“หัวใจสำคัญคือเราจะทำยังไงให้สิ่งต่างๆ ที่เกิดหรือกำลังเกิดขึ้นในพิษณุโลก ช่วยสร้างและกระจายรายได้ให้กับคนในพื้นที่มากที่สุด”

“ผมย้ายมาอยู่พิษณุโลกปี 2530 มาเป็นผู้จัดการฝ่ายขายบริษัทขายรถแมคโคร รถตักดิน รถเกรดเดอร์ ทำอยู่เกือบ 10 ปี ก็ลาออกมาทำบริษัทของตัวเอง จนราว 5-6 ปีที่แล้ว รู้สึกอิ่มตัว จึงเคลียร์ธุรกิจเพื่อเกษียณ เป็นช่วงเวลาใกล้ๆ กันเนี่ย ทางสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทยเขาอยากสร้างเครือข่ายอสังหาริมทรัพย์ท้องถิ่น เขาก็ชวนผมไปให้คำปรึกษา
 
ผมไม่เคยทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่ความที่คลุกคลีอยู่กับการก่อสร้างและอยู่ในเครือข่ายนักธุรกิจของเมืองมานาน ไปๆ มาๆ ผมก็รับตำแหน่งที่ปรึกษาสมาคมอสังหาริมทรัพย์ของจังหวัดพิษณุโลก อยู่ตำแหน่งนี้ได้ 3 เดือน กลุ่มผู้ประกอบการในเมืองก็ชวนกันตั้งบริษัท พิษณุโลกพัฒนาเมือง จำกัด ขึ้น โดยเป็นจังหวัดที่สามของประเทศที่มีการจัดตั้งบริษัทรูปแบบนี้ ผมก็ยินดีเลย เพราะถึงแม้ไม่ใช่คนที่นี่ แต่ก็อยู่มานานพอจนรู้สึกว่าผมเป็นหนี้บุญคุณเมืองนี้ และอยากมีส่วนนำความรู้ความสามารถเรามาช่วยทำให้เมืองเราดีขึ้น

บทบาทของพิษณุโลกพัฒนาเมืองช่วงแรกๆ คือการเข้าไปร่วมประชุมกับทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงองค์กรต่างๆ อย่างหอการค้า สภาอุตสาหกรรม สมาคมธนาคาร เพื่อช่วยกันหาโซลูชั่นแก้ปัญหาเรื่องต่างๆ ที่เมืองเรามีให้ได้ รวมถึงนำกรอบการพัฒนาเมืองที่เกิดจากการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนมาบรรจุอยู่ในแผนยุทธศาสตร์จังหวัด ซึ่งตอนนี้ประมาณ 5 แผนจากทั้งหมด 9 แผน มาจากคณะทำงานในนามบริษัทพิษณุโลกพัฒนาเมือง

เรามีแผนพัฒนาที่ดูกันไว้หลายแผน แต่ให้เล่ารวมๆ เรามองเรื่องการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเมืองด้วยการท่องเที่ยว ให้การท่องเที่ยวมาช่วยขยายงานและอาชีพให้ผู้คนในเมือง และกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก โดยพยายามยกระดับให้พิษณุโลกเป็นมากกว่าเมืองผ่าน ไม่ใช่แค่ให้นักท่องเที่ยวแวะมาไหว้พระพุทธชินราชแล้วก็จากไป แต่มาพักค้างคืนกับเรา เพื่อให้เกิดการใช้จ่ายในเมือง  

นั่นเป็นที่มาของโครงการ ‘ริมน่านสามสี’ โดยพวกเราลงขันกันทำสื่อวิดีโอบอกเล่าถึงจุดเด่นด้านการท่องเที่ยวของเมืองพิษณุโลก โดยเฉพาะบริเวณริมน้ำน่าน (www.youtube.com/watch?v=nx_64jIIoH0) ซึ่งหนึ่งในนั้นคือตลาดใต้ พิษณุโลก ตลาดเช้าแห่งแรกๆ ของเมือง ที่สอดคล้องกับโครงการเมืองแห่งการเรียนรู้ในย่านตลาดใต้ ที่อาจารย์ธนวัฒน์จากมหาวิทยานเรศวรขับเคลื่อนอยู่ 

ก็เป็นเหมือนการทำงานควบคู่กันไป อาจารย์ธนวัฒน์พยายามปลุกย่าน ส่วนเราก็หากิจกรรมหรืออีเวนท์มาส่งเสริมการรับรู้ให้กับสถานที่ท่องเที่ยวในย่านใกล้เคียง อย่างล่าสุด เราได้ร่วมกับการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดพิษณุโลก โดยประสานผ่านทางผู้ว่าราชการจังหวัด คุณภูสิต สมจิตต์ จัดงานแสดงแสงสีเสียง ‘ตามรอยบูรพกษัตริย์ไทย’ บริเวณพระราชวังจันทน์ (สัมภาษณ์เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2566 – ผู้เรียบเรียง) หรืออีกเป้าหมายหนึ่งของเราคือการโปรโมทให้เมืองของเราเป็นเมืองกีฬา ซึ่งจะเป็นแม่เหล็กชั้นยอดที่ดึงดูดให้คนได้รู้จักเมืองของเรา เช่นปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้เราจะจัดการแข่งขันวิ่งเทรล Phitsanulok Cross Country Running ที่ค่ายสฤษดิ์เสนา ซึ่งก็มีแผนจะจัดตามพื้นที่อื่นๆ อีก 2-3 แห่งต่อไป รวมถึงการที่เราได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาผู้สูงอายุเดือนพฤษภาคมนี้

ผมขอเล่าข้ามว่าการเป็นเมืองจัดกีฬาสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยว มากิน และมาพักในเมืองเราได้อย่างไร เพราะพวกคุณน่าจะทราบดีอยู่แล้ว แต่ผมจะขอยกเคสตัวอย่าง อย่างที่จังหวัดบุรีรัมย์ที่เขามี Chang Arena หรือสนามช้าง ที่รองรับการแข่งรถอย่างครบครัน จนทำให้เมืองของเขาดึงดูดการแข่งขันรถรายการใหญ่ๆ ได้ อย่างพิษณุโลกของเรา จริงๆ แล้วก็มีบึงหรือทะเลสาบขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพในการจัดการแข่งกีฬาทางน้ำอย่างเป็นทางการไม่น้อย

ล่าสุดทางสิงห์ คอร์เปอเรชั่น ก็ลงมาสำรวจพื้นที่ และมีแผนพัฒนาบึงตระเครงที่มีพื้นที่มากกว่า 1,500 ไร่ในอำเภอบางระกำ ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองเพียง 30 กิโลเมตร ให้เป็นสนามแข่งขันกีฬาทางน้ำ โดยมีการจัดกิจกรรมนำร่องช่วงปลายเดือนเมษายนนี้ ตรงนี้เราก็ประสานไปทางจังหวัดว่า ถ้าเราพัฒนาสาธารณูปโภคให้พร้อมรับ ตรงนี้จะกลายเป็นแลนด์มาร์คทางการแข่งกีฬาทางน้ำระดับประเทศได้ดีทีเดียว

เพราะจริงๆ คุณไม่จำเป็นต้องไปแข่งกีฬาทางน้ำที่ทะเลอย่างเดียว เรามีทะเลสาบที่น้ำนิ่ง ไม่มีคลื่น แถมควบคุมระดับน้ำได้หมด คุณดึงดูดให้คนจากจังหวัดในภาคเหนือมาใช้สนามได้ ไม่ต้องเดินทางไกลไปถึงพัทยาหรือภูเก็ต หรือถ้ามีการแข่งขัน คุณคิดว่าคนเชียงใหม่หรือลำปาง เขาจะขับรถไปชมการแข่งขันไกลถึงภูเก็ตไหม พิษณุโลกจึงเป็นทำเลที่มีศักยภาพมากๆ  

ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องยกเครดิตให้วิสัยทัศน์ของการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด เพราะหลายๆ ที่เราก็เห็นว่าหน่วยงานรัฐเขาจะทำงานกันเองโดยไม่ฟังเสียงใคร แต่กับจังหวัดเรา เขาร่วมงานกับภาคเอกชนและบริษัทพัฒนาเมือง มันจึงเป็นการขับเคลื่อนที่มีการคำนึงถึงประโยชน์ร่วมของภาคธุรกิจและภาคประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ 

ปัจจุบันคณะกรรมการบริษัทพิษณุโลกพัฒนาเมืองที่มีอยู่ทั้งหมด 10 คนของเรา พยายามประสานความร่วมมือกับหน่วยงานท้องถิ่นต่างๆ เพื่อกำหนดทิศทางการจัดกิจกรรมหรือนโยบายการพัฒนาเมือง หัวใจสำคัญคือเราจะทำยังไงให้สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นหรือกำลังจะเกิดขึ้นในพิษณุโลก ช่วยสร้างและกระจายรายได้ให้กับคนในพื้นที่มากที่สุด

ผมไม่คิดว่ารัฐจะสามารถทำเองฝ่ายเดียวได้ ขณะที่เอกชนก็ไม่มีทางขับเคลื่อนภาพใหญ่ของเมืองได้ฝ่ายเดียว แต่ถ้าต่างฝ่ายต่างเปิดโลกทัศน์และร่วมมือกัน โดยใช้ผลประโยชน์ของทุกคนในเมืองเป็นที่ตั้ง พิษณุโลกจะเป็นเมืองที่มีเศรษฐกิจที่ดีกว่านี้ และเป็นเมืองที่ดึงดูดให้ผู้คนอยากมาอาศัยและทำงานที่นี่มากกว่านี้”  

วิรัช ปัญญาทิพย์สกุล
ประธานกรรมการบริหารบริษัท พิษณุโลกพัฒนาเมือง จำกัด

กองบรรณาธิการ

Recent Posts

THE INSIDER : ณัฐธิยาภรณ์ อ้วนวงศ์ นักวิจัยโครงการเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด ร้อยเอ็ด และนักวิเคราะห์นโยบายและแผน กองยุทธศาสตร์และงบประมาณ เทศบาลเมืองร้อยเอ็ด

“หอโหวดเป็นเพียงจุดเริ่มต้น แต่หลังจากนี้คือกลไกที่เทศบาลต้องทำงานร่วมกับภาคประชาชนและนักวิชาการ ในการกำหนดทิศทางเมืองให้ร้อยเอ็ดพร้อมรับการท่องเที่ยว และทำให้เมืองมีความน่าอยู่ สำหรับผู้คนในเมืองพร้อมกันไปด้วย” “เราเกิดที่ร้อยเอ็ด เรียนมัธยมที่นี่ ก่อนไปเรียนระดับมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ ก่อนหน้านี้ สักเกือบ 10 ปีที่แล้ว เราไม่เคยมีความคิดจะกลับมาทำงานที่บ้านเกิดเลยนะ เพราะไม่เห็นโอกาสอะไรในชีวิตในภาพจำเดิมของเรา ร้อยเอ็ดเป็นเมืองผ่าน ไม่มีสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อ ไม่มีแหล่งธรรมชาติสวยๆ…

4 days ago

WeCitizens : The Concept

ชวนอ่าน เบื้องหลังแนวคิดการขับเคลื่อนงานพัฒนาเมืองด้วยงานวิจัย องค์ความรู้ และนวัตกรรม ความร่วมมือ และบูรณการระหว่าง บพท. และสมาคมเทศบาลนครและเมือง ก่อเกิดโครงการ "โปรแกรมบ่มเพาะและเร่งรัดกระบวนการเพื่อมุ่งสู่เมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด (CIAP) ดำเนินการระหว่างปีพ.ศ. 2567-2568 กับผู้นำเมือง และเทศบาล…

6 days ago

WeCitizens เมืองร้อยเอ็ด : ก้าวสู่เมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด

WeCitizens : ร้อยเอ็ดเมืองน่าอยู่อย่างชาญฉลาด (ฉบับที่ 1) เปิดความคิด ความหวัง และโอกาสของการพัฒนาเมืองร้อยเอ็ดที่รัก นำโดยนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด คุณบรรจง โฆษิตจิรนันท์ คณะทำงานเจ้าหน้าที่เทศบาล และหัวหน้าโครงการวิจัยร้อยเอ็ดเมืองน่าอยู่อย่างชาญฉลาด ผศ. ดร.ชัญญรินทร์…

1 month ago

City View : ๑๐๑ เมืองรองที่ไม่เป็นรองใคร

ร้อยเอ็ดอยู่ห่างจาก ‘สะดืออีสาน’ พื้นที่ที่ถูกปักหมุดให้เป็นจุดศูนย์กลางของภาคอีสานในอำเภอโกสุมพิสัย มหาสารคาม เพียง 60 กิโลเมตร ในตำนานอุรังคธาตุ (ตำนานพระธาตุพนม) กล่าวว่า ‘สาเกตนครร้อยเอ็ดประตู’ (ชื่อเดิม) เมืองนี้ มีประตูเท่าจำนวนเมืองขึ้น ‘ร้อยเอ็ดเมือง’ สะท้อนให้เห็นความรุ่งเรืองจากการเป็นศูนย์กลางอำนาจและการคมนาคมของภูมิภาคมาตั้งแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ 21อีกทั้ง ส่วนหนึ่งของพื้นที่ยังเป็นที่ตั้งของทุ่งกุลาร้องไห้ ที่ราบขนาดใหญ่กว่า 2 ล้านไร่ ทำให้ในเวลาต่อมา ร้อยเอ็ดจึงเป็นอู่ข้าวที่ผลิตข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาที่ใหญ่ และมีผลิตผลที่ดีที่สุดในโลก แม้มีภูมิหลังที่รุ่งเรือง กระนั้น ตลอดหลายทศวรรษหลัง…

1 month ago

๑๐๑ สานพลังผู้คนเพื่อกำหนดทิศทางเมือง

สนทนากับ ผศ.ดร.ชัญญรินทร์ สมพรหัวหน้าโครงการวิจัยเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด ‘ร้อยเอ็ด’, สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด “พื้นที่นี้จะเป็นเหมือนตัวกลางในการสร้างความพร้อมให้คนร้อยเอ็ดสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในอนาคต” ผศ. ดร.ชัญญรินทร์ สมพร รองผู้อํานวยการสํานักส่งเสริมวิชาการและจัดการเรียนรู้ตลอดชีวิต มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด และหัวหน้าโครงการวิจัย "โครงการเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด ร้อยเอ็ดคนดี เชื่อมโยงโครงข่ายเศรษฐกิจ ด้วยการเดินบนความปลอดภัยและทันสมัย…

1 month ago

THE MAYOR : บรรจง โฆษิตจิรนันท์ : นายเทศมนตรีเมืองร้อยเอ็ด และนายกสมาคมเทศบาลนครและเมือง

"เราให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงเศรษฐกิจให้ร้อยเอ็ดเป็นทางเลือกใหม่ของตลาด MICE ที่ราคาย่อมเยา เดินทางสะดวก และมีอัตลักษณ์" เริ่มจากความคับข้องใจที่เห็นบ้านเกิดของตัวเอง (ร้อยเอ็ด) เป็นเมืองผ่านที่มักถูกมองข้าม เมื่อ บรรจง โฆษิตจิรนันท์ เข้ารับตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองร้อยเอ็ด เมื่อปี 2538 เขาจึงเริ่มโครงการพัฒนาเมือง ไปพร้อมกับการดึงเสน่ห์จากศิลปวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ ดึงดูดให้ผู้คนมาเที่ยว…

2 months ago