“คำว่าคนจีนโพ้นทะเล หมายถึงชาวจีนที่เราหลายคนได้ยินมาตั้งแต่เด็กว่าพวกเขาหอบเสื่อหนึ่งผืนและหมอนอีกหนึ่งใบออกจากบ้านเกิดเพื่อมาแสวงโชคต่างแดน คำนี้ยังเชื่อมโยงกับการต้องเดินทางด้วยเรือไปยังที่ต่างๆ ผ่านทะเล หรือแม่น้ำ เพื่อจะได้พบสถานที่ในการตั้งรกรากแห่งใหม่
สมัยก่อนการเดินเรือไม่ได้ปลอดภัย ไหนจะคลื่นลม ภัยพิบัติ ไปจนถึงโจรสลัด คนจีนที่ออกเดินทางจึงมักหาเครื่องยึดเหนี่ยวด้วยการอัญเชิญเจ้าพ่อเจ้าแม่และทวยเทพต่างๆ มาสถิตยังศาลเจ้าตามเมืองต่างๆ ที่พวกเขาต้องเดินเรือ เพื่อจะได้กราบไหว้ขอพรให้แคล้วคลาดปลอดภัยในการเดินทางหรือบันดาลให้การค้าเจริญรุ่งเรือง เราจึงเห็นว่าศาลเจ้าจีนหลายแห่งมักอยู่ริมแม่น้ำ รวมถึงศาลเจ้าปุงเถ่ากง ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำปิง ติดกับกาดต้นลำไย ย่านไชน่าทาวน์ของเมืองเชียงใหม่แห่งนี้ ก็เช่นกัน
‘ปุงเถ่ากง’ เป็นภาษาแต้จิ๋ว แปลว่า ‘ชุมชนดั้งเดิม’ ศาลเจ้าปุงเถ่ากงแห่งนี้จึงมีนัยของการเป็นที่สถิตของเทพเจ้าที่คุ้มครองรักษาชุมชนดั้งเดิมแห่งนี้ไว้ บนไม้อกไก่บริเวณหลังคาของศาลเจ้า สลักตัวเลข 2416 ไว้ ซึ่งนั่นคือปี พ.ศ. ที่ศาลเจ้าแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นจากแรงศรัทธาของผู้คนในยุคนั้น ที่นี่ไม่เพียงเป็นศาลเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดของเมือง แต่ยังเป็นศาลที่ผูกพันกับประวัติศาสตร์เมืองจริงๆ เพราะกระทั่งในวาระครบ 700 ปีเมืองเชียงใหม่ ก็ยังเป็นฤกษ์งามยามดีที่ศาลเจ้าแห่งนี้ได้รับการบูรณะครั้งใหญ่ไปพร้อมกัน
เมื่อก่อนศาลเจ้าจะอยู่ในซอยโดยมีตึกแถวฝั่งถนนไปรษณีย์กั้นอยู่ คุณพ่อผม วิบูลย์ โตวิวัฒน์ ที่ดำรงตำแหน่งประธานศาลเจ้าปุงเถ่ากงและประธานมูลนิธิส่งเสริมปุงเถ่ากง เชียงใหม่ เป็นคนรวบรวมเงินซื้อตึกแถวบริเวณนั้น เพื่อต่อเติมศาลเจ้าให้เชื่อมกับถนนไปรษณีย์ และเปิดพื้นที่ด้านหน้าออกสู่แม่น้ำปิง เป็นที่สะดวกแก่คนที่มาสักการะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงค่ำคืนก่อนวันตรุษจีนที่มีคนไทยเชื้อสายจีนมาถวายเครื่องเซ่นไหว้หนาแน่นเป็นพิเศษ เรียกได้ว่าคนเชื้อจีนแทบทุกคนในตัวเมืองเชียงใหม่จะทยอยมาที่นี่ไม่ขาดสาย รวมถึงในช่วงเทศกาลกินเจปลายปี ที่เราจะจัดงานไปจนถึงพื้นที่สวนน้ำปิงฝั่งตรงข้าม และตลอดถนนวิชยานนท์ มีการออกร้าน จัดเวทีการแสดงงิ้ว บรรยากาศคึกคักและเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ซึ่งนอกจากที่คนเชียงใหม่จะมาสักการะองค์ปุงเถ่ากง-ปุงเถ่าม่า รวมถึง ทีตี่แป่บ้อ (เทพยดาฟ้าดิน) กวนอิมเนี่ยเนี้ย (เจ้าแม่กวนอิม) และ ไช้ซิ้งเหล่าเอี้ย (เทพเจ้าโชคลาภ) ความที่ศาลเจ้าแห่งนี้ผูกพันกับคนเชียงใหม่หลายต่อหลายรุ่น อีกทั้งยังเป็นสถานที่อันเกิดจากแรงศรัทธาและความร่วมแรงร่วมใจของผู้คนในอดีตในการก่อร่างสร้างขึ้นมา การที่คุณมาสักการะเทพเจ้าที่นี่ จึงยังหมายรวมถึงการรำลึกถึงบรรพบุรุษผู้มาลงหลักปักฐานและมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของเมืองเช่นทุกวันนี้ รวมถึงการได้โอกาสกลับมาพบปะเพื่อนฝูง ญาติพี่น้องที่อาจแยกย้ายไปอยู่คนละบ้าน ซึ่งต่างมาไหว้เจ้าเหมือนกัน ศาลเจ้าของเราจึงมีความเป็นศูนย์กลางของชาวไทยเชื้อสายจีนไปโดยปริยาย”
///
ไพศาล โตวิวัฒน์
รองประธานมูลนิธิส่งเสริมปุงเถ่ากงเชียงใหม่
“เมืองอาหารปลอดภัยไม่ได้ให้ประโยชน์แค่เฉพาะผู้คนในเขตเทศบาลฯแต่มันสามารถเป็นต้นแบบให้เมืองอื่น ๆ ที่อยากส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้คนได้เช่นกัน” “งานประชุมนานาชาติของสมาคมพืชสวนโลก (AIPH Spring Meeting Green City Conference 2025) ที่เชียงรายเป็นเจ้าภาพเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา เน้นย้ำถึงทิศทางการพัฒนาเมืองสีเขียว…
“ทั้งพื้นที่การเรียนรู้ นโยบายเมืองอาหารปลอดภัย และโรงเรียนสำหรับผู้สูงวัยคือสารตั้งต้นที่จะทำให้เชียงรายเป็นเมืองแห่งสุขภาพ (Wellness City)” “กล่าวอย่างรวบรัด ภารกิจของกองการแพทย์ เทศบาลนครเชียงราย คือการทำให้ประชาชนไม่เจ็บป่วย หรือถ้าป่วยแล้วก็ต้องมีกระบวนการรักษาที่เหมาะสม ครบวงจร ที่นี่เราจึงมีครบทั้งงานส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค การรักษาเมื่อเจ็บป่วย และระบบดูแลต่อเนื่องถึงบ้าน…
“การจะพัฒนาเมือง ไม่ใช่แค่เรื่องสาธารณูปโภคแต่ต้องพุ่งเป้าไปที่พัฒนาคนและไม่มีเครื่องมือไหนจะพัฒนาคนได้ดีไปกว่า การศึกษา” “แม้เทศบาลนครเชียงรายจะเป็นเมืองแห่งการเรียนรู้ของยูเนสโกแห่งแรกของไทยในปี 2562 แต่การเตรียมเมืองเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ว่านี้ เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นหลายสิบปี ในอดีต เชียงรายเป็นเมืองที่ห่างไกลความเจริญ ทางเทศบาลฯ เล็งเห็นว่าการจะพัฒนาเมือง ไม่สามารถทำได้แค่การทำให้เมืองมีสาธารณูปโภคครบ แต่ต้องพัฒนาผู้คนที่เป็นหัวใจสำคัญของเมือง และไม่มีเครื่องมือไหนจะพัฒนาคนได้ดีไปกว่า ‘การศึกษา’…
“ถ้าอาหารปลอดภัยเป็นทางเลือกหลักของผู้บริโภคเชียงรายจะเป็นเมืองที่น่าอยู่กว่านี้อีกเยอะ” “นอกจากบทบาทของการพัฒนาชุมชนและสังคมสงเคราะห์ กองสวัสดิการสังคม เทศบาลนครเชียงราย ยังมีกลไกในการส่งเสริมเศรษฐกิจของพี่น้อง 65 ชุมชน ภายในเขตเทศบาลฯ โดยกลไกนี้ครอบคลุมการส่งเสริมสุขภาพ และช่วยดูแลสิ่งแวดล้อมในทางอ้อมด้วยกลไกที่ว่าคือ ‘สหกรณ์นครเชียงราย’ โดยสหกรณ์ฯ นี้เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2560 หลักเราคือการสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชน…
“แม่อยากปลูกผักปลอดภัยให้ตัวเองและคนในเมืองกินไม่ใช่ปลูกผักเพื่อส่งขาย แต่คนปลูกไม่กล้ากินเอง” “บ้านป่างิ้ว ตั้งอยู่ละแวกสวนสาธารณะหาดนครเชียงราย เราและชุมชนฮ่องลี่ที่อยู่ข้างเคียงเป็นชุมชนเกษตรที่ปลูกพริก ปลูกผักไปขายตามตลาดมาแต่ไหนแต่ไร กระทั่งราวปี 2548 สำนักงานเกษตรอำเภอเมืองเชียงราย มาส่งเสริมให้ทำเกษตรปลอดภัย คนในชุมชนก็เห็นด้วย เพราะอยากทำให้สิ่งที่เราปลูกมันกินได้จริง ๆ ไม่ใช่ว่าเกษตรกรปลูกแล้วส่งขาย แต่ไม่กล้าเก็บไว้กินเองเพราะกลัวยาฆ่าแมลงที่ตัวเองใส่…
“วิวเมืองเชียงรายจากสกายวอล์กสวยมาก ๆขณะที่ผืนป่าชุมชนของที่นี่ก็มีความอุดมสมบูรณ์จนไม่น่าเชื่อว่านี่คือป่าที่อยู่ในตัวเมืองเชียงราย” “ก่อนหน้านี้เราเป็นพนักงานบริษัทเอกชนที่ต่างจังหวัด จนเทศบาลนครเชียงรายเขาเปิดสกายวอล์กที่ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนดอยสะเก็น และหาพนักงานนำชม เราก็เลยกลับมาสมัคร เพราะจะได้กลับมาอยู่บ้านด้วย ตรงนี้มีหอคอยชมวิวอยู่แล้ว แต่เทศบาลฯ อยากทำให้ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ก็เลยต่อขยายเป็นสกายวอล์กอย่างที่เห็น ซึ่งสุดปลายของมันยังอยู่ใกล้กับต้นยวนผึ้งเก่าแก่ที่มีผึ้งหลวงมาทำรังหลายร้อยรัง รวมถึงยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติบนภูเขา ในป่าชุมชนผืนนี้ จริง…