“ก่อนหน้านี้ เวลาชาวประมงในปากพูนจับสัตว์ทะเลมาได้ ก็มักจะเจอปลาตัวเล็กๆ อย่างปลาจวดหรือปลาดาบเงินติดมาด้วย เขาก็จะแยกพวกมันไปปล่อยลงทะเล เพราะปลาพวกนี้ขายไม่ได้ หรือถ้าขายก็จะได้ราคาไม่คุ้ม เพราะคนรับซื้อเขาจะเอาไปทำอาหารสัตว์
จนมีช่วงหนึ่งที่เศรษฐกิจในชุมชนซบเซา ชาวบ้านก็มาคุยกันว่าเราจะทำยังไงจะหาเงินเพิ่มได้ ก็เลยคิดถึงการเอาปลาตัวเล็กๆ มาแปรรูป เพราะคนแก่ๆ อย่างป้าและแม่บ้านในชุมชนมีกันหลายคน ส่วนมากอยู่บ้านไม่ได้ทำอะไร ถ้ารวมตัวกันมาแปรรูปอาหารทะเล นอกจากมีรายได้เพิ่มเข้ามา ยังได้เจอเพื่อน ได้มีอะไรทำด้วย
ทางกรมประมงจังหวัด และผู้ใหญ่กระจาย (กระจาย ชวาสิทธิ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ตำบลปากพูน) ก็มาช่วยสนับสนุนเราเยอะ ทั้งการจัดหาอุปกรณ์ ตู้แช่ โรงอบพลังงานแสงอาทิตย์ และวิทยากรมาให้ความรู้ พวกป้าก็ลงแรง โดยรวมตัวกันที่แพคุณทักษิณ (ทักษิณ แสนเสนาะ) เพราะคุณทักษิณเขารับซื้อปลาจากชาวบ้านอยู่แล้ว ถ้ามีปลาตัวเล็กๆ ก็ส่งมาให้พวกป้าแปรรูปได้เลย
มีปลาอะไรบ้างหรอ… เยอะค่ะ ปลาแมว ปลาหางแข็ง ปลากุเลา ปลาจวด ปลาหมึก และกุ้ง ส่วนการแปรรูปก็มีหลากหลาย ถ้าอ้วนเนื้อเยอะก็เอาไปทำปลาหวาน ถ้าผอมเนื้อน้อยไปทำปลาเส้น ปลากระบอกเอาไปทำปลาแดดเดียว อย่างวันนี้ที่ป้าทำคือแล่ปลาจวดไปอบที่โรงเรือนเพื่อไปทำปลาเส้น ซึ่งก็ขึ้นอยู่แต่ละวันเลยว่าเราได้ปลาอะไรมา เป็นงานวันต่อวัน ทำเสร็จก็เข้าตู้แช่ส่งขาย
หลักๆ ก็มีกันอยู่ 5-6 คนค่ะ แบ่งหน้าที่กันทำเลย คนหนึ่งขอดเกล็ด อีกคนล้วงไส้ อีกคนแล่ ก็สลับกันทำ แม่บ้านบางคนมีภาระที่บ้าน ก็เอาปลากลับไปทำที่บ้านได้ ทำเสร็จก็มีคนมารับไป ก็เก็บในตู้แช่ที่แพของทางกลุ่มเราก่อน แล้วก็มาดูกันว่ามีลูกค้าสั่งไว้จำนวนเท่าไหร่บ้าง ซึ่งเราก็ขายช่องทางออนไลน์ด้วย ทุกวันนี้ทำไม่ทันขายค่ะ ออร์เดอร์เยอะ (ยิ้ม)
ทางกลุ่มมีร้านอาหารด้วยนะ เพราะพอมีลูกค้าติดใจ เราก็คิดว่าในเมื่อมีทั้งพื้นที่และมีแรงงานคนอยู่แล้ว ก็น่าจะเปิดเป็นร้านอาหารแบบจองโต๊ะเข้ามา เป็นอาหารพื้นบ้านที่นำวัตถุดิบจากปากพูนของเรามาทำ และก็มีอาหารทะเลแปรรูปที่พวกป้าทำเป็นอาหารเรียกน้ำย่อย นักท่องเที่ยวบางคนมาล่องเรือชมอุโมงค์ปลาโกงกาง เขาก็แวะมากินที่นี่
ป้ามาที่นี่ทุกวัน อยู่บ้านเฉยๆ แล้วป้าเฉา เดี๋ยวป่วยเอา มานั่งทำงานที่นี่ ได้ออกกำลังกาย มีรายได้ และมีเพื่อนคุยทั้งวัน ที่สำคัญ สิ่งที่เราทำตรงนี้ยังสามารถเป็นอาชีพต่อไปให้ลูกหลานชาวปากพูนด้วย พวกเขาจะได้ไม่ต้องออกจากบ้านไปทำงานที่ไหน”
ป้าแป้น-กัญยา สุวรรณรวลศรี
วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแปรรูปอาหารทะเลปากพูน (ความสุขของชาวเล)
https://www.facebook.com/profile.php?id=100054930977507
พลังคน พลังโคมลำพูน: เมืองเล็ก ๆ ที่เปี่ยมไปด้วยพลังสร้างสรรค์ แม้ ดร.สุดารัตน์ อุทธารัตน์ เป็นคนเชียงใหม่ เธอก็หาใช่เป็นคนอื่นคนไกลสำหรับชาวลำพูนเพราะก่อนจะเข้ามาขับเคลื่อนงานวิจัยเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาดกับเทศบาลเมืองลำพูน เธอได้ทำวิจัยเกี่ยวกับเมืองแห่งนี้มาหลายครั้ง โดยเฉพาะโครงการขับเคลื่อนเยาวชนเพื่อเตรียมพร้อมสู่การเป็นพลเมืองของเมืองแห่งการเรียนรู้ของ UNESCO ในปี 2566-2567 - นั่นล่ะ…
“เป็นสิ่งวิเศษที่สุด ที่ผ้าไหมของจังหวัดลำพูนได้ปรากฏต่อสายตาผู้คนทั้งในและต่างประเทศ ทั้งเมื่อครั้งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงให้การส่งเสริม และทรงฉลองพระองค์ด้วยผ้าไหมยกดอกลำพูนในพระราชพิธีสำคัญต่าง ๆ และกระทั่งในปัจจุบัน สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 10 ก็ทรงส่งเสริมผ้าไหมไทย และฉลองพระองค์ด้วยผ้าไหมยกดอกลำพูนในพระราชพิธีสำคัญเช่นกัน ดิฉันเป็นคนลำพูน มีความภูมิใจในงานหัตถศิลป์การทอผ้าไหมยกดอกนี้มาก ๆ และตั้งใจจะรักษามรดกทางวัฒนธรรม ทำหน้าที่ส่งต่อถึงคนรุ่นต่อไป…
“ความที่โตมาในลำพูน เราตระหนักดีว่าเมืองเรามีต้นทุนทางวัฒนธรรมที่สูงมาก ทั้งยังมีบรรยากาศที่น่าอยู่ อย่างไรก็ดี อาจเพราะเป็นเมืองขนาดเล็ก ลำพูนมักถูกมองข้ามจากแผนการพัฒนาของประเทศ เป็นเหมือนเมืองที่มีศักยภาพ แต่ยังไม่ถูกปลุกให้ตื่นความที่เราเคยทำงานที่ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (ปัจจุบันคือสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA - ผู้เรียบเรียง) ได้เห็นตัวอย่างความสำเร็จของกระบวนการพัฒนาย่านด้วยกรอบพื้นที่สร้างสรรค์ในหลายพื้นที่…
“ผมเป็นคนลำพูน และชอบทำกิจกรรมนอกห้องเรียนมาตั้งแต่เด็ก ปัจจุบันเป็นประธานสภาเด็กและเยาวชนจังหวัดลำพูน ควบคู่ไปกับกำลังศึกษาคณะรัฐศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่จากประสบการณ์การทำงานในสภาฯ ทำให้ผมเห็นว่า เยาวชนลำพูนมีศักยภาพที่หลากหลาย แต่สิ่งที่ขาดไปคือเวทีที่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้แสดงความสามารถและพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากการสนับสนุนจากโรงเรียนหรือโครงการของภาคเอกชน ปี 2567 พี่อร (ดร.สุดารัตน์ อุทธารัตน์…
“อาคารหลังนี้แต่ก่อนเป็นที่ประทับของเจ้าราชสัมพันธวงษ์ลำพูน (พุทธวงษ์ ณ เชียงใหม่) น้องเขยของเจ้าจักรคำขจรศักดิ์ เจ้าหลวงองค์สุดท้ายของลำพูน อาคารถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 2455 หลังจากนั้นก็ถูกขายให้พ่อค้าชาวจีนไปทำเป็นโรงเรียนหวุ่นเจิ้ง สอนภาษาจีนและคณิตศาสตร์ โรงเรียนนี้เปิดได้ไม่นานก็ต้องปิด เพราะสมัยนั้นรัฐบาลเพ่งเล็งว่าอะไรที่เป็นของจีนจะเกี่ยวข้องกับลัทธิคอมมิวนิสต์ แต่หนูก็ไม่รู้หรอกว่าโรงเรียนนี้เกี่ยวข้องหรือเปล่า (ยิ้ม) จากนั้นอาคารก็ถูกเปลี่ยนมาเป็นโรงเรียนมงคลวิทยาในปี…
“เราโตมากับวัฒนธรรมของคนลำพูน ชอบไปเดินงานปอย ร่วมงานบุญ ก่อนหน้านี้ก็เคยทำงานรับจ้างทั่วไป จนเทศบาลฯ มาส่งเสริมเรื่องการทำโคม โดยมีสล่าจากชุมชนศรีบุญเรืองมาสอน เราก็ไปเรียนกับเขา ตอนนี้อาชีพหลักคือการทำโคม ทำมาได้ 2 ปีแล้ว สำหรับเรา โคมคืองานศิลปะ เป็นสัญลักษณ์และมรดกที่ยึดโยงกับวัฒนธรรมของคนบ้านเรา ตอนแรกเราไม่มีความคิดเลยว่ามันจะกลายมาเป็นอาชีพได้…