หากคุณเป็น LGBT แรงงานพลัดถิ่น หรือเซ็กซ์เวิร์คเกอร์ คุณจะพบว่านอกเหนือจากการเป็นแหล่งงาน เชียงใหม่แทบไม่มีพื้นที่สำหรับพวกคุณเลย

“เรากับแฟนเป็นเลสเบี้ยน และรับหลานมาเลี้ยงเป็นลูก เป็นครอบครัวที่มีแม่สองคน ลูกสาวหนึ่งคน ราว 4-5 ปีที่แล้ว เราปลูกบ้านดินในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในอำเภอสันกำแพง ความที่ครอบครัวเราเป็นแบบนั้น เราจึงสัมผัสได้ถึงความอคติและสายตาที่ไม่เป็นมิตรของคนในหมู่บ้าน กระทั่งวันหนึ่งบ้านเราเกิดไฟไหม้ ก่อนจะพบทีหลังว่ามันไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุ ครอบครัวเราจึงตัดสินใจไม่กลับไปอยู่บ้านหลังนั้นอีกเลย

ถ้าคุณเป็นคนชั้นกลางที่ดำเนินชีวิตแบบคนทั่วไป คุณอาจพบว่าเชียงใหม่น่าอยู่ เป็นเมืองที่มีครบ ค่าครองชีพไม่สูงนัก และหากไม่นับเรื่องปัญหาหมอกควัน อากาศที่นี่ก็ดีกว่าเมืองอื่นๆ แต่ในทางกลับกัน หากคุณเป็น LGBT แรงงานพลัดถิ่น หรือเซ็กซ์เวิร์คเกอร์ คุณจะพบว่านอกเหนือจากการเป็นแหล่งงาน เชียงใหม่แทบไม่มีพื้นที่สำหรับพวกคุณเลย

เราเริ่มงานเอ็นจีโอมาตั้งแต่ปี 2548 โครงการแรกที่เราทำเกี่ยวกับการศึกษาของเด็กผู้หญิงชนเผ่าและเด็กผู้หญิงไร้สัญชาติ จากนั้นงานเราก็วนเวียนอยู่กับประเด็นคนชายขอบ แรงงานข้ามชาติ และเซ็กซ์เวิร์คเกอร์ตลอด แม้หลายปีหลังมานี้ สังคมจะเริ่มให้การยอมรับมากขึ้น แต่ในความเป็นจริง คนเหล่านี้แทบไม่มีสิทธิ์มีเสียงหรือสวัสดิการแบบที่คนทั่วไปได้รับ โดยเฉพาะกับสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา รัฐไม่มีมาตรการใดๆ มาเยียวยาพวกเขา หลายคนไม่เพียงตกงาน แต่ต้องกลายเป็นคนเร่ร่อนไร้บ้าน ส่วนเด็กและผู้หญิงที่มีบ้านอยู่แล้วหลายคนก็ต้องเผชิญความรุนแรงในครอบครัวจากปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งเช่นเดียวกับรัฐ เวลาสื่อต่างๆ พูดถึงหรือมองมายังเมืองเชียงใหม่ คนชายขอบเหล่านี้กลับถูกมองข้ามหรือมองไม่เห็น ราวกับไม่มีพวกเขาอยู่ร่วมเมืองเดียวกัน

หรืออย่างที่องค์กรทางการท่องเที่ยวหลากหลายที่พยายามนำเสนอเชียงใหม่ในฐานะเมืองแห่งวัฒนธรรม เรานำความหลากหลายทางชาติพันธุ์มาเป็นจุดขาย แต่ในทางกลับกัน ลองเข้าไปดูในมหาวิทยาลัยก็ได้ หากคุณเป็นนักศึกษาที่เป็นกะเหรี่ยง คุณจะกล้าแต่งตัวตามชาติพันธุ์เข้าชั้นเรียนไหม หรือถ้าคุณเป็นลูกของแรงงานข้ามชาติที่บังเอิญโชคดีได้เรียนสูงๆ คุณจะกล้าบอกเพื่อนๆ ไหมว่าคุณเป็นชนเผ่า

อัตลักษณ์ชนเผ่าถูกทำให้เป็นแค่ความเก๋และเท่ในบริบทของแฟชั่นหรือไลฟ์สไตล์คนร่วมสมัย แต่มันไม่เคยถูกนำเสนอผ่านตัวตนจริงๆ ในชีวิตประจำวัน คนชั้นกลางอาจมองว่าชุดพื้นเมืองกะเหรี่ยงสวยงาม เป็นที่น่าภูมิใจ แต่คนกะเหรี่ยงเจ้าของชุดนั้นส่วนใหญ่กลับไม่มีที่ดินทำกิน หรือไม่สามารถเข้าถึงสิทธิ์แบบคนส่วนใหญ่ได้ เรามองว่าเชียงใหม่กำลังเป็นแบบนั้น เมืองของเรามันยังสะท้อนศิลปวัฒนธรรมที่สอดรับกับการท่องเที่ยว แต่ไม่สะท้อนวิถีชีวิตจริงๆ ที่มีความหลากหลายและยังคงเหลื่อมล้ำอยู่ ซึ่งนี่ยังไม่นับรวมของคนที่มีความหลากหลายทางเพศ ที่ถูกกดทับด้วยอคติอีกรูปแบบหนึ่งด้วยนะ

เพราะเห็นแบบนั้นเราจึงจัดเทศกาลในทุกๆ วันสตรีสากล (วันที่ 8 มีนาคม ของทุกปี-ผู้เรียบเรียง) เพื่อให้เทศกาลนี้สื่อสารในสิ่งที่เทศกาลประจำปีอื่นๆ ของเมืองไม่เคยสื่อสาร เพราะนอกจากเราจะพูดเรื่องสิทธิสตรี เทศกาลนี้ยังเปิดพื้นที่กิจกรรมให้แรงงานข้ามชาติที่เป็นแรงงานหลักในการสร้างเมืองของเรา กลุ่มเซ็กซ์เวิร์คเกอร์ และกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ เราชวนให้พวกเขามาแสดงอัตลักษณ์ผ่านการเดินขบวนพาเหรด การแสดง ไปจนถึงเต้นรำ ให้รู้สึกถึงความภูมิใจในตัวเอง ขณะเดียวกันก็มาแสดงปัญหาหรือต่อสู้กับอคติที่แต่ละคนต้องเผชิญ แม้จะต้องเผชิญกับโควิดที่ทำให้เราจัดงานได้ไม่ต่อเนื่อง รวมถึงยังขาดการสนับสนุนด้านเงินทุนอยู่บ้าง แต่เราก็พยายามจะจัดทุกปี เพราะเห็นว่านี่คือพื้นที่ที่เมืองควรจะมี

เช่นนั้นแล้ว ถ้าถามว่าอยากให้คนเชียงใหม่เรียนรู้เรื่องอะไรเป็นพิเศษ เราคิดว่าการเรียนรู้ว่าคนเราแตกต่าง และควรยอมรับความแตกต่างนั้น และปฏิบัติต่อกันอย่างเท่าเทียมในฐานะมนุษย์ น่าจะเป็นสิ่งที่เราอยากให้เกิด หรือเวลาที่ภาคประชาสังคมหรือนักวิชาการมาคุยกันเรื่องแก้ปัญหาสังคม มาคุยปัญหาของแรงงาน ก็น่าจะชวนแรงงานหรือคนชายขอบที่อยู่ในปัญหานั้นจริงๆ มาร่วมพูดคุยด้วย รวมถึงในระบบการศึกษาที่ควรจะเปิดให้คนที่อยู่ในปัญหาจริงๆ ได้พูด ไม่ใช่แค่กลุ่มนักวิชาการหรืออาจารย์ฝั่งเดียว ให้ทุกคนได้เห็น ได้ฟังว่าพวกเขาเหล่านี้ต้องเจออะไรบ้าง แล้วต้องถูกเหยียดหยามจากคนอื่นอย่างไร

การเปิดใจรับฟังอย่างปราศจากอคติและความเกลียดชัง จะนำมาสู่กระบวนการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำของเมือง เชียงใหม่มันควรจะต้องมีความน่าอยู่สำหรับทุกคน ไม่ว่าคุณจะมีชาติพันธุ์ไหน ประกอบอาชีพ หรือมีรสนิยมทางเพศเป็นอย่างไร หาใช่แค่เมืองน่าอยู่สำหรับบางคน”

///
มัจฉา พรอินทร์
นักกิจกรรมด้านสิทธิมนุษยชน

#WeCitizensTh #LearningCity #chiangmai

กองบรรณาธิการ

Recent Posts

อ่านเสียงแก่งคอย เสียงของเมืองที่ก้าวข้ามบาดแผลประวัติศาสตร์มาสู่เมืองแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต

WeCitizens ชวนผู้อ่านเรียนรู้เมืองแก่งคอย เมืองประวัติศาสตร์ที่มีบาดแผลจากสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ในวันนี้ แก่งคอยเปลี่ยนบาดแผลแห่งประวัติศาสตร์เป็นเมืองแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตอ่านความคิด วิถีชีวิตผู้คนแก่งคอยได้ที่ WeCitizens : เสียงแก่งคอย, สระบุรี - WeCitizens Flip PDF…

1 year ago

ฟังเสียงนครสวรรค์ เมืองศูนย์กลางแห่งภาคเหนือตอนล่างและภาคกลางตอนบน

WeCitizens ชวนผู้อ่านเดินทางไปจังหวัดนครสวรรค์ เมืองที่อยู่กึ่งกลางระหว่างภาคเหนือและภาคกลาง เมืองที่เป็นจุดเปลี่ยนถ่ายการเดินทางทางน้ำในอดีต นครสวรรค์จึงเป็นเมืองสำคัญอีกเมืองหนึ่งในฐานะของเมืองที่เป็นศูนย์กลาง (Hub) ทั้งด้านการค้า การคมนาคม และนำมาซึ่งความหลากหลายทางวัฒนธรรมของผู้คนหลากหลายกลุ่ม โดยเฉพาะชาวจีนโพ้นทะเล E-book ฉบับเสียงนครสวรรค์ฉบับนี้ จะพาผู้อ่านทุกคนไปเรียนรู้วิถีชีวิตของชาวนครสวรรค์ วัฒนธรรมชาวจีนและเทศกาลตรุษจีนที่มีชื่อเสียงโด่งดังในระดับประเทศและนานาชาติ และไปฟังเสียงผู้คนชาวนครสวรรค์ที่มองบ้านเมืองของตนเองตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน…

1 year ago

แก่งคอย…ย้อนรอยสงครามโลกเปลี่ยนบาดแผลประวัติศาสตร์สู่เมืองเรียนรู้ตลอดชีวิต

นอกจากจะถูกจดจำจากเพลงดังที่มีชื่อเดียวกับชื่ออำเภอของ ก้าน แก้วสุพรรณ และเพลงฮิตของคาราบาว ซึ่งสื่อถึงที่มาของชื่อ ‘แก่งคอย’ อย่าง ‘แร้งคอย’ หากไม่ใช่คนในพื้นที่ อาจนึกภาพไม่ออกว่าอำเภอของจังหวัดสระบุรีที่เป็นปากทางขึ้นอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่และประตูสู่ภาคอีสาน มีความสำคัญอย่างไร? ไม่เพียงเป็นเมืองท่าที่สำคัญในการขนส่งสินค้าผ่านแม่น้ำป่าสักและทางรถไฟ อำเภอแก่งคอย ยังเป็นจุดเริ่มต้น (ต่อจากอำเภอเมืองสระบุรี)…

1 year ago

ขอนแก่นโมเดล
The Legacy of City Development

เพราะเมือง คือ ผู้คน และผู้คน คือ ตัวแปรสำคัญที่สุดในการพัฒนาเมือง ความเจริญงอกงามทางวัฒนธรรมหรือการเติบโตทางเศรษฐกิจ และมาตรฐานคุณภาพชีวิต จึงขึ้นอยู่กับศักยภาพ ความสามารถ และความร่วมมือร่วมใจของคนในเมืองเป็นฐานสำคัญ กว่าทศวรรษที่ ‘ขอนแก่นโมเดล’ เป็นโมเดลการพัฒนาเมืองที่ได้รับการยอมรับ และพูดถึงในฐานะแนวคิดและปฏิบัติการการพัฒนาเมืองที่ก้าวหน้ามากที่สุด…

1 year ago

“ขอนแก่นเราไม่ใช่เป็นเมืองที่นั่งรอคนเข้ามาทำนู่นนี่ให้”

เมืองขอนแก่น ผู้คน กับการเรียนรู้เพื่อก้าวต่อไป           ไม่มีภูเขา ไม่มีแม่น้ำสายใหญ่ อยู่ไกลโพ้นจากชายทะเล แหล่งท่องเที่ยวมีชื่อ หรือทรัพยากรธรรมชาติสำคัญก็น้อยนิด แต่มีคนที่เอาจริงเอาจังกับการพัฒนาเมืองกลุ่มใหญ่ที่กล้าคิดกล้าฝัน พยายามทำทุกลู่ให้ความหวังเป็นจริงได้ นี่คือปัจจัยที่ทำให้ช่วงเวลาเพียงกึงศตวรรษนำพาเมืองขอนแก่น เติบโตได้อย่างก้าวกระโดด  ‘ผู้คน และความร่วมมือ…

1 year ago

“สำนึกรักท้องถิ่น ถือเป็นหัวใจสำคัญของจิตสำนึกของคนขอนแก่น”

“เมื่อพูดถึงเรื่องเมืองแห่งการเรียนรู้ หรือ Learning City ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่รับผิดชอบของเทศบาลนครขอนแก่น เราดำเนินงานตามวิสัยทัศน์ที่ว่า ‘พัฒนาเมืองสู่สากล สร้างสังคมแห่งความสุข’ การที่เมืองจะพัฒนาได้และสร้างสังคมที่เป็นสุข ต้องเริ่มที่ ‘คน’ คนที่เป็นกำลังสำคัญในการร่วมกันพัฒนาเมือง ยกตัวอย่างในกรณีที่เปรียบเทียบง่าย ๆ เช่น ถ้าเราจะพัฒนาขอนแก่นเป็นเมือง…

1 year ago