“ผมเกิดปี พ.ศ. 2493 ที่กาฬสินธุ์ ก็เหมือนคนอีสานส่วนใหญ่ในสมัยนั้นที่ต้องจากบ้านไปแสวงหาความร่ำรวยที่กรุงเทพฯ บางคนไม่ประสบความสำเร็จก็ต้องกลับบ้าน บางคนอาจเสียชีวิตก่อนได้กลับบ้าน ส่วนผมประสบความสำเร็จหรือไม่ ยังตอบไม่ได้ แต่คิดว่าการได้โอกาสกลับมาใช้ชีวิตบั้นปลายที่บ้าน ถือเป็นโชคดี
ผมเริ่มงานในตำแหน่งพนักงานขนถ่ายพัสดุที่การบินไทยในวันที่ 23 สิงหาคม 2523 ทำมา 25 ปี ตำแหน่งสุดท้ายคือเจ้าหน้าที่สำนักงาน คิดว่าก่อนร่างกายเราจะทำอะไรต่อไปไม่ไหว น่าจะกลับไปทำอะไรสักอย่างที่บ้าน เลยขอเออร์ลี่รีไทร์ออกมาเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2548
ก่อนจะลาออกมา ภรรยาผม (คุณสมพร คงสมของ) ทำร้านอาหารอีสาน ก็คุยกับเขาว่าอยากกลับไปใช้ชีวิตที่บ้านเกิดแล้ว ตอนแรกภรรยาผมเขาก็ไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ เพราะธุรกิจเขากำลังไปได้สวย แต่ผมก็บอกว่ากรุงเทพฯ ไม่เหมาะให้เราใช้ชีวิตตอนแก่หรอก เรากลับบ้านไปทำสวนของเราดีกว่า สุดท้ายเขาก็ยอม กลับมาที่นี่ด้วยกันปี 2549
ผมเริ่มซื้อที่ดินตรงนี้เก็บไว้เมื่อปี 2541 ค่อยๆ ทำมาเรื่อยๆ คิดอยากทำให้ที่ดินตรงนี้เป็นป่าแบบที่เราเคยใช้ชีวิตสมัยยังเด็ก สมัยนั้นป่าเคยอุดมสมบูรณ์ ร่มรื่น และมีผลหมากรากไม้ให้เรากินไม่จบสิ้น อีกสิ่งที่ผมสนใจคือวัฒนธรรมคาวบอย ก็คิดอยากมาเป็นคาวบอยอีสานที่นี่ แต่ความที่ที่ดินตรงนี้ค่อนข้างแล้ง เลยฟื้นฟูยาก ผมก็ขุดสระ เอาต้นไม้มาลงค่อยๆ ปลูกกันไป และก็ไปศึกษาเรื่องสถาปัตยกรรมอีสาน เพื่อคุมช่างปลูกเรือนพื้นถิ่นทีละหลังทีละหลัง อย่างที่บอก ผมทำงานสายการบินมาทั้งชีวิต เรื่องพวกนี้ต้องมาเรียนรู้ใหม่เอาตอนแก่หมด เหนื่อยหน่อย แต่ก็เป็นได้ตามที่หวัง
ผมตั้งชื่อที่นี่ว่าสวนดอนธรรม โดยเริ่มจากเปิดร้านอาหารให้ภรรยาก่อนชื่อ ‘เฮือนกาฬสินธุ์’ ชื่อเดียวกับที่เธอเคยเปิดที่กรุงเทพฯ เปิดเมื่อราวปี 2552-2553 แล้วก็ค่อยๆ ขยายพื้นที่เอา ตอนนั้นกาฬสินธุ์ยังไม่มีโรงแรมที่นำวัฒนธรรมพื้นถิ่นมานำเสนอ ผมก็เลยเอาเรือนอีสานที่ปลูกมาทำเป็นบ้านพักแบบโฮมสเตย์ มีเรือนขนาดใหญ่ที่รองรับการจัดประชุมหรืองานแต่งงาน โดยเรือนไม้ในพื้นที่ของผมทั้งหมด ปลูกใหม่ตามรูปแบบดั้งเดิมของสถาปัตยกรรมอีสาน ก็หวังไว้ไม่ใช่แค่ให้คนมาใช้พื้นที่และถ่ายรูปสวยๆ กลับไป แต่ผู้คนโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ จะสามารถเข้ามาเรียนรู้สถาปัตยกรรมพื้นบ้านอีสานได้ด้วย
ผมฝันเอาไว้ว่าอยากให้สวนดอนธรรมเป็นพื้นที่เรียนรู้ ผมมีกำลังสร้าง แต่ก็ต้องยอมรับว่าผมไม่ถนัดและมีพลังมากพอจะบริหารจัดการ ถ้ามีบุคลากรหรือหน่วยงานมาช่วย ก็คงจะดีมากๆ ผมวาดเอาไว้ว่าอยากทำพิพิธภัณฑ์ เพราะผมสะสมประติมากรรมดินเผาไว้พอสมควร และมีเพื่อนศิลปินที่ทำงานศิลปะอยู่หลายคน เป็นศูนย์เรียนรู้ด้านประวัติศาสตร์ท้องถิ่น ให้คนรุ่นหลังได้รู้จักบรรพบุรุษคนอีสานที่มีส่วนสร้างบ้านแปงเมือง ทำคุณประโยชน์ให้แผ่นดิน หรือสร้างแบบอย่างที่ดีให้คนรุ่นหลัง
ยกตัวอย่างเช่นเรื่องของนายฮ้อย พ่อค้าเร่ขายวัว-ควายให้ชาวนาตามหมู่บ้านต่างๆ ในอีสาน ไม่เพียงเรื่องความอุตสาหะ มานะ และความซื่อสัตย์ของนายฮ้อยที่เป็นแบบอย่างให้คนรุ่นหลัง แต่เรายังได้เรียนรู้วิถีชีวิตของเกษตรกรอีสานสมัยก่อน เห็นถึงวิถีชีวิตอันเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของชาวบ้าน ซึ่งสมัยนี้ด้วยสังคมที่บีบให้เราต้องแข่งขันกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ภาพแบบนายฮ้อยจึงค่อยๆ เลือนหายไป เป็นต้น
เรื่องของนายฮ้อยยังผูกโยงกับวัฒนธรรมคาวบอยอีสาน วัฒนธรรมผสมที่ผมหลงใหลอีก ซึ่งก่อนที่ผมจะผลักดันให้สวนดอนธรรมเป็นศูนย์เรียนรู้ ขณะนี้ผมก็มีแผนจะทำลานคาวบอย สนองความชอบส่วนตัวไปก่อน (ยิ้ม)
ล่าสุด เราเพิ่งร่วมมือกับทางคณาจารย์ของมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ ทางนั้นเขามีโครงการเรื่องการสร้างพื้นที่การเรียนรู้ มีทั้งบุคลากร องค์ความรู้ และกระบวนการ ผมก็ยินดีให้เขาเข้ามาใช้พื้นที่อย่างเต็มที่ ถ้ามันจะสร้างประโยชน์อะไรต่อคนอื่น
เราสองคนไม่มีลูก แต่ก็มีหลานมาช่วยดูแลกิจการ ผมกำชับเขาว่าขอไม่ให้หลานขายสมบัติชิ้นนี้ ถ้ากิจการที่ทำอยู่ไม่เหมาะกับยุคสมัยก็ให้เปลี่ยนไปทำอย่างอื่น ขอไว้อย่างเดียวคือขอให้คนอื่นๆ สามารถเข้ามาใช้ประโยชน์ในที่ของเรา มาเรียนรู้ หรือมาจัดกิจกรรมอะไรก็ตามที่ช่วยพัฒนาทักษะหรือชีวิตพวกเขาได้ ผมอยากให้ที่นี่เป็นสมบัติของคนอีสาน เป็นสมบัติของแผ่นดิน”
โชฎึก คงสมของ
ผู้ก่อตั้งสวนดอนธรรม
ผศ. ดร.มณีรัตน์ วงษ์ซิ้มหัวหน้าโครงการโปรแกรมบ่มเพาะและเร่งรัดกระบวนการเพื่อมุ่งสู่เมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาดCIAP | นายฉัตรกุล ชื่นสุวรรณกุลที่ปรึกษาโครงการ CIAP ประธานกรรมาธิการสถาบันพัฒนาเมือง และอดีตรองนายกเทศบาลเมืองสระบุรี ในงาน CITY SOLUTION DAY : เปิดเมือง เปลี่ยนเมือง สู่อนาคตเมืองน่าอยู่27 กันยายน 2568 ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์…
การบรรยายในหัวข้อ “ภาพรวมการขับเคลื่อนงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาเมืองน่าอยู่และการกระจายศูนย์กลางความเจริญของหน่วย บพท.” โดย รศ.ดร.ปุ่น เที่ยงบูรณธรรม รองผู้อำนวยการฝ่ายแผนและยุทธศาสตร์องค์กร หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ในงาน City Solution Days: เปิดเมือง เปลี่ยนเมือง สู่อนาคตเมืองน่าอยู่ วันที่…
“ในฐานะที่เป็นนายกเทศมนตรีเมืองร้อยเอ็ด และในฐานะนายกสมาคมเทศบาลนครและเมือง ซึ่งในสมาคมเรามีสมาชิกที่ประกอบไปด้วย เทศบาลนครประมาณ 35 แห่ง และ เทศบาลเมืองประมาณ 220 แห่ง ผมอยากเชิญชวนพวกเรามองเมืองของเราไปด้วยกัน โจทย์วันนี้ของประเทศไทย ถ้าให้เปรียบเทียบก็เหมือนเราเป็นคนที่มีจมูกรูเดียว พึ่งพาส่วนกลาง และเดินทางมาอย่างนี้มาโดยตลอด จนมีการกระจายอำนาจเมื่อปี 2540 แต่ก็เป็นการกระจายอํานาจค่อนข้างที่จะเป็น ลูกครึ่งลูกผสม คือมีรัฐบาลคอยกําหนดกรอบทั้งการปฏิบัติงานและงบประมาณ ท้องถิ่นก็ทำงานในระดับพื้นที่ไป จริงอยู่ว่าเรื่องนี้จะไม่ได้เป็นอุปสรรคปัญหาต่อการพัฒนาเชิงพื้นที่เท่าไหร่ โดยเฉพาะกับกลุ่มผู้บริหารท้องถิ่นที่มีความตั้งใจจริง และแสวงหาโอกาสที่อยากจะพัฒนาบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเองอย่างตลอดเวลา วันนี้สมาคมเทศบาลนครและเมือง มีโอกาสรวมตัวกันในการที่จะแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ แล้วหาช่องทางในการที่จะส่งเสริมต่อยอด ซึ่งในปีพ.ศ.2567 ก็เกิดความร่วมมือกับทาง บพท.…
ชวนอ่าน WeCitizens เมืองเชียงราย : เมืองนวัตกรรมการเกษตร Ebook ได้ที่ https://anyflip.com/jnmvd/iyvl/ Download PDF File : https://drive.google.com/.../1mQO8ZR9GTik02hfUPdS.../view... บอกเล่าเรื่องราวมุมมองเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด (Livable…
คนนครวัย 30 ปีขึ้นไปน่าจะคุ้นกับร้านหนังสือ “นาคร-บวรรัตน์” บนถนนราชดำเนิน ย่านท่าวัง ที่นี่คือร้านหนังสืออิสระที่เป็นพื้นที่จัดกิจกรรมอ่าน-เขียน และแสดงผลงานศิลปะ รวมถึงเป็นศูนย์รวมของนักเขียนและศิลปิน ทั้งจากกลุ่มวรรณกรรม “นาคร” เหล่านักเขียนรางวัล และศิลปินแห่งชาติที่แวะเวียนมาอยู่เสมอ จนกลายเป็นแรงขับสำคัญที่ทำให้เมืองนครมีชื่อในฐานะเมืองแห่งนักเขียนและศิลปิน อดีตร้านหนังสือแห่งนี้ตั้งอยู่ภายใน…
สมัยก่อนพ่อเป็นนายหนังตะลุงที่หวงวิชามากจนมีโอกาสเข้าเฝ้าในหลวง ร.9คำตรัสของพระองค์ท่าน เปลี่ยนความคิดพ่อไปอย่างสิ้นเชิง “สมัยก่อน นายหนังหรือผู้แสดงหลักในหนังตะลุง ส่วนใหญ่เขาจะหวงวิชามากนะครับ มันเหมือนศิลปะการแสดงที่ถ่ายทอดกันอย่างจำกัด และนายหนังแต่ละคนก็จะมีศาสตร์เฉพาะตัวในการแสดงเช่นเดียวกับคุณพ่อของผม (สุชาติ ทรัพย์สิน) แกก็เป็นคนหวงวิชามาก ๆ ใครมาขอให้สอนตอกหนังหรือเชิดหุ่นนี่ยาก กระทั่งปี 2527…