“พี่เป็นคนแก่งคอย เคยทำงานโรงงานผลิตอะไหล่คอมพิวเตอร์และเครื่องจักรอยู่ที่อำเภอบางปะอิน ก็จะนั่งรถจากแก่งคอยไปทำงานที่นั่นทุกเช้า ส่วนสามีพี่เป็นคนต่างถิ่น แต่มาได้งานที่โรงงานปูนซีเมนต์นครหลวงที่แก่งคอย เลยมาอยู่ด้วยกันที่นี่
ความที่เราสองคนทำงานโรงงาน เลยต้องส่งลูกไปให้ญาติช่วยเลี้ยง จนลูกขึ้น ม.1 พี่ก็พบว่าลูกค่อนข้างเกเรและมีอาการผิดปกติทางอารมณ์ ปัญหาก็อยู่ที่เราเองนี่แหละที่มีเวลาให้เขาไม่มากพอ ไม่ใช่เรื่องอื่น เลยตัดสินใจลาออกจากงานที่โรงงาน และเอาเขากลับมาเลี้ยงเอง จะได้มีเวลาดูแลเขาเต็มที่
พอออกจากงาน ก็ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับลูก พาเขาไปหาหมอที่โรงพยาบาลในอำเภอเมืองเป็นประจำ และอยู่เป็นเพื่อนเขา โดยช่วงหลังๆ พอไม่ได้ทำงานเข้า เราก็รู้สึกเหงา เลยทำอาหารแจกเพื่อนบ่อยๆ เราเป็นคนชอบทำหมูสะเต๊ะ ครั้งหนึ่งก็เลยทำหมูสะเต๊ะให้เพื่อน เพื่อนชมว่าอร่อย และยุให้เราทำขาย ตอนแรกเราก็ไม่กล้าขายหรอก แต่พอยุมากเข้า ก็เลยลองขายดู
ตอนนั้นทางหอการค้าแก่งคอยเขาพยายามจะฟื้นฟูย่านตลาดท่าน้ำแก่งคอย ซึ่งเป็นตลาดเก่าริมแม่น้ำป่าสักของเมืองให้กลับมามีชีวิตชีวา จึงมีการจัดถนนคนเดินพอดี พี่เลยทดลองตลาดโดยการเอาหมูสะเต๊ะที่ทำไปขาย ปรากฏว่าได้รับเสียงตอบรับที่ดี ก็ได้ขายต่อเนื่อง แต่ไม่นานโควิดก็กลับมาระบาดเสียก่อนเลยต้องหยุดขาย นี่เพิ่งจะได้กลับมาขายอีกครั้งเมื่อต้นปีนี้เอง
ชื่อร้านสุดนัดดาหมูสะเต๊ะ เป็นชื่อพี่เองเลย ก็เราเป็นคนทำนี่ (ยิ้ม) พี่ทำของพี่คนเดียวหมักหมูเอง เอาเสียบไม้ ปิ้งเอง และขายเอง ที่ลูกค้าชมมาคือเนื้อหมูเรานิ่ม กินโดยไม่ต้องจิ้มน้ำจิ้มยังได้ สาเหตุก็เพราะพี่ให้ความสำคัญกับการหมักหมูมาก จะหมักทิ้งไว้สองคืนเพื่อให้ซอสมันเข้าเนื้อ ให้รสชาติมันกลมกล่อม
อย่างงานแก่งคอยย้อนรอยสงครามโลก พี่ก็ไปออกร้านด้วย ตั้งแผงอยู่หน้าสถานีรถไฟ ส่วนวันศุกร์และเสาร์ พี่ไปขายที่ตลาดนัดบ้านแก้ง (อ.เฉลิมพระเกียรติ) ขายได้เดือนกว่าๆ แล้ว ก็พอได้อยู่ ส่วนวันอื่นยังไม่มีแผน พี่ทำของพี่คนเดียว ก็เหนื่อยอยู่ ขายทุกวันคงไม่ไหว
พี่ไม่ได้คิดจะขายหมูสะเต๊ะเป็นอาชีพหลักน่ะ อาทิตย์นึงน่าจะขายสัก 2-3 วันแบบนี้ ก็กำลังมองว่าจะทำธุรกิจแบบซื้อมาขายไปมากกว่าในอนาคต จะได้มีเวลาดูแลลูกด้วย
ก็อยู่ที่แก่งคอยนี่แหละ บ้านพี่อยู่นี่ จะให้ไปไหน เมืองมันโอเคสำหรับเรานะ ไปไหนมาไหนสะดวก หากินง่าย อาหารก็มีให้เลือกหลากหลายดีด้วย
แต่ถ้าให้มองในมุมนักท่องเที่ยว จริงๆ แก่งคอยมายากนะ หลายคนบ่นว่าหาทางเข้าเมืองยาก ไม่รู้เป็นเมืองลับแลหรืออย่างไร คือถ้าไม่ใช่คนคุ้นเคยพื้นที่หรือเปิด GPS มา ส่วนใหญ่เขาขับรถเลยกันไปหมด ไม่แน่ใจว่าป้ายอาจไม่ชัดหรือเพราะอะไร ในขณะเดียวกัน ถ้าจะออกจากแก่งคอยเพื่อเข้าไปทางอำเภอเมืองสระบุรีก็ยากอีก คุณต้องขับรถขึ้นสะพานและวนไปกลับรถอีกหลายกิโลเมตรมาก ยิ่งคุณออกจากเมืองช่วงเย็นๆ ที่เขาเลิกงานกัน กว่าจะได้กลับรถนี่ติดยาวเลย แก่งคอยอยู่ห่างจากอำเภอเมืองสระบุรีแค่นี้ บางทีใช้เวลาเหมือนไปต่างจังหวัด
ได้ยินมาว่า มีความพยายามของหลายหน่วยงานจะทำให้แก่งคอยเป็นเมืองท่องเที่ยว ก็อยากฝากเรื่องป้ายบอกทางหรือการจราจรตรงนี้ด้วย”
สุนัดดา กงขุนทด
เจ้าของร้านสุนัดดาหมูสะเต๊ะ
พลังคน พลังโคมลำพูน: เมืองเล็ก ๆ ที่เปี่ยมไปด้วยพลังสร้างสรรค์ แม้ ดร.สุดารัตน์ อุทธารัตน์ เป็นคนเชียงใหม่ เธอก็หาใช่เป็นคนอื่นคนไกลสำหรับชาวลำพูนเพราะก่อนจะเข้ามาขับเคลื่อนงานวิจัยเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาดกับเทศบาลเมืองลำพูน เธอได้ทำวิจัยเกี่ยวกับเมืองแห่งนี้มาหลายครั้ง โดยเฉพาะโครงการขับเคลื่อนเยาวชนเพื่อเตรียมพร้อมสู่การเป็นพลเมืองของเมืองแห่งการเรียนรู้ของ UNESCO ในปี 2566-2567 - นั่นล่ะ…
“เป็นสิ่งวิเศษที่สุด ที่ผ้าไหมของจังหวัดลำพูนได้ปรากฏต่อสายตาผู้คนทั้งในและต่างประเทศ ทั้งเมื่อครั้งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงให้การส่งเสริม และทรงฉลองพระองค์ด้วยผ้าไหมยกดอกลำพูนในพระราชพิธีสำคัญต่าง ๆ และกระทั่งในปัจจุบัน สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 10 ก็ทรงส่งเสริมผ้าไหมไทย และฉลองพระองค์ด้วยผ้าไหมยกดอกลำพูนในพระราชพิธีสำคัญเช่นกัน ดิฉันเป็นคนลำพูน มีความภูมิใจในงานหัตถศิลป์การทอผ้าไหมยกดอกนี้มาก ๆ และตั้งใจจะรักษามรดกทางวัฒนธรรม ทำหน้าที่ส่งต่อถึงคนรุ่นต่อไป…
“ความที่โตมาในลำพูน เราตระหนักดีว่าเมืองเรามีต้นทุนทางวัฒนธรรมที่สูงมาก ทั้งยังมีบรรยากาศที่น่าอยู่ อย่างไรก็ดี อาจเพราะเป็นเมืองขนาดเล็ก ลำพูนมักถูกมองข้ามจากแผนการพัฒนาของประเทศ เป็นเหมือนเมืองที่มีศักยภาพ แต่ยังไม่ถูกปลุกให้ตื่นความที่เราเคยทำงานที่ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (ปัจจุบันคือสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA - ผู้เรียบเรียง) ได้เห็นตัวอย่างความสำเร็จของกระบวนการพัฒนาย่านด้วยกรอบพื้นที่สร้างสรรค์ในหลายพื้นที่…
“ผมเป็นคนลำพูน และชอบทำกิจกรรมนอกห้องเรียนมาตั้งแต่เด็ก ปัจจุบันเป็นประธานสภาเด็กและเยาวชนจังหวัดลำพูน ควบคู่ไปกับกำลังศึกษาคณะรัฐศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่จากประสบการณ์การทำงานในสภาฯ ทำให้ผมเห็นว่า เยาวชนลำพูนมีศักยภาพที่หลากหลาย แต่สิ่งที่ขาดไปคือเวทีที่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้แสดงความสามารถและพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากการสนับสนุนจากโรงเรียนหรือโครงการของภาคเอกชน ปี 2567 พี่อร (ดร.สุดารัตน์ อุทธารัตน์…
“อาคารหลังนี้แต่ก่อนเป็นที่ประทับของเจ้าราชสัมพันธวงษ์ลำพูน (พุทธวงษ์ ณ เชียงใหม่) น้องเขยของเจ้าจักรคำขจรศักดิ์ เจ้าหลวงองค์สุดท้ายของลำพูน อาคารถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 2455 หลังจากนั้นก็ถูกขายให้พ่อค้าชาวจีนไปทำเป็นโรงเรียนหวุ่นเจิ้ง สอนภาษาจีนและคณิตศาสตร์ โรงเรียนนี้เปิดได้ไม่นานก็ต้องปิด เพราะสมัยนั้นรัฐบาลเพ่งเล็งว่าอะไรที่เป็นของจีนจะเกี่ยวข้องกับลัทธิคอมมิวนิสต์ แต่หนูก็ไม่รู้หรอกว่าโรงเรียนนี้เกี่ยวข้องหรือเปล่า (ยิ้ม) จากนั้นอาคารก็ถูกเปลี่ยนมาเป็นโรงเรียนมงคลวิทยาในปี…
“เราโตมากับวัฒนธรรมของคนลำพูน ชอบไปเดินงานปอย ร่วมงานบุญ ก่อนหน้านี้ก็เคยทำงานรับจ้างทั่วไป จนเทศบาลฯ มาส่งเสริมเรื่องการทำโคม โดยมีสล่าจากชุมชนศรีบุญเรืองมาสอน เราก็ไปเรียนกับเขา ตอนนี้อาชีพหลักคือการทำโคม ทำมาได้ 2 ปีแล้ว สำหรับเรา โคมคืองานศิลปะ เป็นสัญลักษณ์และมรดกที่ยึดโยงกับวัฒนธรรมของคนบ้านเรา ตอนแรกเราไม่มีความคิดเลยว่ามันจะกลายมาเป็นอาชีพได้…