“กระทั่งเรียนถึง ม.6 ผมก็ยังไม่แน่ใจว่าจะเรียนต่อมหาวิทยาลัยคณะอะไร ใจหนึ่งก็อยากเรียนด้านการศึกษา แต่ก็ไม่ได้อยากเรียนเพื่อเป็นครูแบบในระบบที่เราโตมา จนมาเจอว่าที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เขามีคณะวิทยาการเรียนรู้และศึกษาศาสตร์ ซึ่งหลักสูตรเขาไม่ได้เน้นสร้างครู แต่เป็นการสร้างคนที่มาออกแบบกระบวนการการเรียนรู้เชื่อมไปกับบริบทสังคมและชุมชน ผมเลยตัดสินใจยื่นคะแนนเข้าสาขานี้
ผมเกิดกรุงเทพฯ และอยู่ที่นั่นมาทั้งชีวิต จนได้เรียนที่คณะนี้ในวิชา community engagement ที่เขาจะให้นักศึกษาเลือกลงไปใช้ชีวิตกับชุมชนเป็นเดือนๆ เพื่อถอดองค์ความรู้จากชุมชนนั้น โดยผมเลือกลงชุมชนชาวไทยทรงดำที่จังหวัดราชบุรี ซึ่งนั่นเป็นครั้งแรกที่ผมไปใช้ชีวิตอยู่ต่างจังหวัดนานๆ และก็เพราะได้เรียนคณะนี้และวิชานี้ จึงทำให้ตระหนักว่าการเรียนรู้ มันไม่ได้จำกัดอยู่แค่การศึกษาในระบบ ในทุกชุมชนและสังคมต่างก็มีองค์ความรู้เฉพาะของตัวเอง ซึ่งล้วนสามารถต่อยอดไปใช้ในเชิงวิชาชีพ หรือการพัฒนาสังคมได้เหมือนกัน
ตั้งแต่นั้นผมจึงพบความสนุกกับการเป็นกระบวนกร หรือ facilitator หรือคนที่เข้าไปศึกษาและถอดบทเรียนจากพื้นที่หนึ่งๆ หรือชุมชนหนึ่ง และออกแบบกระบวนการการเรียนรู้ให้ผู้ที่สนใจเข้ามาในพื้นที่นั้น กระบวนกรไม่ใช่คุณครูหรืออาจารย์ เพราะเราไม่ได้มาสอนใคร ตรงที่สุดคือผู้อำนวยความสะดวกให้กับคนอื่นๆ ได้เรียนรู้จากพื้นที่ ชุมชน หรือกลุ่มบุคคลที่เราเข้าไปจัดการ
และเพราะสนใจในงานนี้ ช่วงเรียนปี 4 ผมจึงเข้าไปฝึกงานกับเพจ Inskru-พื้นที่แบ่งปันไอเดียการสอน (www.facebook.com/InskruThailand) และทำให้มีโอกาสได้พบกับพี่ปอนด์ (ชนสรณ์ เฉียบเอี่ยมเชาน์) ซึ่งตอนนั้นพี่ปอนด์ทำกลุ่มที่ชื่อ Dot to Dot และกำลังมีโปรเจกต์ร่วมกันกับเพจ Inskru เราคุยกันถูกคอ เพราะมีมุมมองเรื่องการศึกษาคล้ายๆ กัน ประกอบกับพอมาปี 2564 ผมเรียนจบ พี่ปอนด์ก็ร่วมงานกับ บริษัท ระยองพัฒนาเมือง จำกัด และได้ทุนจาก บพท. มาเปิด Converstation บนถนนยมจินดาพอดี แกก็เลยชวนผมย้ายมาระยองเพื่อทำงานด้วยกัน
Converstation เป็นพื้นที่ที่ไม่มีความตายตัว โดยกายภาพเราอาจมองว่าเป็นคาเฟ่ ห้องสมุด หรือโคเวิร์คกิ้งสเปซ แต่จริงๆ มันรองรับทุกกิจกรรมที่เชื่อมโยงกับการเรียนรู้ได้หมด ทั้งพื้นที่เล่นบอร์ดเกม ฉายภาพยนตร์ แสดงดนตรี ทำพอดแคสท์ รวมถึงกิจกรรมที่ช่วยพัฒนาทักษะใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับยุคสมัย โดยมีผม พี่ปอนด์ และทีมงานที่เป็นกระบวนกรช่วยถอดบทเรียนจากกิจกรรมนั้นๆ
โจทย์ของเราคือการสร้างพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่มาใช้เวลาว่างร่วมกัน เป็นพื้นที่กลางของคนระยอง ไม่ใช่ว่าคุณจะใช้เวลาว่างหมดไปกับการเดินห้างสรรพสินค้าอย่างเดียว คุณมาที่นี่ จะพบว่ามีกิจกรรมหลากหลายที่ตอบโจทย์กับความสนใจคุณได้ ที่สำคัญยังได้เจอเพื่อนใหม่ๆ ที่นำไปสู่การต่อยอดสู่กิจกรรมอื่นๆ เพิ่มเติมอีกด้วย เบื้องต้นคนที่มาใช้พื้นที่เราเป็นนักเรียนมัธยมปลายที่เรียนในระยองเป็นหลักครับ เนื่องจากพี่ปอนด์เขาทำค่ายพัฒนาตนเองที่ชื่อ The Connector ซึ่งทำร่วมกับนักเรียนกลุ่มนี้อยู่ก่อนแล้ว ทำไปทำมามันมีโปรเจกต์ใหม่ๆ ที่ริเริ่มโดยกลุ่มนักเรียนเองเสนอกลับมาให้เราปิงปองไปเรื่อยๆ ก็ประจวบพอดีกับที่เราตั้ง Converstation เลยใช้ที่นี่เป็นฐานปฏิบัติการ
นักเรียนหลายคนที่ร่วมกิจกรรมตั้งแต่แรก พอเรียนจบกลับบ้านมา เขาก็ขอใช้พื้นที่นี้ของเราจัดมินิคอนเสิร์ตบ้าง ทำวงเสวนาเชิงสังคม ไปจนถึงชวนกันคิดการใหญ่อย่างการทำอีเวนท์ให้ย่านยมจินดา อย่างงาน ‘ยมจินเดย์’ ที่เป็นการทำตลาดนัดเวิร์คช็อปและกิจกรรม แทนที่จะทำถนนคนเดินแบบที่คุ้นเคยกัน ก็เริ่มต้นจากที่นี่ และก็เป็นเรื่องน่ายินดีที่เราได้รับทุนสนับสนุนต่อในการจัดเทศกาลยมจินเดย์ประจำทุกเดือนตลอดปี 2566 นี้
อะไรคือเสน่ห์ของการเป็นกระบวนกรหรอครับ สำหรับผม มันคือการที่ผมได้เรียนรู้เรื่องใหม่ๆ ตลอดเวลา อย่างที่บอก เราเป็นผู้อำนวยความสะดวกในพื้นที่หรือกิจกรรมการเรียนรู้ สิ่งสำคัญคือเราต้องเปิดรับองค์ความรู้ใหม่ๆ จากพื้นที่หรือกิจกรรมที่เราทำอยู่ อย่างทุกวันนี้มีสิ่งที่เรียกว่า VTuber เป็นยูทูปเบอร์บวกกับการใช้อวตารเป็นตัวการ์ตูนมา live sync กัน และวัยรุ่นเจนอัลฟ่านิยมสวมบทบาทนี้มาก ผมก็เพิ่งได้เรียนรู้จากการทำกิจกรรมที่นี่ รวมถึงมุมมองใหม่ๆ จากคนหลากรุ่น ก็ช่วยเปิดโลกให้ผมได้อย่างมาก
ผมอยากเห็นสิ่งที่มีใน Converstation เกิดในวงสังคมทั่วไป กล่าวคือพอที่นี่มันเป็นพื้นที่เปิด เด็กวัยรุ่นเขาก็พบพื้นที่ปลอดภัยที่พวกเขาสามารถมาแสดงความคิดเห็นในเชิงสร้างสรรค์ได้ ซึ่งหลายครั้งสิ่งที่แสดงออกนี้ พวกเขาอาจไม่กล้าแสดงออกตอนอยู่โรงเรียนหรือที่บ้าน เพราะกังวลกับกรอบความคิดของผู้ใหญ่
ผมจึงคิดว่าถ้าเราฝังกลไกที่เราทำกับ Converstation ไปกับสังคมเมืองเรา ทำให้ทุกคนกล้าสื่อสาร กล้าฝันในสิ่งที่อยากฝัน หรือนำเสนอไอเดียการพัฒนาเมืองระยองมาแลกเปลี่ยนกัน พร้อมกันนั้นผู้ใหญ่ก็ต้องรับฟัง และพร้อมจะแลกเปลี่ยนกับคนรุ่นใหม่ เริ่มจากจุดเล็กๆ แค่นี้ เราจะได้ก้อนความคิดและฟันเฟืองหนุนเสริมร่วมขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองระยองไปได้อีกไกลเลยครับ”
วรวัต นิ่มอนงค์
กระบวนกรประจำ Converstation
https://www.facebook.com/converstation.th/
พลังคน พลังโคมลำพูน: เมืองเล็ก ๆ ที่เปี่ยมไปด้วยพลังสร้างสรรค์ แม้ ดร.สุดารัตน์ อุทธารัตน์ เป็นคนเชียงใหม่ เธอก็หาใช่เป็นคนอื่นคนไกลสำหรับชาวลำพูนเพราะก่อนจะเข้ามาขับเคลื่อนงานวิจัยเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาดกับเทศบาลเมืองลำพูน เธอได้ทำวิจัยเกี่ยวกับเมืองแห่งนี้มาหลายครั้ง โดยเฉพาะโครงการขับเคลื่อนเยาวชนเพื่อเตรียมพร้อมสู่การเป็นพลเมืองของเมืองแห่งการเรียนรู้ของ UNESCO ในปี 2566-2567 - นั่นล่ะ…
“เป็นสิ่งวิเศษที่สุด ที่ผ้าไหมของจังหวัดลำพูนได้ปรากฏต่อสายตาผู้คนทั้งในและต่างประเทศ ทั้งเมื่อครั้งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงให้การส่งเสริม และทรงฉลองพระองค์ด้วยผ้าไหมยกดอกลำพูนในพระราชพิธีสำคัญต่าง ๆ และกระทั่งในปัจจุบัน สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 10 ก็ทรงส่งเสริมผ้าไหมไทย และฉลองพระองค์ด้วยผ้าไหมยกดอกลำพูนในพระราชพิธีสำคัญเช่นกัน ดิฉันเป็นคนลำพูน มีความภูมิใจในงานหัตถศิลป์การทอผ้าไหมยกดอกนี้มาก ๆ และตั้งใจจะรักษามรดกทางวัฒนธรรม ทำหน้าที่ส่งต่อถึงคนรุ่นต่อไป…
“ความที่โตมาในลำพูน เราตระหนักดีว่าเมืองเรามีต้นทุนทางวัฒนธรรมที่สูงมาก ทั้งยังมีบรรยากาศที่น่าอยู่ อย่างไรก็ดี อาจเพราะเป็นเมืองขนาดเล็ก ลำพูนมักถูกมองข้ามจากแผนการพัฒนาของประเทศ เป็นเหมือนเมืองที่มีศักยภาพ แต่ยังไม่ถูกปลุกให้ตื่นความที่เราเคยทำงานที่ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (ปัจจุบันคือสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA - ผู้เรียบเรียง) ได้เห็นตัวอย่างความสำเร็จของกระบวนการพัฒนาย่านด้วยกรอบพื้นที่สร้างสรรค์ในหลายพื้นที่…
“ผมเป็นคนลำพูน และชอบทำกิจกรรมนอกห้องเรียนมาตั้งแต่เด็ก ปัจจุบันเป็นประธานสภาเด็กและเยาวชนจังหวัดลำพูน ควบคู่ไปกับกำลังศึกษาคณะรัฐศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่จากประสบการณ์การทำงานในสภาฯ ทำให้ผมเห็นว่า เยาวชนลำพูนมีศักยภาพที่หลากหลาย แต่สิ่งที่ขาดไปคือเวทีที่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้แสดงความสามารถและพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากการสนับสนุนจากโรงเรียนหรือโครงการของภาคเอกชน ปี 2567 พี่อร (ดร.สุดารัตน์ อุทธารัตน์…
“อาคารหลังนี้แต่ก่อนเป็นที่ประทับของเจ้าราชสัมพันธวงษ์ลำพูน (พุทธวงษ์ ณ เชียงใหม่) น้องเขยของเจ้าจักรคำขจรศักดิ์ เจ้าหลวงองค์สุดท้ายของลำพูน อาคารถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 2455 หลังจากนั้นก็ถูกขายให้พ่อค้าชาวจีนไปทำเป็นโรงเรียนหวุ่นเจิ้ง สอนภาษาจีนและคณิตศาสตร์ โรงเรียนนี้เปิดได้ไม่นานก็ต้องปิด เพราะสมัยนั้นรัฐบาลเพ่งเล็งว่าอะไรที่เป็นของจีนจะเกี่ยวข้องกับลัทธิคอมมิวนิสต์ แต่หนูก็ไม่รู้หรอกว่าโรงเรียนนี้เกี่ยวข้องหรือเปล่า (ยิ้ม) จากนั้นอาคารก็ถูกเปลี่ยนมาเป็นโรงเรียนมงคลวิทยาในปี…
“เราโตมากับวัฒนธรรมของคนลำพูน ชอบไปเดินงานปอย ร่วมงานบุญ ก่อนหน้านี้ก็เคยทำงานรับจ้างทั่วไป จนเทศบาลฯ มาส่งเสริมเรื่องการทำโคม โดยมีสล่าจากชุมชนศรีบุญเรืองมาสอน เราก็ไปเรียนกับเขา ตอนนี้อาชีพหลักคือการทำโคม ทำมาได้ 2 ปีแล้ว สำหรับเรา โคมคืองานศิลปะ เป็นสัญลักษณ์และมรดกที่ยึดโยงกับวัฒนธรรมของคนบ้านเรา ตอนแรกเราไม่มีความคิดเลยว่ามันจะกลายมาเป็นอาชีพได้…