัวเองเต็มตัว (ยิ้ม)

ก่อนที่ผมจะกลับมาลำปางครั้งที่สองนี้ ผมมีโอกาสไปทัศนศึกษาด้านสิ่งแวดล้อมที่ประเทศจีนอยู่พักหนึ่ง ไปทั้งซีอาน ปักกิ่ง และเฉินหยาง ไปดูบ้านเมืองเขา และได้เห็นเมืองเก่าหลายแห่งที่เขายังคงเก็บสถาปัตยกรรมหรือพื้นที่ที่เป็นมรดกของเมืองไว้ได้ดี ขณะที่หมู่บ้านบางแห่งที่ถูกปัจจัยบางอย่างทำให้ต้องถูกรื้อทำลาย ทางการเขายังสร้างขึ้นมาใหม่ด้วยรูปแบบดั้งเดิมได้ ตรงนี้แหละที่จุดประกายแก่ผมมากทีเดียว คือของเก่าที่เมืองจีนเขามีอายุเป็นพันๆ ปี เขายังรักษาได้ ทำไมวัดในลำปางที่มีอายุสองร้อยกว่าปี หรือหมู่บ้านเราที่มีประวัติมาร้อยปี สั้นกว่าเขาเยอะ การอนุรักษ์สิ่งเหล่านี้ไปพร้อมกับทำให้เมืองยังเติบโตต่อไปพร้อมกับยุคสมัยทำไมจึงเป็นไปไม่ได้

แล้วจะทำอย่างไร สิ่งหนึ่งที่ผมคิดและทำได้ทันทีก็คือการเผยแพร่ของดีของบ้านเกิดตัวเองสู่สาธารณะให้มากที่สุด เราหาแง่มุมที่น่าสนใจของเมืองเราเพื่อบอกเล่าผ่านสื่อที่เราทำ ประชาสัมพันธ์ออกไปเพื่อช่วยดึงดูดผู้มาเยือน ดึงดูดโอกาสใหม่ๆ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ชุมชน โดยมุมมองแบบนี้ ผมไม่ได้คิดเองคนเดียว เพราะภายหลังผมกลับบ้านมาทำสื่ออยู่เพียงลำพังพักหนึ่ง เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ รุ่นราวคราวเดียวกับผมก็ทยอยกลับมาอยู่บ้าน บางคนทำธุรกิจส่วนตัว บางคนเป็นบล็อคเกอร์ บางคนเป็นฟรีแลนซ์ พวกเขาก็มาช่วยผมทำงานสื่อต่างๆ ซึ่งทำให้ผมไม่รู้สึกโดดเดี่ยวอีกต่อไป

ช่วงที่ผมกลับมา ทางชุมชนสามารถดีลกับทางจังหวัดและองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ในการบูรณะและเปิดบ้านหลุยส์เป็นแหล่งท่องเที่ยวของเมืองได้พอดี ผมจึงมีโอกาสได้ใช้ทักษะการทำสื่อทำนิทรรศการภายในบ้าน จากนั้นก็มีโครงการเมืองแห่งการเรียนรู้ของอาจารย์ขวัญ (ดร.ขวัญนภา สุขคร ผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยสวนดุสิต ศูนย์การศึกษานอกที่ตั้งลำปาง) ซึ่งผมได้รับมอบหมายให้ทำ AR Guidebooks นำชมภายในบ้านเก่าที่เป็นมรดกของย่านซึ่งก็เป็นอีกแนวทางการนำเสนอชุมชนภายใต้เงื่อนไขจากโควิด-19 และล่าสุดก็ได้รับทุนจากกองทุนสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ได้ทำวิดีโอสารคดีเชิงลึกเกี่ยวกับวิถีคนขับรถม้าในจังหวัดลำปาง พร้อมไปกับได้ทำโครงการเชิงมีเดียแล็บของ Spark U Lanna ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ผมนำทรัพยากรมาจากชุมชนท่ามะโอ รวมถึงพื้นที่อื่นๆ ในลำปางมาหมดเลยนะ สิ่งนี้ยิ่งสะท้อนให้เห็นว่าแม้ลำปางจะเป็นเมืองเล็กๆ แต่ก็ยังมีแง่มุมให้เล่าอีกมากมายไม่รู้จบ

ถ้าถามว่าอยากเห็นอะไร ผมอยากเห็นคนรุ่นใหม่กลับมาช่วยกันพัฒนาเมืองครับ คือเข้าใจแหละว่าที่คนส่วนใหญ่ไม่กลับมา เพราะที่นี่ไม่มีงานอะไรให้ทำนัก คือถ้าคุณไม่รับราชการ คุณก็อาจไปทำงานการไฟฟ้าที่แม่เมาะซึ่งเป็นงานที่มั่นคง แต่คนทำงานสื่ออย่างพวกผมเนี่ยไม่มีงานประจำให้ทำโดยสิ้นเชิงเลย แต่นั่นล่ะ โลกสมัยนี้เทคโนโลยีมันไปไกลจนทำให้เราไม่ต้องเอาตัวเองไปอยู่เมืองใหญ่ๆ อย่างเดียวแล้ว เราก็ต้องหาแนวทางกันต่อว่าจะทำอย่างไรที่จะดึงดูดคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพกลับมาบ้านเกิด ทำอย่างไรให้เมืองมีพื้นที่ทางเศรษฐกิจรองรับคนรุ่นใหม่

แล้วทำไมต้องอยากให้คนรุ่นใหม่กลับมาใช่ไหมครับ? ผมคิดว่านี่เป็นโจทย์เดียวกับชุมชนท่ามะโอบ้านเกิดของผมเผชิญอยู่ตอนนี้ คือชุมชนผมเนี่ยได้รับรางวัลทั้งจากการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมจากหน่วยงานต่างๆ มากมายนับไม่ถ้วน คือเราได้รับแต่โล่กับใบประกาศ แต่คนในชุมชนก็หาได้มีรายได้เข้ามาเท่ากับรางวัลที่ได้รับเลย

เราจะทำยังไงให้ชุมชนมีความยั่งยืนทางเศรษฐกิจให้สมกับที่ได้รับรางวัล นี่แหละที่ผมคิดว่าถ้ามีคนรุ่นใหม่กลับมาเชื่อมโยงกับคนรุ่นก่อนเพื่อช่วยกันออกแบบวิธีการ มาช่วยกันสร้างธุรกิจใหม่ๆ หรือหาแนวทางการจัดการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน ชุมชนเราก็อาจจะดีกว่านี้ หรือในอีกทาง แทนที่หน่วยงานรัฐจะหาวิธีกระตุ้นการท่องเที่ยวด้วยการมอบรางวัลแบบเดิม อาจจะมีการกำหนดยุทธศาสตร์หรือนโยบายสักอย่างที่ดึงดูดให้คนรุ่นใหม่กลับมาทำงานที่บ้าน เพื่อช่วยขับเคลื่อนและพัฒนาบ้านเกิด ผมว่าถ้าเป็นเช่นนั้น สิ่งนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นได้ดีกว่าการประกาศรางวัลอีกครับ”

สรวิชญ์ หงษ์พาเวียน

นักทำสื่อสร้างสรรค์ และตัวแทนคนรุ่นใหม่จากชุมชนท่ามะโอ

กองบรรณาธิการ

Recent Posts

[THE RESEARCHER]<br />ดร.สุดารัตน์ อุทธารัตน์<br />หัวหน้าโครงการวิจัยเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด เทศบาลเมืองลำพูน<br />นักวิจัยจากสถาบันวิจัยพหุศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

พลังคน พลังโคมลำพูน: เมืองเล็ก ๆ ที่เปี่ยมไปด้วยพลังสร้างสรรค์ แม้ ดร.สุดารัตน์ อุทธารัตน์ เป็นคนเชียงใหม่ เธอก็หาใช่เป็นคนอื่นคนไกลสำหรับชาวลำพูนเพราะก่อนจะเข้ามาขับเคลื่อนงานวิจัยเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาดกับเทศบาลเมืองลำพูน เธอได้ทำวิจัยเกี่ยวกับเมืองแห่งนี้มาหลายครั้ง โดยเฉพาะโครงการขับเคลื่อนเยาวชนเพื่อเตรียมพร้อมสู่การเป็นพลเมืองของเมืองแห่งการเรียนรู้ของ UNESCO ในปี 2566-2567 - นั่นล่ะ…

1 week ago

[THE CITIZENS]<br />ปริยาพร วีระศิริ<br />เจ้าของแบรนด์ผ้าไหม “อภิรมย์ลำพูน”

“เป็นสิ่งวิเศษที่สุด ที่ผ้าไหมของจังหวัดลำพูนได้ปรากฏต่อสายตาผู้คนทั้งในและต่างประเทศ ทั้งเมื่อครั้งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงให้การส่งเสริม และทรงฉลองพระองค์ด้วยผ้าไหมยกดอกลำพูนในพระราชพิธีสำคัญต่าง ๆ และกระทั่งในปัจจุบัน สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 10 ก็ทรงส่งเสริมผ้าไหมไทย และฉลองพระองค์ด้วยผ้าไหมยกดอกลำพูนในพระราชพิธีสำคัญเช่นกัน ดิฉันเป็นคนลำพูน มีความภูมิใจในงานหัตถศิลป์การทอผ้าไหมยกดอกนี้มาก ๆ   และตั้งใจจะรักษามรดกทางวัฒนธรรม   ทำหน้าที่ส่งต่อถึงคนรุ่นต่อไป…

2 weeks ago

[THE CITIZENS]<br />ไชยยง รัตนอังกูร<br />ผู้ก่อตั้ง ลำพูน ซิตี้ แลป

“ความที่โตมาในลำพูน เราตระหนักดีว่าเมืองเรามีต้นทุนทางวัฒนธรรมที่สูงมาก ทั้งยังมีบรรยากาศที่น่าอยู่ อย่างไรก็ดี อาจเพราะเป็นเมืองขนาดเล็ก ลำพูนมักถูกมองข้ามจากแผนการพัฒนาของประเทศ เป็นเหมือนเมืองที่มีศักยภาพ แต่ยังไม่ถูกปลุกให้ตื่นความที่เราเคยทำงานที่ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (ปัจจุบันคือสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA - ผู้เรียบเรียง) ได้เห็นตัวอย่างความสำเร็จของกระบวนการพัฒนาย่านด้วยกรอบพื้นที่สร้างสรรค์ในหลายพื้นที่…

2 weeks ago

[THE CITIZENS]<br />ธีรธรรม เตชฤทธ์<br />ประธานสภาเด็กและเยาวชนจังหวัดลำพูน

“ผมเป็นคนลำพูน และชอบทำกิจกรรมนอกห้องเรียนมาตั้งแต่เด็ก ปัจจุบันเป็นประธานสภาเด็กและเยาวชนจังหวัดลำพูน ควบคู่ไปกับกำลังศึกษาคณะรัฐศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่จากประสบการณ์การทำงานในสภาฯ ทำให้ผมเห็นว่า เยาวชนลำพูนมีศักยภาพที่หลากหลาย แต่สิ่งที่ขาดไปคือเวทีที่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้แสดงความสามารถและพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากการสนับสนุนจากโรงเรียนหรือโครงการของภาคเอกชน ปี 2567 พี่อร (ดร.สุดารัตน์ อุทธารัตน์…

2 weeks ago

[THE CITIZENS]<br />ชนัญชิดา บุณฑริกบุตร<br />ผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์ชุมชนเมืองลำพูน

“อาคารหลังนี้แต่ก่อนเป็นที่ประทับของเจ้าราชสัมพันธวงษ์ลำพูน (พุทธวงษ์ ณ เชียงใหม่) น้องเขยของเจ้าจักรคำขจรศักดิ์ เจ้าหลวงองค์สุดท้ายของลำพูน อาคารถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 2455 หลังจากนั้นก็ถูกขายให้พ่อค้าชาวจีนไปทำเป็นโรงเรียนหวุ่นเจิ้ง สอนภาษาจีนและคณิตศาสตร์ โรงเรียนนี้เปิดได้ไม่นานก็ต้องปิด เพราะสมัยนั้นรัฐบาลเพ่งเล็งว่าอะไรที่เป็นของจีนจะเกี่ยวข้องกับลัทธิคอมมิวนิสต์ แต่หนูก็ไม่รู้หรอกว่าโรงเรียนนี้เกี่ยวข้องหรือเปล่า (ยิ้ม)  จากนั้นอาคารก็ถูกเปลี่ยนมาเป็นโรงเรียนมงคลวิทยาในปี…

2 weeks ago

[THE CITIZENS]<br />นงเยาว์ ชัยพรหม<br />คนทำโคมจากชุมชนชัยมงคล

“เราโตมากับวัฒนธรรมของคนลำพูน ชอบไปเดินงานปอย ร่วมงานบุญ ก่อนหน้านี้ก็เคยทำงานรับจ้างทั่วไป จนเทศบาลฯ มาส่งเสริมเรื่องการทำโคม โดยมีสล่าจากชุมชนศรีบุญเรืองมาสอน เราก็ไปเรียนกับเขา ตอนนี้อาชีพหลักคือการทำโคม ทำมาได้ 2 ปีแล้ว  สำหรับเรา โคมคืองานศิลปะ เป็นสัญลักษณ์และมรดกที่ยึดโยงกับวัฒนธรรมของคนบ้านเรา ตอนแรกเราไม่มีความคิดเลยว่ามันจะกลายมาเป็นอาชีพได้…

2 weeks ago