“หลังเรียนจบ เราไปทำงานที่ฮ่องกงมาเกือบ 6 ปี จนอากงป่วยหนัก เลยตัดสินใจกลับบ้าน ครอบครัวเราเปิดร้าน ‘ท่งเฮงกี่’ ขายกุนเชียง หมูหยอง หมูแผ่น หมูสวรรค์ ซึ่งเปิดในย่านสบตุ๋ยของเมืองลำปางมา 80 กว่าปีแล้ว สมัยตั้งแต่รุ่นคุณทวดท่านย้ายมาจากซัวเถา ความที่สมัยเด็กๆ เราช่วยงานเตี่ย จึงรู้กรรมวิธีทั้งหมด พออากงเสียชีวิต เราก็เลยมาสานต่อธุรกิจเต็มรูปแบบร่วมกับเตี่ย โดยเราเป็นรุ่นที่ 4 ของร้าน
แม้ว่าเป็นธุรกิจขายของฝากดั้งเดิมที่หลายคนมองว่าติดตลาดไปแล้ว แต่ครอบครัวเราก็เห็นตรงกันว่า ถ้าปล่อยให้เตี่ยทำลำพังนี่อาจไม่ไหว เพราะแกก็ไม่ทันกับเทคโนโลยี จำเป็นต้องมีคนรุ่นใหม่อย่างเรามาช่วยเรื่องการตลาด การออกแบบ รวมถึงการขายออนไลน์ที่เป็นตลาดใหม่ ซึ่งทางออนไลน์ก็กลายเป็นตลาดใหม่ที่ช่วยร้านเราได้เยอะมาก
ไม่ได้เสียดายที่ต้องกลับมาอยู่บ้านเลยค่ะ เพราะคิดว่าอย่างไรเสีย เราก็จะต้องกลับมาช่วยธุรกิจที่บ้านอยู่แล้ว ตอนแรกเราคิดจะกลับมาเปิดบริษัทท่องเที่ยวด้วย เลยสมัครคอร์สด้านการจัดการธุรกิจท่องเที่ยวที่มหาวิทยาลัยสวนดุสิต แล้วก็ไปเรียนเป็นมัคคุเทศก์ จนเข้าวงการได้รู้จักคนนั้นคนนี้ในลำปาง รวมถึงหอการค้า ไปๆ มาๆ จากที่ตั้งใจทำธุรกิจท่องเที่ยว กลายเป็นว่าเราหันมาทำงานด้านสังคม (สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวฯ และสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฯ – ผู้เรียบเรียง) ควบคู่ไปกับบริหารร้านอย่างเต็มตัวแทนเสียอย่างนั้น (หัวเราะ)
เรามองว่าถ้าเราทำงานด้านสังคมที่มีส่วนกระตุ้นเศรษฐกิจให้แก่เมือง ผลสะท้อนมันก็จะกลับมาที่ธุรกิจของเราอยู่ดี ไม่ว่าจะในแง่มุมของการท่องเที่ยว การค้า หรือการทำให้เมืองมีความน่าอยู่ ถ้าทำให้ลำปางมีศักยภาพดีขึ้นได้ ร้านเรา รวมถึงธุรกิจอื่นๆ ในเมืองก็จะดีขึ้นตาม โดยเราโฟกัสไปที่สองส่วนหลักๆ คือเชื่อมโยงผู้ประกอบการไปสู่ตลาดใหม่ๆ ผ่านการออกงานแสดงสินค้าระดับประเทศและนานาชาติ และการทำกิจกรรมที่ดึงดูดให้คนมาเที่ยวลำปางเยอะๆ อย่างงานวิ่งเทรลประจำปีที่ดอยฟ้างาม อำเภอแจ้ห่ม ก็เป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่ทำให้คนจากที่อื่นได้ทราบว่าลำปางก็มีเส้นทางเทรลดีๆ ด้วยเช่นกัน
หรือพอได้ทราบว่าที่มหาวิทยาลัยสวนดุสิตทำโครงการเมืองแห่งการเรียนรู้ เราก็คิดว่าสิ่งนี้จะช่วยเมืองเราได้มาก เพราะไม่ว่าคุณจะพัฒนาเมืองไปทิศทางไหน หัวใจสำคัญมันต้องถูกขับเคลื่อนด้วยองค์ความรู้และการสร้างบรรยากาศของการเรียนรู้ให้กับคนในเมือง
ก็พอดีกับที่ร้านท่งเฮงกี่เราอยู่ในย่านสบตุ๋ย ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่โครงการจัดกิจกรรม จึงเป็นโอกาสอันดีที่จะได้เรียนรู้ย่านไปพร้อมกับหาวิธีเชื่อมองค์ความรู้นั้นไปสู่การยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในเมือง หนึ่งในกิจกรรมที่เรามีส่วนร่วม คือการจัดงานนั่งรถม้าจิบชาย้อนวันวานในย่านสบตุ๋ย เป็นการชวนผู้ประกอบการ ตัวแทนจากภาครัฐ และชาวลำปางมานั่งรถม้าชมเมือง แล้วไปจิบชาพูดคุยเรื่องแนวทางการพัฒนาเมืองกันที่บ้านพระยาสุเรนทร์ ซึ่งก็สอดคล้องกับโครงการที่เราอยากจะผลักดันให้ลำปางมีงานตรุษจีนในย่านสบตุ๋ยอยู่แล้วด้วย
ในแง่มุมของการท่องเที่ยว เราพยายามบอกทุกคนว่าลำปางไม่ใช่เมืองผ่าน เรามีทรัพยากรการท่องเที่ยวที่ยูนีคไม่เหมือนที่ไหน เพียงแต่ที่ผ่านมาเรายังขาดการเชื่อมร้อยทรัพยากรเหล่านี้เข้าด้วยกัน ซึ่งในบทบาทของเราก็พยายามจะเชื่อมโยงผู้ประกอบการด้านต่างๆ เข้าด้วยกัน รวมถึงดึงให้รัฐมาสนับสนุนกิจกรรมในเมืองมากกว่านี้ รวมถึงคนรุ่นใหม่ที่นำความคิดสร้างสรรค์มาพัฒนารูปแบบการท่องเที่ยวของเมือง เราเชื่อว่าลำปางมีศักยภาพมากๆ แต่มันไม่อาจจะพัฒนาไปได้ ถ้าไม่มีการร่วมมือทั้งจากรัฐกับเอกชน และคนรุ่นก่อนหน้ากับคนรุ่นใหม่ค่ะ”
วลีย์รัตน์ วิภาศรีนิมิตร ไลนส์
เจ้าของร้านท่งเฮงกี่
นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวเมืองเขลางค์นคร
และประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดลำปาง
ชวนอ่าน WeCitizens เมืองเชียงราย : เมืองนวัตกรรมการเกษตร Ebook ได้ที่ https://anyflip.com/jnmvd/iyvl/ Download PDF File : https://drive.google.com/.../1mQO8ZR9GTik02hfUPdS.../view... บอกเล่าเรื่องราวมุมมองเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด (Livable…
คนนครวัย 30 ปีขึ้นไปน่าจะคุ้นกับร้านหนังสือ “นาคร-บวรรัตน์” บนถนนราชดำเนิน ย่านท่าวัง ที่นี่คือร้านหนังสืออิสระที่เป็นพื้นที่จัดกิจกรรมอ่าน-เขียน และแสดงผลงานศิลปะ รวมถึงเป็นศูนย์รวมของนักเขียนและศิลปิน ทั้งจากกลุ่มวรรณกรรม “นาคร” เหล่านักเขียนรางวัล และศิลปินแห่งชาติที่แวะเวียนมาอยู่เสมอ จนกลายเป็นแรงขับสำคัญที่ทำให้เมืองนครมีชื่อในฐานะเมืองแห่งนักเขียนและศิลปิน อดีตร้านหนังสือแห่งนี้ตั้งอยู่ภายใน…
สมัยก่อนพ่อเป็นนายหนังตะลุงที่หวงวิชามากจนมีโอกาสเข้าเฝ้าในหลวง ร.9คำตรัสของพระองค์ท่าน เปลี่ยนความคิดพ่อไปอย่างสิ้นเชิง “สมัยก่อน นายหนังหรือผู้แสดงหลักในหนังตะลุง ส่วนใหญ่เขาจะหวงวิชามากนะครับ มันเหมือนศิลปะการแสดงที่ถ่ายทอดกันอย่างจำกัด และนายหนังแต่ละคนก็จะมีศาสตร์เฉพาะตัวในการแสดงเช่นเดียวกับคุณพ่อของผม (สุชาติ ทรัพย์สิน) แกก็เป็นคนหวงวิชามาก ๆ ใครมาขอให้สอนตอกหนังหรือเชิดหุ่นนี่ยาก กระทั่งปี 2527…
เมืองเรามีสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีความพร้อม แต่พื้นที่ระดับชุมชนที่ชาวบ้านได้มาจัดกิจกรรมร่วมกัน แบบที่ไม่ต้องใช้พื้นที่ถนนสาธารณะน่ะ ยังไม่มี ถ้ามีจะดีมาก ๆ “ครอบครัวพี่แต่เดิมเป็นชาวนาอยู่นอกเขตเทศบาล กระทั่งพี่ชายและพี่สาวสอบติดโรงเรียนกัลยาณีศรีธรรมราช แม่ก็เลยตัดสินใจย้ายเข้ามาทำงานในเมืองแม่มาปลูกบ้านอยู่แถวถนนพัฒนาการคูขวางราวปี 2521 ก่อนหน้าที่เขาจะตัดถนนเป็น 4 เลน ย่านที่เราอยู่ค่อนข้างเสื่อมโทรม เหมือนขยะใต้พรมของเมือง…
การจะทำให้เมืองเราเป็นเมืองอัจฉริยะปัจจัยสำคัญที่ต้องมีคือการมีโรงเรียนที่ตอบโจทย์การศึกษาด้านเทคโนโลยี “เวลาพูดถึงโรงเรียนในสังกัดเทศบาล หรือกระทั่งโรงเรียนวัดเนี่ย คนส่วนมากมักนึกถึงการเป็นโรงเรียนขยายโอกาส หรือทางเลือกสุดท้าย ไม่ใช่ทางเลือกหลักของผู้ปกครองส่วนใหญ่นักอย่างไรก็ตาม กับโรงเรียนทั้ง 8 แห่งในสังกัดเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นโรงเรียนวัดทั้งหมดด้วย กลับแตกต่างออกไป เพราะที่นี่กลายเป็นโรงเรียนที่เด็ก ๆ ในนครต้องสอบแข่งขันเพื่อเข้าเรียน กลายเป็นโรงเรียนชั้นนำในกลุ่มปฐมวัยไปสิ่งนี้ต้องยกเครดิตให้นายกเทศมนตรีสมนึก…
แม้เราจะพึ่งพาเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือหลักแต่แก่นสารของมันคือการคิดนโยบายที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้คนหัวใจสำคัญจึงไม่ใช่เทคโนโลยี แต่เป็นผู้คน “หลังเรียนจบผมก็กลับมานครบ้านเกิด เข้าทำงานเป็นลูกจ้างเทศบาล ก่อนจะไต่เต้าขึ้นมาเรื่อย ๆ จนเป็นเจ้าหน้าที่วิเคราะห์แผนและนโยบายในปัจจุบันสี่ปีที่แล้ว ตอน ดร.โจ (กณพ เกตุชาติ) หาเสียงเพื่อรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราชสมัยแรก ท่านได้เสนอนโยบายเรื่องเมืองอัจฉริยะด้วยการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อทำให้เมืองน่าอยู่ พอท่านได้รับเลือกเข้ามา บทบาทของผมคือการช่วยท่านเขียนแผนดังกล่าวผมได้เรียนรู้จาก…