“สมัยก่อน การคมนาคมอาศัยเส้นทางทางรางเป็นหลัก รถยนต์ก็ไม่ค่อยมี รถไฟเป็นการส่งสินค้ารับส่งผู้โดยสารสะดวกที่สุด เหมือนเป็นเส้นเลือดใหญ่ สถานีรถไฟหัวหินเองเป็นแลนด์มาร์กของเมือง และเป็นประวัติศาสตร์ประเทศด้วย อาคารสถานีเป็นอาคารไม้ ซึ่งพลเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน ผู้บัญชาการกรมรถไฟหลวง ณ ขณะนั้น ทรงให้ยกอาคารไม้ที่ใช้สร้างศาลาในงานสยามรัฐพิพิธภัณฑ์ ซึ่งจะจัดที่สวนลุมพินีเมื่อปลายปี พ.ศ. 2468 แต่รัชกาลที่ 6 เสด็จสวรรคตเสียก่อน รัชกาลที่ 7 ทรงรับสั่งให้งดกิจกรรมทั้งหมด ศาลาหลังนี้จึงถูกถอดลงแล้วนำมาประกอบใหม่เป็นอาคารสถานีรถไฟหัวหินใช้สืบเนื่องมาถึงปัจจุบัน
อีกเอกลักษณ์หนึ่งของสถานีรถไฟหัวหินคือ พลับพลาจตุรมุข สร้างขึ้นสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เพื่อให้พระองค์เสด็จประทับทอดพระเนตรกองเสือป่าและลูกเสือทั่วประเทศฝึกซ้อมยุทธวิธีเป็นประจำทุกปี เดิมเรียกว่า พลับพลาสนามจันทร์ เพราะตั้งอยู่ที่พระราชวังสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม พอสิ้นรัชสมัย การรถไฟฯ รื้อถอนมาเก็บไว้ จนในปี พ.ศ. 2511 สมัยพันเอกแสง จุละจาริตต์ เป็นผู้ว่าการรถไฟฯ นำเครื่องอุปกรณ์ก่อสร้างของพลับพลาสนามจันทร์มาปลูกสร้างขึ้นใหม่ที่สถานีรถไฟหัวหิน เพื่อเป็นที่ประทับขึ้นและลงรถไฟของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เป็นองค์ประธานในพิธีเปิดพลับพลา ซึ่งตั้งชื่อใหม่ว่า พลับพลาพระมงกุฎเกล้าฯ เมื่อวันเสาร์ที่ 6 เมษายน 2517
ด้านหน้าสถานี มีต้นจามจุรีที่อายุเป็นร้อยปีเกือบเท่ากับสถานี เพราะปลูกควบคู่กันมา และมีห้องสมุดการรถไฟฯ หัวหิน กรมสมเด็จพระเทพฯ เสด็จฯ มาทรงเปิด เพื่อให้ประชาชนได้มาใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ มาศึกษาข้อมูลต่างๆ ดัดแปลงตู้รถไฟเก่า 2 คันที่คัดเลือกจากโรงงานมักกะสัน มาปรับปรุงภายในเพื่อการใช้สอยตามวัตถุประสงค์ ไม่เพียงแต่เป็นห้องสมุด มีห้องประชุมด้วย แต่ตอนนี้อยู่ในช่วงปิดซ่อมบำรุงให้มีสีสันสวยงาม น่าใช้ ก็เป็นส่วนหนึ่งของโครงการบูรณาการสถานีรถไฟที่อยู่ในระหว่างการเปลี่ยนถ่ายเป็นระบบรางคู่ตามโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายใต้ ช่วงนครปฐม – ชุมพร (ช่วงหนองปลาไหล – หัวหิน) คือเราสร้างอาคารสถานีใหม่ และบูรณะสถานีเก่าไปพร้อมกัน ทางกรมศิลปากรจะเข้ามาพัฒนาดูแลอาคารเดิมเพื่อปรับปรุงเป็นพิพิธภัณฑ์ต่อไป ส่วนของอาคารใหม่เป็นอาคารยกระดับ ทางเป็นทางคู่ยกระดับด้วย เพื่อแก้ปัญหาการจราจรในท้องที่ ระบบทางคู่ไม่ต้องรอหลีก แต่ยังมีการสับรางอยู่ ยังเปลี่ยนเส้นทางได้โดยการวางประแจตามจุดที่กำหนดไว้ แยกเดินทางขึ้นและทางล่อง คือรถยนต์ไม่ต้องหยุด สะดวก ถนนก็คล่องตัวขึ้น ส่วนอาคารที่ทำการอยู่ด้านล่าง ผู้โดยสารอยู่ข้างบนหมดเลย เมื่อขบวนรถเข้า นายสถานีก็จะขึ้นไปรอรับขบวนรถที่ชั้นสอง อาคารใหม่ก็ขยับห่างจากอาคารเดิมไม่เกิน 200 เมตร ส่วนรางเดิมยังใช้งานอยู่ แต่ใช้เป็นขบวนรถสินค้า ขบวนรถอื่นๆ พื้นที่รอบสถานีต่อไปก็จะเปลี่ยน ด้านหลังสถานีจะเป็นถนนวันเวย์ เพราะรถมากขึ้น นักท่องเที่ยวก็มาจากทุกที่ ต้องมีการจัดการพัฒนาให้บูรณาการขึ้น
ส่วนตัวผมเองเป็นคนพื้นที่เลย เกิดในค่ายทหารที่สวนสนประดิพัทธ์ คุณพ่อเป็นทหารชั้นผู้น้อย ก็อยู่กับหัวหินมาโดยตลอด ผมเริ่มทำงานการรถไฟแห่งประเทศไทยตั้งแต่ปี 2535 จนปัจจุบัน ตอนนี้ก็ 30 ปีแล้ว คือเหมือนเราอยู่กับทหารมานาน จนชิน เราอยากเปลี่ยนแนวทาง เปลี่ยนโลเกชัน แต่ต้นทุนเรื่องวินัยได้มาจากทหาร ผมบรรจุงานตอนแรกเริ่มทำหน้าที่เสมียนจำหน่ายตั๋วอยู่ที่เพชรบุรี แล้วก็ย้ายไปตามอาวุโสหรือความเหมาะสม จนมาเป็นผู้ช่วยนายสถานีนครปฐม ก็เป็นสถานีใหญ่ สถานีจังหวัดชั้น 1 แล้วมันก็เป็นสเต็ปแหละครับ จากผู้ช่วยนายสถานีชั้น 1 ก็มาเป็นนายสถานีชั้น 1 ที่หัวหิน พอดีนายสถานีท่านเดิมเกษียณราชการที่นี่ ผมก็ได้รับพิจารณาแต่งตั้งมาประจำเป็นนายสถานีได้ 3 ปีแล้ว ความรู้สึกผูกพันก็มีแน่นอนครับ ผมเกิดและเติบโตที่นี่ เรียนหนังสืออยู่ในพื้นที่ โรงเรียนประจำอำเภอ มีการใช้บริการรถไฟมาแต่ก่อน พูดง่ายๆ ผมเห็นสวนสนและรถไฟมาตั้งแต่เกิด ตรงนี้ต้องชื่นชมไปถึงผู้บริหารประเทศเลยว่ามีวิสัยทัศน์ มองการณ์ไกลว่ารถไฟจะต้องพัฒนาไปในแนวทางไหน ก็ดีใจที่มีการเปลี่ยนแปลงตามที่เราคาดหวังไว้ ในทางเจริญรุ่งเรืองขึ้น มีการปรับปรุงอาคารให้สวยงามแต่ยังคงมีอัตลักษณ์อยู่ เป็นความใหม่แต่เก่า”
พรชัย หนูสิทธิ์
นายสถานีรถไฟหัวหิน
“หอโหวดเป็นเพียงจุดเริ่มต้น แต่หลังจากนี้คือกลไกที่เทศบาลต้องทำงานร่วมกับภาคประชาชนและนักวิชาการ ในการกำหนดทิศทางเมืองให้ร้อยเอ็ดพร้อมรับการท่องเที่ยว และทำให้เมืองมีความน่าอยู่ สำหรับผู้คนในเมืองพร้อมกันไปด้วย” “เราเกิดที่ร้อยเอ็ด เรียนมัธยมที่นี่ ก่อนไปเรียนระดับมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ ก่อนหน้านี้ สักเกือบ 10 ปีที่แล้ว เราไม่เคยมีความคิดจะกลับมาทำงานที่บ้านเกิดเลยนะ เพราะไม่เห็นโอกาสอะไรในชีวิตในภาพจำเดิมของเรา ร้อยเอ็ดเป็นเมืองผ่าน ไม่มีสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อ ไม่มีแหล่งธรรมชาติสวยๆ…
ชวนอ่าน เบื้องหลังแนวคิดการขับเคลื่อนงานพัฒนาเมืองด้วยงานวิจัย องค์ความรู้ และนวัตกรรม ความร่วมมือ และบูรณการระหว่าง บพท. และสมาคมเทศบาลนครและเมือง ก่อเกิดโครงการ "โปรแกรมบ่มเพาะและเร่งรัดกระบวนการเพื่อมุ่งสู่เมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด (CIAP) ดำเนินการระหว่างปีพ.ศ. 2567-2568 กับผู้นำเมือง และเทศบาล…
WeCitizens : ร้อยเอ็ดเมืองน่าอยู่อย่างชาญฉลาด (ฉบับที่ 1) เปิดความคิด ความหวัง และโอกาสของการพัฒนาเมืองร้อยเอ็ดที่รัก นำโดยนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด คุณบรรจง โฆษิตจิรนันท์ คณะทำงานเจ้าหน้าที่เทศบาล และหัวหน้าโครงการวิจัยร้อยเอ็ดเมืองน่าอยู่อย่างชาญฉลาด ผศ. ดร.ชัญญรินทร์…
ร้อยเอ็ดอยู่ห่างจาก ‘สะดืออีสาน’ พื้นที่ที่ถูกปักหมุดให้เป็นจุดศูนย์กลางของภาคอีสานในอำเภอโกสุมพิสัย มหาสารคาม เพียง 60 กิโลเมตร ในตำนานอุรังคธาตุ (ตำนานพระธาตุพนม) กล่าวว่า ‘สาเกตนครร้อยเอ็ดประตู’ (ชื่อเดิม) เมืองนี้ มีประตูเท่าจำนวนเมืองขึ้น ‘ร้อยเอ็ดเมือง’ สะท้อนให้เห็นความรุ่งเรืองจากการเป็นศูนย์กลางอำนาจและการคมนาคมของภูมิภาคมาตั้งแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ 21อีกทั้ง ส่วนหนึ่งของพื้นที่ยังเป็นที่ตั้งของทุ่งกุลาร้องไห้ ที่ราบขนาดใหญ่กว่า 2 ล้านไร่ ทำให้ในเวลาต่อมา ร้อยเอ็ดจึงเป็นอู่ข้าวที่ผลิตข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาที่ใหญ่ และมีผลิตผลที่ดีที่สุดในโลก แม้มีภูมิหลังที่รุ่งเรือง กระนั้น ตลอดหลายทศวรรษหลัง…
สนทนากับ ผศ.ดร.ชัญญรินทร์ สมพรหัวหน้าโครงการวิจัยเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด ‘ร้อยเอ็ด’, สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด “พื้นที่นี้จะเป็นเหมือนตัวกลางในการสร้างความพร้อมให้คนร้อยเอ็ดสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในอนาคต” ผศ. ดร.ชัญญรินทร์ สมพร รองผู้อํานวยการสํานักส่งเสริมวิชาการและจัดการเรียนรู้ตลอดชีวิต มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด และหัวหน้าโครงการวิจัย "โครงการเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด ร้อยเอ็ดคนดี เชื่อมโยงโครงข่ายเศรษฐกิจ ด้วยการเดินบนความปลอดภัยและทันสมัย…
"เราให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงเศรษฐกิจให้ร้อยเอ็ดเป็นทางเลือกใหม่ของตลาด MICE ที่ราคาย่อมเยา เดินทางสะดวก และมีอัตลักษณ์" เริ่มจากความคับข้องใจที่เห็นบ้านเกิดของตัวเอง (ร้อยเอ็ด) เป็นเมืองผ่านที่มักถูกมองข้าม เมื่อ บรรจง โฆษิตจิรนันท์ เข้ารับตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองร้อยเอ็ด เมื่อปี 2538 เขาจึงเริ่มโครงการพัฒนาเมือง ไปพร้อมกับการดึงเสน่ห์จากศิลปวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ ดึงดูดให้ผู้คนมาเที่ยว…