“ก๋งของยายเป็นคนจีนแต่เดิมแกอยู่กรุงเทพฯ ก่อนจะตามย่าล้อม-พี่สาวของก๋ง มาอยู่แก่งคอย ย่าล้อมแต่งงานกับนายอำเภอแก่งคอย และมีที่ดินเยอะ ความที่ย่าล้อมไม่มีลูก ก็เลยแบ่งให้พี่ๆ น้องๆ ก๋งก็ได้ที่ดินจากย่าล้อมมา
ก๋งมีลูก 3 คน โป๊ะ โภคสุพัฒน์ เป็นลูกชายคนโต และเป็นเตี่ยของยาย ฉนวน โภคสุพัฒน์ และนางบุตรจันทร์ อิ่มรังสี ทั้งสามคนนี้เป็นหุ้นส่วนของตลาดแก่งคอยในยุคนั้น โดยอาฉนวน น้องของก๋ง เขาทำโรงหนังแห่งแรกของเมือง ชื่อ ‘แก่งคอยรามา’ แต่ตอนนี้ปิดตัวไปหลายปีแล้ว
ยายเกิดที่ตำบลบ้านป่า อยู่กับคุณย่าที่ทำนาปีเลี้ยงชีพ พอโตขึ้นมา ย่าก็ส่งให้ยายมาเรียนในตัวเมืองแก่งคอย มานอนค้างกับพี่สาวบ้านอาฉนวนใกล้ๆ โรงหนังนี่แหละ สมัยนั้นยังไม่มีการตัดถนน รถราแทบไม่มี ก็ต้องนั่งเรือเป็นหลัก นั่งตั้งแต่ยังเป็นเรือกรรเชียงจนเปลี่ยนมาเป็นเรือติดเครื่องยนต์ สมัยนั้นถ้าจะไปไหนก็ต้องนั่งเรือไป คนแก่งคอยนิยมไปเรียนหนังสือที่อยุธยากันเยอะ เขาก็นั่งเรือกันไป แต่ถ้าจะไปกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่เขาก็นั่งเรือมาขึ้นที่ท่าน้ำแก่งคอย แล้วเดินต่อไปที่สถานีรถไฟ นั่งไปลงที่หัวลำโพง
ยายเรียนหนังสือไม่จบ ขึ้นมัธยมแล้วก็คิดถึงบ้าน เลยหนีกลับมาเสียก่อน ยายกลับไปทำนาจนสาว แต่งงานและมีลูกที่บ้านป่า จนสามียายเสีย ยายเลยไม่ทำนาต่อแล้ว ย้ายมาอยู่ในตัวเมืองแก่งคอยโดยไปขายก๋วยเตี๋ยวอยู่ในโรงงานกะรัต แล้วมานอนบ้านเตี่ยตรงท่าน้ำนี้ (ตลาดท่าน้ำแก่งคอย) บ้านเตี่ยอยู่หลังสุดท้ายของตลาด อยู่ติดแม่น้ำ สมัยก่อนตรงนี้คึกคัก เพราะเป็นท่าน้ำหลักของเมือง พ่อค้าแม่ค้าจากอำเภอต่างๆ เขาจะเอาสินค้ามาขึ้นฝั่งที่นี่ บางคนก็มาจอดเรือเพื่อรอระดับน้ำข้ามแก่งละแวกนี้ ที่ชื่อ ‘แก่งคอย’ ก็มาจากตรงนี้ เขามาคอยแก่งอยู่แถวนี้
ตอนที่ยายมาอยู่บ้านนี้ การเดินทางและขนส่งทางเรือหายไปเยอะ ถนนมิตรภาพสร้างเสร็จสักพักใหญ่แล้ว และรถราก็กลายเป็นพาหนะหลัก บ้านตรงนี้เลยเงียบหน่อย แต่ก็ยังมีการค้าขายกันคึกคักอยู่ แต่เดี๋ยวนี้เปลี่ยนไปเยอะ ซอยบ้านยายแทบไม่มีใครเปิดร้านแล้ว กระทั่งในตัวตลาดหน้าสถานีรถไฟก็เงียบลงไปเยอะ ก็เข้าใจได้ว่ายุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้วน่ะ จะให้ทำยังไงได้
ยายมีลูกสามคน ลูกสาวคนโตเขาอยู่กับสามีที่บ้านป่า เมื่อก่อนยายอยู่กับลูกคนเล็กที่บ้านหลังนี้ แต่เขาอายุสั้นกว่ายายก็เลยจากไปก่อน ทุกวันนี้ลูกคนกลางมาอยู่ด้วย”
คุณยายสดสี โภคสุพัฒน์
ชาวตลาดท่าน้ำแก่งคอย
ชวนอ่าน WeCitizens เมืองเชียงราย : เมืองนวัตกรรมการเกษตร Ebook ได้ที่ https://anyflip.com/jnmvd/iyvl/ Download PDF File : https://drive.google.com/.../1mQO8ZR9GTik02hfUPdS.../view... บอกเล่าเรื่องราวมุมมองเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด (Livable…
คนนครวัย 30 ปีขึ้นไปน่าจะคุ้นกับร้านหนังสือ “นาคร-บวรรัตน์” บนถนนราชดำเนิน ย่านท่าวัง ที่นี่คือร้านหนังสืออิสระที่เป็นพื้นที่จัดกิจกรรมอ่าน-เขียน และแสดงผลงานศิลปะ รวมถึงเป็นศูนย์รวมของนักเขียนและศิลปิน ทั้งจากกลุ่มวรรณกรรม “นาคร” เหล่านักเขียนรางวัล และศิลปินแห่งชาติที่แวะเวียนมาอยู่เสมอ จนกลายเป็นแรงขับสำคัญที่ทำให้เมืองนครมีชื่อในฐานะเมืองแห่งนักเขียนและศิลปิน อดีตร้านหนังสือแห่งนี้ตั้งอยู่ภายใน…
สมัยก่อนพ่อเป็นนายหนังตะลุงที่หวงวิชามากจนมีโอกาสเข้าเฝ้าในหลวง ร.9คำตรัสของพระองค์ท่าน เปลี่ยนความคิดพ่อไปอย่างสิ้นเชิง “สมัยก่อน นายหนังหรือผู้แสดงหลักในหนังตะลุง ส่วนใหญ่เขาจะหวงวิชามากนะครับ มันเหมือนศิลปะการแสดงที่ถ่ายทอดกันอย่างจำกัด และนายหนังแต่ละคนก็จะมีศาสตร์เฉพาะตัวในการแสดงเช่นเดียวกับคุณพ่อของผม (สุชาติ ทรัพย์สิน) แกก็เป็นคนหวงวิชามาก ๆ ใครมาขอให้สอนตอกหนังหรือเชิดหุ่นนี่ยาก กระทั่งปี 2527…
เมืองเรามีสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีความพร้อม แต่พื้นที่ระดับชุมชนที่ชาวบ้านได้มาจัดกิจกรรมร่วมกัน แบบที่ไม่ต้องใช้พื้นที่ถนนสาธารณะน่ะ ยังไม่มี ถ้ามีจะดีมาก ๆ “ครอบครัวพี่แต่เดิมเป็นชาวนาอยู่นอกเขตเทศบาล กระทั่งพี่ชายและพี่สาวสอบติดโรงเรียนกัลยาณีศรีธรรมราช แม่ก็เลยตัดสินใจย้ายเข้ามาทำงานในเมืองแม่มาปลูกบ้านอยู่แถวถนนพัฒนาการคูขวางราวปี 2521 ก่อนหน้าที่เขาจะตัดถนนเป็น 4 เลน ย่านที่เราอยู่ค่อนข้างเสื่อมโทรม เหมือนขยะใต้พรมของเมือง…
การจะทำให้เมืองเราเป็นเมืองอัจฉริยะปัจจัยสำคัญที่ต้องมีคือการมีโรงเรียนที่ตอบโจทย์การศึกษาด้านเทคโนโลยี “เวลาพูดถึงโรงเรียนในสังกัดเทศบาล หรือกระทั่งโรงเรียนวัดเนี่ย คนส่วนมากมักนึกถึงการเป็นโรงเรียนขยายโอกาส หรือทางเลือกสุดท้าย ไม่ใช่ทางเลือกหลักของผู้ปกครองส่วนใหญ่นักอย่างไรก็ตาม กับโรงเรียนทั้ง 8 แห่งในสังกัดเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นโรงเรียนวัดทั้งหมดด้วย กลับแตกต่างออกไป เพราะที่นี่กลายเป็นโรงเรียนที่เด็ก ๆ ในนครต้องสอบแข่งขันเพื่อเข้าเรียน กลายเป็นโรงเรียนชั้นนำในกลุ่มปฐมวัยไปสิ่งนี้ต้องยกเครดิตให้นายกเทศมนตรีสมนึก…
แม้เราจะพึ่งพาเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือหลักแต่แก่นสารของมันคือการคิดนโยบายที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้คนหัวใจสำคัญจึงไม่ใช่เทคโนโลยี แต่เป็นผู้คน “หลังเรียนจบผมก็กลับมานครบ้านเกิด เข้าทำงานเป็นลูกจ้างเทศบาล ก่อนจะไต่เต้าขึ้นมาเรื่อย ๆ จนเป็นเจ้าหน้าที่วิเคราะห์แผนและนโยบายในปัจจุบันสี่ปีที่แล้ว ตอน ดร.โจ (กณพ เกตุชาติ) หาเสียงเพื่อรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราชสมัยแรก ท่านได้เสนอนโยบายเรื่องเมืองอัจฉริยะด้วยการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อทำให้เมืองน่าอยู่ พอท่านได้รับเลือกเข้ามา บทบาทของผมคือการช่วยท่านเขียนแผนดังกล่าวผมได้เรียนรู้จาก…