“พวกป้าทำงานแบบนี้มาสี่สิบกว่าปีแล้ว ไม่เบื่อหรอก เพลินดี ทำงานกับพระแล้วมีสมาธิ มีความสุข”

ป้ายับ (พยับ สิงห์ราม) ทำงานที่นี่มา 40 กว่าปีแล้ว มาทีหลังป้าเล็ก (ทับทิม พัดจั่น) ที่มาทำงานก่อนหลายปี ตอนนั้นเรียนจบมาแล้วว่างงาน โรงหล่อพระบูรณะไทยของจ่าทวีเขากำลังหาคนงานโรงหล่อพระอยู่ ก็เลยมาสมัคร สมัยก่อนจ่าทวีแกสอนงานป้าเล็กเองเลย ป้าได้ค่าแรงวันละ 9 บาท ส่วนป้าเล็กมีประสบการณ์จะได้วันละ 15 บาท เดือนนึงป้าจะได้ประมาณเดือนละ 270 บาท สมัยนั้นทองบาทละ 400 บาท

หน้าที่ของป้าสองคนคือการตบแต่งหุ่นขี้ผึ้งสำหรับทำเป็นโมลด์ไว้หล่อพระ ก็เริ่มตั้งแต่ขึ้นรูปด้วยดินเหนียวตามขนาดที่ต้องการ ถอดพิมพ์ และสร้างเป็นขี้ผึ้ง ตบแต่งรายละเอียดของพระพุทธรูปให้เรียบร้อยตั้งแต่กระบวนการขี้ผึ้ง ก่อนจะทำพิมพ์ยางส่งให้แผนกอื่นนำไปหล่อ เอาว่าทุกแผนกจะต้องรอพิมพ์ยางจากพวกป้าก่อน ถึงค่อยจะทำต่อได้ พิมพ์นึงก็หล่อได้เป็นร้อยเป็นพันองค์เลย ขึ้นอยู่กับออร์เดอร์ แต่ถ้าเป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ๆ แบบพระประธานในวัดนี่เขาจะไม่ใช้พิมพ์ จะขึ้นใหม่ทีละองค์เลย

ถึงพวกป้าอยู่กันมาเกินสี่สิบปีแล้ว เป็นพนักงานรุ่นสอง แต่พวกป้าก็ยังทันสมัยที่โรงหล่อของเราส่งพระให้วัดใหญ่ (วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร) อยู่ จนไม่ได้ส่งวัดใหญ่แล้ว ลูกค้าเราทุกวันนี้จะเป็นร้านขายพระพุทธรูปในกรุงเทพฯ และวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งโรงหล่อเราก็ทำทุกขั้นตอนตั้งแต่สร้างจนปลุกเสกส่งให้เลย 

ถามว่าทำมากี่รุ่นแล้ว (หัวเราะ) ใครจะไปนับ เอาว่าป้าทำมาทุกปางแล้วล่ะกัน โรงหล่อแห่งนี้เป็นเจ้าแรกของพิษณุโลก และก็ยังได้ชื่อว่าเป็นโรงหล่อที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ วัดส่วนใหญ่ก็ใช้เราทำ เอาว่าเยอะมากจนนับไม่ไหวหรอก แต่ถ้าจำได้ดีหน่อยคือสมัยที่ป้ามาใหม่ๆ (ป้ายับ) ได้ทำพระพุทธชินราช รุ่นมาลาเบี่ยงให้วัดบางมดและวัดพุทธบูชา ที่จำได้ดี เพราะป้าปั้นพระเป็นก็รุ่นนั้น สมัยนั้นออร์เดอร์เยอะมากเลยนะ พนักงานเรามีเยอะถึง 300 คนเลย

ทุกวันนี้หรอ เหลือประมาณ 20 กว่าคนได้ เพราะโรงหล่อพระผุดขึ้นเยอะ ส่วนหนึ่งก็เคยทำงานกับเราที่นี่แหละ แล้วก็ออกไปทำของตัวเอง ซึ่งลุงจ่าใจดีมากเลย แกก็สอนทุกคนให้เป็นหมด พอออกไปทำของตัวเอง แกก็ไม่ว่าอะไร

ทุกวันนี้ลุงจ่าไม่ได้ทำแล้ว แกอายุ 90 กว่าแล้วน่ะ เป็นคุณไก่ (ธรรมสถิตย์ บูรณเขตต์) ลูกชายของลุงจ่ามาบริหารงานต่อ ก็ดูทั้งโรงหล่อ และพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านจ่าทวีที่สร้างขึ้นทีหลังด้วย

ส่วนพวกป้าก็อยู่กันสองคนตรงนี้ทุกวัน เราไม่มีวันหยุดหรอก หยุดก็ไม่รู้จะทำอะไร แต่ถ้ามีธุระเขาก็ให้หยุดได้ ก็เข้างาน 8 โมงเช้า ก่อไฟ ตั้งขี้ผึ้ง ทำความสะอาดพื้นที่ และเตรียมเครื่องดื่มเพื่อขายให้แขกที่มาเที่ยวชมโรงหล่อ พอสายๆ เราก็ปั้นขี้ผึ้งด้วยกันจน 5 โมงเย็น เป็นแบบนี้มาสี่สิบกว่าปีแล้ว ไม่เบื่อหรอก เพลินดี ทำงานกับพระแล้วมีสมาธิ มีความสุข 

ถามว่ามีคนรุ่นใหม่มาทำไหม ไม่มีแล้วนะ เข้าใจได้ว่างานแบบนี้มันไม่ได้นั่งห้องแอร์น่ะ มีคนหนุ่มสาวกว่าพวกป้าทำอยู่ แต่ก็ไม่ใช่วัยรุ่นแบบรุ่นลูกอะไรแบบนี้ หมดรุ่นพวกเขาไป ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ายังไงต่อ”

ทับทิม พัดจั่น และพยับ สิงห์ราม
ช่างหล่อพระประจำโรงหล่อพระบูรณะไทย (จ่าทวี)
http://www.jathawee.com/ 

กองบรรณาธิการ

Recent Posts

อ่านเสียงแก่งคอย เสียงของเมืองที่ก้าวข้ามบาดแผลประวัติศาสตร์มาสู่เมืองแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต

WeCitizens ชวนผู้อ่านเรียนรู้เมืองแก่งคอย เมืองประวัติศาสตร์ที่มีบาดแผลจากสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ในวันนี้ แก่งคอยเปลี่ยนบาดแผลแห่งประวัติศาสตร์เป็นเมืองแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตอ่านความคิด วิถีชีวิตผู้คนแก่งคอยได้ที่ WeCitizens : เสียงแก่งคอย, สระบุรี - WeCitizens Flip PDF…

1 year ago

ฟังเสียงนครสวรรค์ เมืองศูนย์กลางแห่งภาคเหนือตอนล่างและภาคกลางตอนบน

WeCitizens ชวนผู้อ่านเดินทางไปจังหวัดนครสวรรค์ เมืองที่อยู่กึ่งกลางระหว่างภาคเหนือและภาคกลาง เมืองที่เป็นจุดเปลี่ยนถ่ายการเดินทางทางน้ำในอดีต นครสวรรค์จึงเป็นเมืองสำคัญอีกเมืองหนึ่งในฐานะของเมืองที่เป็นศูนย์กลาง (Hub) ทั้งด้านการค้า การคมนาคม และนำมาซึ่งความหลากหลายทางวัฒนธรรมของผู้คนหลากหลายกลุ่ม โดยเฉพาะชาวจีนโพ้นทะเล E-book ฉบับเสียงนครสวรรค์ฉบับนี้ จะพาผู้อ่านทุกคนไปเรียนรู้วิถีชีวิตของชาวนครสวรรค์ วัฒนธรรมชาวจีนและเทศกาลตรุษจีนที่มีชื่อเสียงโด่งดังในระดับประเทศและนานาชาติ และไปฟังเสียงผู้คนชาวนครสวรรค์ที่มองบ้านเมืองของตนเองตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน…

1 year ago

แก่งคอย…ย้อนรอยสงครามโลกเปลี่ยนบาดแผลประวัติศาสตร์สู่เมืองเรียนรู้ตลอดชีวิต

นอกจากจะถูกจดจำจากเพลงดังที่มีชื่อเดียวกับชื่ออำเภอของ ก้าน แก้วสุพรรณ และเพลงฮิตของคาราบาว ซึ่งสื่อถึงที่มาของชื่อ ‘แก่งคอย’ อย่าง ‘แร้งคอย’ หากไม่ใช่คนในพื้นที่ อาจนึกภาพไม่ออกว่าอำเภอของจังหวัดสระบุรีที่เป็นปากทางขึ้นอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่และประตูสู่ภาคอีสาน มีความสำคัญอย่างไร? ไม่เพียงเป็นเมืองท่าที่สำคัญในการขนส่งสินค้าผ่านแม่น้ำป่าสักและทางรถไฟ อำเภอแก่งคอย ยังเป็นจุดเริ่มต้น (ต่อจากอำเภอเมืองสระบุรี)…

1 year ago

ขอนแก่นโมเดล
The Legacy of City Development

เพราะเมือง คือ ผู้คน และผู้คน คือ ตัวแปรสำคัญที่สุดในการพัฒนาเมือง ความเจริญงอกงามทางวัฒนธรรมหรือการเติบโตทางเศรษฐกิจ และมาตรฐานคุณภาพชีวิต จึงขึ้นอยู่กับศักยภาพ ความสามารถ และความร่วมมือร่วมใจของคนในเมืองเป็นฐานสำคัญ กว่าทศวรรษที่ ‘ขอนแก่นโมเดล’ เป็นโมเดลการพัฒนาเมืองที่ได้รับการยอมรับ และพูดถึงในฐานะแนวคิดและปฏิบัติการการพัฒนาเมืองที่ก้าวหน้ามากที่สุด…

1 year ago

“ขอนแก่นเราไม่ใช่เป็นเมืองที่นั่งรอคนเข้ามาทำนู่นนี่ให้”

เมืองขอนแก่น ผู้คน กับการเรียนรู้เพื่อก้าวต่อไป           ไม่มีภูเขา ไม่มีแม่น้ำสายใหญ่ อยู่ไกลโพ้นจากชายทะเล แหล่งท่องเที่ยวมีชื่อ หรือทรัพยากรธรรมชาติสำคัญก็น้อยนิด แต่มีคนที่เอาจริงเอาจังกับการพัฒนาเมืองกลุ่มใหญ่ที่กล้าคิดกล้าฝัน พยายามทำทุกลู่ให้ความหวังเป็นจริงได้ นี่คือปัจจัยที่ทำให้ช่วงเวลาเพียงกึงศตวรรษนำพาเมืองขอนแก่น เติบโตได้อย่างก้าวกระโดด  ‘ผู้คน และความร่วมมือ…

1 year ago

“สำนึกรักท้องถิ่น ถือเป็นหัวใจสำคัญของจิตสำนึกของคนขอนแก่น”

“เมื่อพูดถึงเรื่องเมืองแห่งการเรียนรู้ หรือ Learning City ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่รับผิดชอบของเทศบาลนครขอนแก่น เราดำเนินงานตามวิสัยทัศน์ที่ว่า ‘พัฒนาเมืองสู่สากล สร้างสังคมแห่งความสุข’ การที่เมืองจะพัฒนาได้และสร้างสังคมที่เป็นสุข ต้องเริ่มที่ ‘คน’ คนที่เป็นกำลังสำคัญในการร่วมกันพัฒนาเมือง ยกตัวอย่างในกรณีที่เปรียบเทียบง่าย ๆ เช่น ถ้าเราจะพัฒนาขอนแก่นเป็นเมือง…

1 year ago