“จุดเริ่มต้นของร้าน Deep Root Café คือการปั่นจักรยานมาเจอ นึกว่าคุ้นๆ นะ เป็นทางเดินกลับบ้านเราเองตอนยังเด็กมาก บ้านผมอยู่สำเพ็ง ฝั่งโน้น ผมเรียนโรงเรียนแสงอรุณ จากวัดซางตาครู้สเดินผ่านทางนี้ ก็ร้างๆ อยู่แล้วล่ะ พอมาเห็นรู้สึกสงสารพื้นที่ที่ถูกทิ้งร้างมาเป็นห้าสิบปี รู้สึกว่าเราพอจะทำอะไรบางอย่างได้มั้ย อีกข้อนึง ผมทำงานในตัวเมืองโซนสยามสแควร์ เราอยากหนีความวุ่นวาย อยากให้มีพื้นที่รีแลกซ์สำหรับคนในเมืองที่วุ่นวายกับชีวิตในวันหนึ่งๆ
ความคิดแรกคือทำร้านกาแฟ แต่หลักๆ ผมอยากเห็นคอมมิวนิตี จุดเริ่มต้นของคอมมิวนิตีก็คือ เราลืมอะไรไปหรือเปล่า ในความเป็นรูตจริงๆ หมายถึงการเอาสิ่งที่ไร้ค่า ให้กลับมามีคุณค่าได้ยังไง หรือเราใส่คุณค่าให้มันยังไงได้บ้าง โดยการใช้ศิลปะกับดีไซน์เพื่อให้มันฟื้นฟูบางอย่างที่หล่นหายหรือถูกมองข้ามกลับมาอีกครั้ง การทำร้านของผม ก็จะใช้ของที่ถูกทิ้ง ถูกมองข้ามไป เอากลับมา เด็กเองก็เหมือนกัน ผมมองเด็กเป็นผู้ใหญ่คนนึง ให้เขาทำตัวเป็นผู้ใหญ่ไปเลย เรามีเด็กๆ เป็นพนักงาน เรียกว่าเป็นครอบครัว เริ่มมาจากตอนโควิด เด็กต้องเรียนออนไลน์ เราให้เด็กๆ แถวนี้มาอยู่ในความดูแลของเรา เราจะสามารถช่วยเขาได้ ป้อนสิ่งที่เป็นแง่บวกให้เขา ซึ่งลูกค้าก็น่ารัก เขาเอ็นดูเด็ก แล้วเขาก็ได้รับพลังงานดีๆ ซึ่งผมอยากหว่านเมล็ด เป็นการส่งต่อ เพราะนอกเหนือจากการเปิดร้านกาแฟ มันคือการมองเห็นการเติบโต ซึ่งอาจเป็นความสุขที่อยู่กับเราได้นานกว่าความสุขแบบอื่นก็ได้
ผมเป็นบาริสต้า แฟนทำขนม ให้แม่มาเป็นแม่ครัว เราก็คิดว่า ถ้าเราทำงานอื่น เราไม่ค่อยได้ใช้เวลาอยู่กับครอบครัว วัยของผมคือต้องยุ่งวุ่นวายหาเงินสร้างเนื้อสร้างตัว พอมีเงินแล้วเราจะไม่มีเวลา ผมมองว่าเราต้องมีบาลานซ์ในทุกช่วงเวลาของชีวิต ต้องมีเวลาให้ครอบครัว ซึ่งการทำงานกับครอบครัวก็โชคดีที่เราได้เจอกันทุกวัน แล้วก็เพิ่งรู้ว่ามีปัญหาเหมือนกัน ก่อนหน้านี้ก็รู้สึกไม่น่าให้เขามาทำเลย สงสารเขาทำงานหนัก บางทีเขาโกรธตัวเองที่หลงๆ ลืมๆ เครียดตัวเอง ช่วงนี้เลยให้คุณแม่พัก แล้วเขาอยู่ว่างไม่ได้ ต้องมีอะไรทำ เพื่อให้ตัวเองมีคุณค่า แต่ก็ต้องไม่เครียดเกินไป ต้องกำลังดี บางครั้งเราไม่รู้ตัวเหมือนกันนะ ผมเองยังขี้หลงขี้ลืม ทุกคนเป็นหมด แต่พอมาทำงานด้วยกัน ก็เป็นความทรงจำที่ดีนะ
ร้านผมเปิดวันที่ 2 เดือน 2 ปี 2020 เปิดปุ๊บปิดเมืองเลย ตอนแรกอาจจะมองว่าเป็นโชคร้าย จังหวะไม่ดี แต่ตอนนี้กลับมองว่าเป็นข้อดีนะที่เรามาลองเปิดดู เราอยู่กับแง่ลบไม่ได้หรอก เพราะทุกคนก็มีอุปสรรค ยิ่งช่วงโควิด เราได้เห็นบางคนไม่สบายใจ แต่พอมาตรงนี้ เราได้แลกเปลี่ยนกัน แล้วเขาดีขึ้น มันก็ไม่ใช่แค่กาแฟละ มันคือการส่งพลังงานดีๆ ออกไป สมมติเห็นผมวันปีใหม่ แทนที่ว่าทำไมไม่ไปเที่ยว มาชงกาแฟ ผมไม่ได้ชงกาแฟนะ ผมรินความสุขให้คุณอยู่ ผมเลยคิดว่าสิ่งที่ส่งต่อและอยากให้เกิดขึ้นในคลองสาน ที่ทำ “สวนสานธารณะ” นี่ดีมากๆ เลยนะ การสานกัน ผมมองว่า นี่แหละ การแข่งขันมันไปได้ไกล แต่การร่วมมือกัน ไปได้ไกลกว่า ในคำว่าคาเฟ่ ร้านอาหาร ระยะเวลาการเจ๊งมันมีอยู่ สองสามปีก็จะเริ่มแผ่ว แต่อะไรที่อยู่ได้นานกว่านั้นล่ะ อย่างพื้นที่สวนสานธารณะตรงนี้อยู่ในช่วงการเยียวยาและฟื้นฟู กำแพงใหญ่เรื่องของขยะ เราอยู่ในพื้นที่ก็ช่วยเก็บขยะบ้าง มองว่าตรงนี้เราทำเป็นไม้แรก ต่อๆ ไปก็จะมีคนตามมาทำต่อ
ภาพสตรีตอาร์ตตรงกำแพงนี้ อาจจะมีความหมายมากกว่านี้ เมื่อผ่านไปสิบปี เด็กๆ ที่อยู่ตรงนี้ เขาได้โตเป็นผู้ใหญ่ ได้กลับมาเห็นภาพวาดที่เขาวาดไว้ เพื่อให้คนมาเที่ยวชุมชนของเขา ผมว่าตรงนั้นเป็นความสุขลึกๆ ที่อยู่ได้นานกว่าความสุขทุกแบบเลย คือความสุขในการทิ้งอะไรบางอย่างไว้เพื่อส่งต่อ คือหัวใจของ Deep Root เลย แต่เราจะมาตรงนั้นปุ๊บมันเข้าใจยากนะ ผมเลยคิดว่าเริ่มจากความรู้สึกในแต่ละครั้งก่อนดีกว่า ถ้าเขาชอบกาแฟ ผมก็ป้อนเขาด้วยกาแฟ เพราะกาแฟเข้าถึงง่ายกับทุกคน เมื่อก่อนเรามีสภากาแฟคือการพูดคุย แต่สภากาแฟในยุคนี้ ยิ่งโควิดมันเร่งการเติบโตบางอย่างขึ้นมา ทำให้คำว่าสภากาแฟยุคนี้เข้มข้นขึ้น เพราะเราเห็นอกเห็นใจกันมากขึ้น เราถึงได้แบบ พี่ทำงานแกะสลัก โควิดไม่มีงานเลย พี่วาดรูปอยู่บ้าน งั้นมาทำด้วยกันมั้ยล่ะ ผมมีที่ว่าง พื้นที่ตรงนี้เป็นอะไรได้อีกเยอะเลย คนคนเดียวทำอะไรไม่ได้หรอกถ้าไม่ร่วมกันทำ คนในพื้นที่เขาก็รักพื้นที่แหละแต่เขาเห็นทุกวันอาจจะชิน ถ้าคนข้างนอกมาเห็นแล้วบอกต่ออะไรดีๆ ไปเรื่อยๆ อนาคตเป็นอะไรที่เกินจินตนาการได้อีกเยอะ ต่อให้ผมไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้วก็ตาม เพราะทุกคนได้เริ่มแล้ว ได้มาเห็นอะไรบางอย่างแล้ว พลังของการบอกต่อมันแรง ปากต่อปาก ทำให้คนมาร้าน ชุมชนรอบๆ ตอนแรกอาจจะบอกว่าตรงนี้แต่ก่อนมั่วสุม แต่พอคนมาถามหาร้านเรา เขาภูมิใจนะ เขาเริ่มรู้สึกว่าบ้านเขาดี คุณมาเดินเที่ยว มาลองทำกิจกรรมบางอย่างที่นี่ มาถ่ายรูป ได้มานั่งเล่น ฟังเสียงธรรมชาติ เสียงนก มีพลังงานดีๆ เป็นพื้นที่ลับที่คุณสามารถบอกต่อสิ่งดีๆ ได้”
ฐานพงศ์ จิตปัญโญยศ
เจ้าของร้าน Deep Root Café
ชวนอ่าน WeCitizens เมืองเชียงราย : เมืองนวัตกรรมการเกษตร Ebook ได้ที่ https://anyflip.com/jnmvd/iyvl/ Download PDF File : https://drive.google.com/.../1mQO8ZR9GTik02hfUPdS.../view... บอกเล่าเรื่องราวมุมมองเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด (Livable…
คนนครวัย 30 ปีขึ้นไปน่าจะคุ้นกับร้านหนังสือ “นาคร-บวรรัตน์” บนถนนราชดำเนิน ย่านท่าวัง ที่นี่คือร้านหนังสืออิสระที่เป็นพื้นที่จัดกิจกรรมอ่าน-เขียน และแสดงผลงานศิลปะ รวมถึงเป็นศูนย์รวมของนักเขียนและศิลปิน ทั้งจากกลุ่มวรรณกรรม “นาคร” เหล่านักเขียนรางวัล และศิลปินแห่งชาติที่แวะเวียนมาอยู่เสมอ จนกลายเป็นแรงขับสำคัญที่ทำให้เมืองนครมีชื่อในฐานะเมืองแห่งนักเขียนและศิลปิน อดีตร้านหนังสือแห่งนี้ตั้งอยู่ภายใน…
สมัยก่อนพ่อเป็นนายหนังตะลุงที่หวงวิชามากจนมีโอกาสเข้าเฝ้าในหลวง ร.9คำตรัสของพระองค์ท่าน เปลี่ยนความคิดพ่อไปอย่างสิ้นเชิง “สมัยก่อน นายหนังหรือผู้แสดงหลักในหนังตะลุง ส่วนใหญ่เขาจะหวงวิชามากนะครับ มันเหมือนศิลปะการแสดงที่ถ่ายทอดกันอย่างจำกัด และนายหนังแต่ละคนก็จะมีศาสตร์เฉพาะตัวในการแสดงเช่นเดียวกับคุณพ่อของผม (สุชาติ ทรัพย์สิน) แกก็เป็นคนหวงวิชามาก ๆ ใครมาขอให้สอนตอกหนังหรือเชิดหุ่นนี่ยาก กระทั่งปี 2527…
เมืองเรามีสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีความพร้อม แต่พื้นที่ระดับชุมชนที่ชาวบ้านได้มาจัดกิจกรรมร่วมกัน แบบที่ไม่ต้องใช้พื้นที่ถนนสาธารณะน่ะ ยังไม่มี ถ้ามีจะดีมาก ๆ “ครอบครัวพี่แต่เดิมเป็นชาวนาอยู่นอกเขตเทศบาล กระทั่งพี่ชายและพี่สาวสอบติดโรงเรียนกัลยาณีศรีธรรมราช แม่ก็เลยตัดสินใจย้ายเข้ามาทำงานในเมืองแม่มาปลูกบ้านอยู่แถวถนนพัฒนาการคูขวางราวปี 2521 ก่อนหน้าที่เขาจะตัดถนนเป็น 4 เลน ย่านที่เราอยู่ค่อนข้างเสื่อมโทรม เหมือนขยะใต้พรมของเมือง…
การจะทำให้เมืองเราเป็นเมืองอัจฉริยะปัจจัยสำคัญที่ต้องมีคือการมีโรงเรียนที่ตอบโจทย์การศึกษาด้านเทคโนโลยี “เวลาพูดถึงโรงเรียนในสังกัดเทศบาล หรือกระทั่งโรงเรียนวัดเนี่ย คนส่วนมากมักนึกถึงการเป็นโรงเรียนขยายโอกาส หรือทางเลือกสุดท้าย ไม่ใช่ทางเลือกหลักของผู้ปกครองส่วนใหญ่นักอย่างไรก็ตาม กับโรงเรียนทั้ง 8 แห่งในสังกัดเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นโรงเรียนวัดทั้งหมดด้วย กลับแตกต่างออกไป เพราะที่นี่กลายเป็นโรงเรียนที่เด็ก ๆ ในนครต้องสอบแข่งขันเพื่อเข้าเรียน กลายเป็นโรงเรียนชั้นนำในกลุ่มปฐมวัยไปสิ่งนี้ต้องยกเครดิตให้นายกเทศมนตรีสมนึก…
แม้เราจะพึ่งพาเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือหลักแต่แก่นสารของมันคือการคิดนโยบายที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้คนหัวใจสำคัญจึงไม่ใช่เทคโนโลยี แต่เป็นผู้คน “หลังเรียนจบผมก็กลับมานครบ้านเกิด เข้าทำงานเป็นลูกจ้างเทศบาล ก่อนจะไต่เต้าขึ้นมาเรื่อย ๆ จนเป็นเจ้าหน้าที่วิเคราะห์แผนและนโยบายในปัจจุบันสี่ปีที่แล้ว ตอน ดร.โจ (กณพ เกตุชาติ) หาเสียงเพื่อรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราชสมัยแรก ท่านได้เสนอนโยบายเรื่องเมืองอัจฉริยะด้วยการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อทำให้เมืองน่าอยู่ พอท่านได้รับเลือกเข้ามา บทบาทของผมคือการช่วยท่านเขียนแผนดังกล่าวผมได้เรียนรู้จาก…