ผมเป็นคนพ่ายแพ้กับการศึกษาในระบบ เรียนไม่เก่ง เป็นเด็กหลังห้อง แต่อาศัยว่าตัวเองชอบทำกิจกรรมจึงจบออกมาได้ โดยเริ่มจากทำงานค่ายอาสาสมัยเรียนมัธยม พอเข้ามหาวิทยาลัยก็ไม่ค่อยได้ไปเรียน แต่ทำกิจกรรมกับชมรม พร้อมกับรับงานพิเศษที่ดูแลเรื่องการศึกษานอกห้องเรียนเรื่อยมา
เริ่มจากเป็นเจ้าหน้าที่ที่ทำงานด้านภูมิปัญญาท้องถิ่นกับเยาวชนของ สสส. ตามมาด้วยงานออกแบบกระบวนการสอนเด็กๆ ในสถานพินิจ ซึ่งเป็นโครงการของ กสศ. (กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา) รวมถึงงานภาคประชาสังคมกับกลุ่มรักษ์เขาชะเมา ซึ่งงานหลังผมมีโอกาสได้ทำมาตั้งแต่สมัยมัธยม ด้วยประสบการณ์แบบนี้ ทำให้ผมเชื่อว่า ควบคู่ไปกับการจัดการเรียนการสอนในระบบ การศึกษานอกระบบก็เป็นสิ่งสำคัญในการสร้างพลวัตรขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่นั้นๆ
ความที่เป็นคนปากน้ำประแสบ้านเดียวกับยีนส์ (ภูมิสันต์ เลิศรัตนนันท์) ซึ่งเป็นนักวิจัยประจำบริษัท ระยองพัฒนาเมือง จำกัด และคุ้นเคยกับยีนส์ตั้งแต่ทำงานในกลุ่มรักษ์เขาชะเมามาด้วยกัน ยีนส์จึงชวนผมมาเป็นนักวิจัยให้บริษัท ซึ่งทางบริษัทก็มีความคิดเรื่องการพัฒนาเมืองระยองไปพร้อมกับการศึกษาเหมือนกัน ผมจึงยินดีที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อน
ในโครงการเมืองแห่งการเรียนรู้ระยอง (ชื่อเต็ม: การพัฒนาพื้นที่การเรียนรู้บนฐานประเด็นทางสังคมและสิ่งแวดล้อมในเขตเทศบาลนครระยอง, พ.ศ. 2564-2565) ซึ่งบริษัท ระยองพัฒนาเมือง จำกัด เป็นผู้รับผิดชอบ ผมได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบโครงการย่อยที่ 2 คือการสร้างพื้นที่การเรียนรู้และกลไกบริหารจัดการพื้นที่บนฐานประเด็นสิ่งแวดล้อม
โดยโครงการย่อยนี้เราเน้นการพัฒนาพื้นที่กรเรียนรู้ด้านสิ่งแวดล้อมในเมืองระยอง ผมจะเข้าไปสำรวจพื้นที่ที่มีศักยภาพการเรียนรู้ในเขตเทศบาลนครระยอง และสร้างกระบวนการการมีส่วนร่วมให้ผู้คนที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับพื้นที่นั้นๆ มาเป็นผู้ถ่ายทอดและสื่อสารความรู้ออกสู่สาธารณะ พร้อมทั้งชวนเยาวชนและบุคคลที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมในพื้นที่ต่างๆ
หนึ่งในกิจกรรมที่เราทำคือการใช้เครื่องมือ ‘นักสืบสายลม’ ชวนเยาวชนระยองให้มาเรียนรู้พื้นที่ป่าโกงกาง พร้อมกับการสำรวจไลเคน ซึ่งเป็นพืชที่เป็นตัวชี้วัดคุณภาพอากาศ ให้พวกเขาได้รวบรวมและบันทึกข้อมูลของไลเคนตามพื้นที่ต่างๆ เพื่อค้นหาความแตกต่างของคุณภาพอากาศในป่าโกงกางและตามที่ต่างๆ ในเมืองระยอง
หรืออย่างกิจกรรมล่าสุดที่เราทำในพื้นที่แหลมรุ่งเรือง เป็นโครงการ ‘นักสืบชายหาด’ ก็คล้ายกัน เป็นการชวนเยาวชนไปเรียนรู้ในพื้นที่แหลมรุ่งเรือง บริเวณปากแม่น้ำระยอง ไปเรียนรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ร่วมกับผู้คนในชุมชน เป็นต้น
ผมคิดว่าด้วยสถานะของเมืองระยองที่มีความเหลื่อมซ้อนระหว่างแหล่งอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ วิถีชาวประมง ชาวสวน ไปจนถึงพื้นที่ธรรมชาติที่หลากหลาย ระยองจึงมีพื้นที่ที่สามารถพัฒนาเป็นแหล่งเรียนรู้มากมายเต็มไปหมด บ่อยครั้งที่ผมเข้าไปคุยกับผู้คนในพื้นที่ เพื่อสร้างความร่วมมือในการออกแบบกระบวนการเรียนรู้ มักจะพบคำถามว่าสิ่งที่เขาทำอยู่ คนอื่นจะไปเรียนรู้ไปทำไม หรือเขาจะได้อะไรจากสิ่งนี้ ผมก็ตอบเขาว่า การเรียนรู้มันไม่ใช่แค่จากหนังสือหรือตำรา แต่วิถีชีวิตที่พวกเขาเป็นอยู่นี่แหละ คือองค์ความรู้ที่มีคุณค่า และการเปิดให้คนอื่นมาเรียนรู้ ไม่เพียงจะเป็นประโยชน์ต่อคนอื่น แต่ยังเปิดโอกาสต่อการพัฒนาอาชีพหรือวิถีที่คุณเป็นอยู่
อย่างไรก็ดี ก็มีหลายชุมชนที่ชาวบ้านตระหนักถึงคุณค่าในสิ่งที่เขาทำอยู่แล้ว และพร้อมที่จะถ่ายทอดความรู้ด้วย เพียงแต่พวกเขาไม่รู้วิธีจะสื่อสารออกมา พวกผมก็พร้อมจะร่วมทำงานกับเขาเพื่อหาวิธีสร้างสื่อเพื่อถ่ายทอดให้คนอื่นๆ ต่อไป ผมเป็นคนบ้านปากน้ำประแส เกิดมาก็เห็นถึงความรุ่งเรืองของการทำประมงเชิงพาณิชย์ หมู่บ้านผมแต่เดิมเศรษฐกิจเฟื่องฟูมากๆ จนวันหนึ่งด้วยกฎหมายและเงื่อนไขบางอย่าง ทำให้ประมงแบบเดิมไม่สามารถไปต่อได้ เศรษฐกิจพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ และแม้หมู่บ้านจะมีการปรับเปลี่ยนทิศทางมารองรับการท่องเที่ยว แต่ก็มีผู้ประกอบการหลายคนไม่สามารถปรับตัวหรือไปต่อได้จนต้องล้มละลายมานักต่อนัก
ตรงนี้แหละที่ผมเห็นว่าเป็น pain point สำคัญที่ยังคงปรากฏอยู่ในอีกหลายๆ ชุมชนทั่วประเทศ เพราะถ้าคุณรู้จักตัวเองดี รู้จักสังคมที่คุณอยู่ และความเป็นไปของโลก การเรียนรู้นี้จะทำให้คุณมีความยืดหยุ่นและพร้อมที่จะปรับตัว ผมจึงมองว่านี่เป็นหัวใจสำคัญต่อการดำรงชีวิตอยู่ท่ามกลางความผันผวนของหลายสิ่งหลายอย่างในโลกปัจจุบัน”
จักรินทร์ ศิริมงคล
นักวิจัยบริษัท ระยองพัฒนาเมือง จำกัด
“หอโหวดเป็นเพียงจุดเริ่มต้น แต่หลังจากนี้คือกลไกที่เทศบาลต้องทำงานร่วมกับภาคประชาชนและนักวิชาการ ในการกำหนดทิศทางเมืองให้ร้อยเอ็ดพร้อมรับการท่องเที่ยว และทำให้เมืองมีความน่าอยู่ สำหรับผู้คนในเมืองพร้อมกันไปด้วย” “เราเกิดที่ร้อยเอ็ด เรียนมัธยมที่นี่ ก่อนไปเรียนระดับมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ ก่อนหน้านี้ สักเกือบ 10 ปีที่แล้ว เราไม่เคยมีความคิดจะกลับมาทำงานที่บ้านเกิดเลยนะ เพราะไม่เห็นโอกาสอะไรในชีวิตในภาพจำเดิมของเรา ร้อยเอ็ดเป็นเมืองผ่าน ไม่มีสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อ ไม่มีแหล่งธรรมชาติสวยๆ…
ชวนอ่าน เบื้องหลังแนวคิดการขับเคลื่อนงานพัฒนาเมืองด้วยงานวิจัย องค์ความรู้ และนวัตกรรม ความร่วมมือ และบูรณการระหว่าง บพท. และสมาคมเทศบาลนครและเมือง ก่อเกิดโครงการ "โปรแกรมบ่มเพาะและเร่งรัดกระบวนการเพื่อมุ่งสู่เมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด (CIAP) ดำเนินการระหว่างปีพ.ศ. 2567-2568 กับผู้นำเมือง และเทศบาล…
WeCitizens : ร้อยเอ็ดเมืองน่าอยู่อย่างชาญฉลาด (ฉบับที่ 1) เปิดความคิด ความหวัง และโอกาสของการพัฒนาเมืองร้อยเอ็ดที่รัก นำโดยนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด คุณบรรจง โฆษิตจิรนันท์ คณะทำงานเจ้าหน้าที่เทศบาล และหัวหน้าโครงการวิจัยร้อยเอ็ดเมืองน่าอยู่อย่างชาญฉลาด ผศ. ดร.ชัญญรินทร์…
ร้อยเอ็ดอยู่ห่างจาก ‘สะดืออีสาน’ พื้นที่ที่ถูกปักหมุดให้เป็นจุดศูนย์กลางของภาคอีสานในอำเภอโกสุมพิสัย มหาสารคาม เพียง 60 กิโลเมตร ในตำนานอุรังคธาตุ (ตำนานพระธาตุพนม) กล่าวว่า ‘สาเกตนครร้อยเอ็ดประตู’ (ชื่อเดิม) เมืองนี้ มีประตูเท่าจำนวนเมืองขึ้น ‘ร้อยเอ็ดเมือง’ สะท้อนให้เห็นความรุ่งเรืองจากการเป็นศูนย์กลางอำนาจและการคมนาคมของภูมิภาคมาตั้งแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ 21อีกทั้ง ส่วนหนึ่งของพื้นที่ยังเป็นที่ตั้งของทุ่งกุลาร้องไห้ ที่ราบขนาดใหญ่กว่า 2 ล้านไร่ ทำให้ในเวลาต่อมา ร้อยเอ็ดจึงเป็นอู่ข้าวที่ผลิตข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาที่ใหญ่ และมีผลิตผลที่ดีที่สุดในโลก แม้มีภูมิหลังที่รุ่งเรือง กระนั้น ตลอดหลายทศวรรษหลัง…
สนทนากับ ผศ.ดร.ชัญญรินทร์ สมพรหัวหน้าโครงการวิจัยเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด ‘ร้อยเอ็ด’, สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด “พื้นที่นี้จะเป็นเหมือนตัวกลางในการสร้างความพร้อมให้คนร้อยเอ็ดสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในอนาคต” ผศ. ดร.ชัญญรินทร์ สมพร รองผู้อํานวยการสํานักส่งเสริมวิชาการและจัดการเรียนรู้ตลอดชีวิต มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด และหัวหน้าโครงการวิจัย "โครงการเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด ร้อยเอ็ดคนดี เชื่อมโยงโครงข่ายเศรษฐกิจ ด้วยการเดินบนความปลอดภัยและทันสมัย…
"เราให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงเศรษฐกิจให้ร้อยเอ็ดเป็นทางเลือกใหม่ของตลาด MICE ที่ราคาย่อมเยา เดินทางสะดวก และมีอัตลักษณ์" เริ่มจากความคับข้องใจที่เห็นบ้านเกิดของตัวเอง (ร้อยเอ็ด) เป็นเมืองผ่านที่มักถูกมองข้าม เมื่อ บรรจง โฆษิตจิรนันท์ เข้ารับตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองร้อยเอ็ด เมื่อปี 2538 เขาจึงเริ่มโครงการพัฒนาเมือง ไปพร้อมกับการดึงเสน่ห์จากศิลปวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ ดึงดูดให้ผู้คนมาเที่ยว…