“ผมเป็นคนหมู่ 4 ตำบลปากพูน เรียนจบมัธยมต้นที่โรงเรียนปากพูน และย้ายไปเรียนต่อที่อื่น จนกลับมาบรรจุเป็นครูสอนวิชาเคมีที่โรงเรียนเดิม สาเหตุที่เลือกกลับมาทำงานที่นี่ ข้อแรกคือผมต้องกลับมาดูแลครอบครัว และข้อที่สอง คือผมเห็นโอกาสที่มีในบ้านเกิดแห่งนี้
ปากพูนเป็นตำบลที่ผู้คนมีทรัพยากรเยอะมากนะครับ ประมงอุดมสมบูรณ์ ส่วนชาวสวนส่วนใหญ่ก็มีที่ดินทำกินค่อนข้างมาก อาจจะเพราะความที่อะไรก็สมบูรณ์อยู่แล้วด้วย ชาวบ้านจึงไม่ได้คิดขวนขวายกับการพัฒนาอาชีพเท่าไหร่ อย่างถ้าคุณทำสวนมะพร้าว ถึงเวลาก็จะมีล้งมารับซื้อไป บางช่วงเขาไม่มารับ คุณขายไม่ได้ ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะไม่รู้จะทำยังไง หรือถ้าบ้านไหนทำประมง ก็มีลักษณะคล้ายๆ กันคือสามีจะออกเรือหาปลา ส่วนภรรยาก็จะเป็นแม่บ้านอยู่บ้าน ทั้งที่ในบ้านของตัวเองก็มีสวนให้ปลูกนั่นปลูกนี่ สามารถหารายได้เสริมเยอะแยะ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร
นี่แหละที่ทำให้ผมเห็นว่าที่ผ่านมา ปากพูนเป็นเมืองที่มีต้นทุน แต่ผู้คนกลับไม่ค่อยมีความหวัง
ควบคู่ไปกับการสอนหนังสือ ความที่ผมเป็นลูกหลานของเกษตรกรทำน้ำตาลมะพร้าวอยู่แล้ว เลยมีความคิดต่อยอดจะทำสวนในแบบของผมเอง ผมซื้อที่ดินทำสวนเพิ่ม คิดว่าสามารถทำทั้งการขายมะพร้าวผล นำไปแปรรูป และทำสวนเกษตรผสมผสาน ตั้งใจให้สวนของผมไม่ต้องง้อล้งมะพร้าว ถ้าเขากดราคาเรามาก ก็ไม่ขาย หาช่องทางขายทางอื่นเอา และก็อยากสนับสนุนให้ชาวสวนในปากพูนทำแบบนี้ คือมีความสามารถในการต่อรองราคากับคนกลาง และมีผลผลิตอื่นๆ สร้างรายได้เสริม
นอกจากมะพร้าว ในสวนของผมก็มีฝรั่งไส้แดง ส้มเขียวหวาน มีน้ำผึ้งจากผึ้งและชันโรงที่มาจากป่าโกงกางซึ่งผมทำคอนโดให้พวกเขาอาศัย เลี้ยงปศุสัตว์ ทำปุ๋ยจากมูลไก่อัดเม็ด รวมถึงขุดร่องสวนเพื่อเลี้ยงปลา และอย่างที่บอกว่าผมเป็นอาจารย์สอนเคมี ก็เลยมีความรู้เรื่องการแปรรูป เลยได้ผลิตภัณฑ์น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นขึ้นมาอีกตัว ผมตั้งชื่อว่า ‘สวนปันสุข’ เพราะคิดว่านอกจากผลผลิตในสวนแห่งนี้ เรายังสามารถแบ่งปันความรู้จากการทำสวนให้คนอื่นได้
ที่สำคัญ ผมยังใช้สวนแห่งนี้ประกอบการเรียนการสอนที่โรงเรียนอีกด้วย ผ่านกิจกรรมชุมนุมเศรษฐกิจพอเพียง ชวนนักเรียนให้ไปดูและทำกิจกรรมที่สวน ให้ความรู้เรื่องเกษตรทฤษฎีใหม่และโคกหนองนาโมเดล แล้วก็ลองให้พวกเขาทดลองจินตนาการว่าถ้าเรามีสวนพื้นที่ 1 ไร่ เราจะทำโคกหนองนาของเราอย่างไร ให้นักเรียนออกแบบพื้นที่การใช้งานสวนด้วยคอมพิวเตอร์มาส่ง จากนั้นก็สอนกันต่อไป หรือถ้ามีโอกาส ไม่ต้องมีบทเรียนอะไรก็ได้ ให้เด็กๆ มาวิ่งเล่นในสวน มาซึมซับ มาดูว่าสวนของผมนี้มีอะไรหรือมีระบบนิเวศอะไรบ้าง
อย่างที่บอกว่าคนปากพูนมีต้นทุนแต่ไม่มีความหวัง ผมจึงคิดว่าถ้าเราอยากให้ชุมชนเรามีความหวัง การปลูกฝังในตัวเด็กเป็นเรื่องสำคัญ เลยตั้งใจให้สวนปันสุขเป็นพื้นที่เรียนรู้ให้เด็กๆ กลับไปคิดถึงทรัพยากรและที่ดินของที่บ้านพวกเขา เราสามารถแปรรูปวัตถุดิบที่มี หรือต่อยอดพื้นที่เป็นอะไรได้บ้างจนเกิดเป็นธุรกิจที่ยั่งยืน
สมัยก่อนผมเคยคิดนะครับว่าถ้าเราอยากประสบความสำเร็จ เราต้องเรียนให้หนัก เรียนในสิ่งที่ยากๆ แต่ทุกวันนี้ หลังทำสวนมาหลายปี ผมกลับสอนเด็กๆ ใหม่ว่าให้ทำเรื่องเรียนเป็นเรื่องง่าย โจทย์สำคัญกว่านั้นคือควรเรียนในสิ่งที่เราสนใจจริงๆ และรู้ว่าเราจะนำสิ่งที่เรียนบวกกับต้นทุนที่มีไปพัฒนาเป็นอะไรได้มากกว่า อย่างเด็กปากพูนของเรามีต้นทุนในด้านทรัพยากรที่ดีอยู่แล้ว อยู่ที่ว่าเขาจะเอาความรู้หรือสิ่งที่ได้เรียนรู้มาไปพัฒนาเป็นอะไร ผมเชื่อว่าการที่เรามีความรู้และรู้จักเรียนรู้ มันสร้างโอกาสใหม่ๆ ได้ไม่สิ้นสุดครับ”
ธงชัย ศักดามาศ
คุณครูโรงเรียนปากพูน และเจ้าของสวนปันสุข
Facebook: สวนปันสุข เกษตรผสมผสาน
https://www.facebook.com/profile.php?id=100066780458381
ชวนอ่าน WeCitizens เมืองเชียงราย : เมืองนวัตกรรมการเกษตร Ebook ได้ที่ https://anyflip.com/jnmvd/iyvl/ Download PDF File : https://drive.google.com/.../1mQO8ZR9GTik02hfUPdS.../view... บอกเล่าเรื่องราวมุมมองเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด (Livable…
คนนครวัย 30 ปีขึ้นไปน่าจะคุ้นกับร้านหนังสือ “นาคร-บวรรัตน์” บนถนนราชดำเนิน ย่านท่าวัง ที่นี่คือร้านหนังสืออิสระที่เป็นพื้นที่จัดกิจกรรมอ่าน-เขียน และแสดงผลงานศิลปะ รวมถึงเป็นศูนย์รวมของนักเขียนและศิลปิน ทั้งจากกลุ่มวรรณกรรม “นาคร” เหล่านักเขียนรางวัล และศิลปินแห่งชาติที่แวะเวียนมาอยู่เสมอ จนกลายเป็นแรงขับสำคัญที่ทำให้เมืองนครมีชื่อในฐานะเมืองแห่งนักเขียนและศิลปิน อดีตร้านหนังสือแห่งนี้ตั้งอยู่ภายใน…
สมัยก่อนพ่อเป็นนายหนังตะลุงที่หวงวิชามากจนมีโอกาสเข้าเฝ้าในหลวง ร.9คำตรัสของพระองค์ท่าน เปลี่ยนความคิดพ่อไปอย่างสิ้นเชิง “สมัยก่อน นายหนังหรือผู้แสดงหลักในหนังตะลุง ส่วนใหญ่เขาจะหวงวิชามากนะครับ มันเหมือนศิลปะการแสดงที่ถ่ายทอดกันอย่างจำกัด และนายหนังแต่ละคนก็จะมีศาสตร์เฉพาะตัวในการแสดงเช่นเดียวกับคุณพ่อของผม (สุชาติ ทรัพย์สิน) แกก็เป็นคนหวงวิชามาก ๆ ใครมาขอให้สอนตอกหนังหรือเชิดหุ่นนี่ยาก กระทั่งปี 2527…
เมืองเรามีสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีความพร้อม แต่พื้นที่ระดับชุมชนที่ชาวบ้านได้มาจัดกิจกรรมร่วมกัน แบบที่ไม่ต้องใช้พื้นที่ถนนสาธารณะน่ะ ยังไม่มี ถ้ามีจะดีมาก ๆ “ครอบครัวพี่แต่เดิมเป็นชาวนาอยู่นอกเขตเทศบาล กระทั่งพี่ชายและพี่สาวสอบติดโรงเรียนกัลยาณีศรีธรรมราช แม่ก็เลยตัดสินใจย้ายเข้ามาทำงานในเมืองแม่มาปลูกบ้านอยู่แถวถนนพัฒนาการคูขวางราวปี 2521 ก่อนหน้าที่เขาจะตัดถนนเป็น 4 เลน ย่านที่เราอยู่ค่อนข้างเสื่อมโทรม เหมือนขยะใต้พรมของเมือง…
การจะทำให้เมืองเราเป็นเมืองอัจฉริยะปัจจัยสำคัญที่ต้องมีคือการมีโรงเรียนที่ตอบโจทย์การศึกษาด้านเทคโนโลยี “เวลาพูดถึงโรงเรียนในสังกัดเทศบาล หรือกระทั่งโรงเรียนวัดเนี่ย คนส่วนมากมักนึกถึงการเป็นโรงเรียนขยายโอกาส หรือทางเลือกสุดท้าย ไม่ใช่ทางเลือกหลักของผู้ปกครองส่วนใหญ่นักอย่างไรก็ตาม กับโรงเรียนทั้ง 8 แห่งในสังกัดเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นโรงเรียนวัดทั้งหมดด้วย กลับแตกต่างออกไป เพราะที่นี่กลายเป็นโรงเรียนที่เด็ก ๆ ในนครต้องสอบแข่งขันเพื่อเข้าเรียน กลายเป็นโรงเรียนชั้นนำในกลุ่มปฐมวัยไปสิ่งนี้ต้องยกเครดิตให้นายกเทศมนตรีสมนึก…
แม้เราจะพึ่งพาเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือหลักแต่แก่นสารของมันคือการคิดนโยบายที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้คนหัวใจสำคัญจึงไม่ใช่เทคโนโลยี แต่เป็นผู้คน “หลังเรียนจบผมก็กลับมานครบ้านเกิด เข้าทำงานเป็นลูกจ้างเทศบาล ก่อนจะไต่เต้าขึ้นมาเรื่อย ๆ จนเป็นเจ้าหน้าที่วิเคราะห์แผนและนโยบายในปัจจุบันสี่ปีที่แล้ว ตอน ดร.โจ (กณพ เกตุชาติ) หาเสียงเพื่อรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราชสมัยแรก ท่านได้เสนอนโยบายเรื่องเมืองอัจฉริยะด้วยการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อทำให้เมืองน่าอยู่ พอท่านได้รับเลือกเข้ามา บทบาทของผมคือการช่วยท่านเขียนแผนดังกล่าวผมได้เรียนรู้จาก…