“พิพิธภัณฑ์ของดีเมืองกาฬสินธุ์ตั้งอยู่บนชั้น 2 ของอาคารศาลากลางหลังเก่า ซึ่งปัจจุบันได้รับการพัฒนาเป็นหอศิลป์เมืองกาฬสินธุ์
แต่เดิมพิพิธภัณฑ์นี้เป็นของสำนักงานจังหวัดฯ มีสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดดูแลตรงนั้น กระทั่งมีการย้ายศาลากลางไปอยู่นอกเมือง จึงมีการถ่ายโอนพิพิธภัณฑ์ให้มาอยู่ในความดูแลของเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ในปี 2563 ก่อนที่เทศบาลฯ จะร่วมมือกับเครือข่ายภาคประชาชนจัดตั้งหอศิลป์เมืองกาฬสินธุ์ที่บริเวณชั้นล่าง และเปิดทำการมาถึงปัจจุบัน
หอศิลป์เมืองกาฬสินธุ์เปิดก่อนโควิด-19 ไม่นาน จึงไม่เป็นที่รับรู้ของคนส่วนใหญ่เท่าไหร่ จนสถานการณ์เริ่มซา ทางมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์เขาก็มาร่วมกับเทศบาลฯ เพื่อทำวิจัยเรื่องพื้นที่การเรียนรู้ และใช้หอศิลป์กับพิพิธภัณฑ์ของดีเมืองกาฬสินธุ์ของเราเป็นศูนย์กลาง จึงมีกิจกรรมต่างๆ จัดขึ้นเรื่อยมา โดยเฉพาะการย้ายถนนคนเดินจากย่านเมืองเก่ามาตั้งอยู่รอบอาคารหอศิลป์โดยจัดขึ้นทุกเย็นวันอังคาร รวมถึงมีกิจกรรมด้านการเรียนรู้สำหรับคนทุกวัยในตลาดด้วย พื้นที่เราจึงเป็นที่รู้จักมากขึ้น ไม่เฉพาะว่าเรามีนิทรรศการประวัติศาสตร์เมืองอยู่ชั้นบน และมีนิทรรศการศิลปะให้ชมชั้นล่าง แต่อาคารหลังนี้และรอบๆ สามารถปรับใช้เป็นลานจัดกิจกรรมให้หน่วยงานต่างๆ ได้ เป็นที่รู้จักในฐานะพื้นที่เรียนรู้ที่สามารถปรับไปตามโจทย์ของงานได้ ก็ต้องขอบคุณศิลปินสตรีทอาร์ทที่มาช่วยกันเพ้นท์อาคารให้มีสีสันสดใส สร้างภาพลักษณ์สร้างสรรค์ดึงดูดคนรุ่นใหม่มาใช้บริการด้วย
พี่คิดว่าอาคารหอศิลป์หลังนี้เป็นภาพสะท้อนของความร่วมมือของคนกาฬสินธุ์ที่ไม่ใช่แค่มาจากหน่วยงานรัฐฝั่งเดียว จริงอยู่นี่คือพื้นที่ที่บริหารโดยเทศบาล แต่การเกิดขึ้นของหอศิลป์และกิจกรรมรอบๆ โดยเฉพาะตลาดถนนคนเดิน เกิดจากการที่ทางเครือข่ายศิลปินได้คุยกับท่านนายกเทศมนตรี ก่อนจะมีความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ และกลุ่มผู้ประกอบการในการจัดตั้งตลาด จากตลาดเล็กๆ ไม่นานก็เกิดเป็นเครือข่ายผู้ประกอบการซึ่งมีพลังในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชน อย่างถนนคนเดินริมน้ำปาวที่เปิดขึ้นใหม่ ก็มาจากกลุ่มผู้ประกอบการที่นี่ร่วมมือกับทางเทศบาลและมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์เช่นกัน
เช่นเดียวกับโครงการเมืองแห่งการเรียนรู้ที่อาจารย์จากมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ขับเคลื่อน ก็ทราบมาว่าเขาได้งบประมาณไม่เยอะ เรียกว่าไม่พอที่จะจัดนิทรรศการหรือถนนคนเดินที่มีกิจกรรมต่อเนื่องอย่างที่เห็นด้วยซ้ำ แต่ก็เพราะได้รับความร่วมมือจากภาคส่วนต่างๆ งานจึงเกิดขึ้นได้ คุณลองเข้าไปดูเว็บไซต์หอศิลป์ก็ได้ งบกิจกรรมมีแค่หมื่นเดียว แต่เขาก็ทำออกมาได้ดีเกินงบไปเยอะมากๆ
แม้กิจกรรมเมืองแห่งการเรียนรู้จะช่วยสร้างความเคลื่อนไหวให้เมืองกาฬสินธุ์ได้มาก แต่ก็ต้องยอมรับว่าปัจจุบันเมืองของเรายังมีความเหลื่อมล้ำอยู่เยอะ ก็จำเป็นที่จะต้องแก้ไขหรือพัฒนาอีกมาก แต่เรื่องการศึกษาสำหรับเด็กๆ ในระบบ พี่ว่าวิชาการเราค่อนข้างโอเคแล้ว ควรส่งเสริมด้านอื่นๆ มากกว่า เช่นความถนัดทางวิชาชีพที่สอดรับกับบริบทของพื้นที่ หรือเรื่องศิลปะก็สำคัญ พอมีหอศิลป์ขึ้นมา ก็ทำให้พี่รู้ว่าเด็กๆ เขาสนใจศิลปะกันเยอะ บางทีเราอาจส่งเสริมให้เขาเข้าถึงการเรียนรู้เรื่องนี้ ไปพร้อมกับหาช่องทางหรือโอกาสให้เด็กๆ สามารถเอาสิ่งที่เรียนมาไปต่อยอดกับสถาบันหรือแหล่งเงินทุนต่างๆ ต่อไปได้”
รัศมี พลเทียน
นักวิชาการการศึกษา เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์
และหัวหน้างานการศึกษานอกระบบและตามอัธยาศัย
“ระบบนิเวศอีสปอร์ตคือฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะผ่านการยกระดับศักยภาพของผู้คน” ในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน สื่อสังคมออนไลน์อย่าง Facebook, Instagram หรือ YouTube ไม่ได้เป็นเพียงช่องทางสื่อสารหรือความบันเทิงอีกต่อไป หากแต่กลายเป็นเครื่องมือสร้างอาชีพ และพัฒนาทักษะของผู้คนทั่วโลก เช่นเดียวกับ “อีสปอร์ต” (Esports) หรือการแข่งขันวิดีโอเกม ที่เริ่มต้นในมหาวิทยาลัยสหรัฐฯ…
เมืองอัจฉริยะ (Smart City) ไม่ใช่แค่เรื่องของเซ็นเซอร์ แพลตฟอร์ม หรือระบบ AI ที่แม่นยำ แต่หัวใจที่แท้จริงของมันคือ “ผู้คน” – เพราะถ้าขาดการรับฟังเสียงสะท้อน หรือกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน เมืองจะไม่มีวันรู้ว่าควรก้าวไปทางไหนแต่ในโลกหลังโควิด-19 ที่ลานกิจกรรมถูกแทนที่ด้วยหน้าจอมือถือ—หน่วยงานรัฐที่ทำหน้าที่บริหารเมืองกลับเข้าไม่ถึงประชาชนได้มากพอ…
“แม้จะเป็นการเล่นเกม แต่นครสวรรค์ก็ไม่ได้มาเล่น ๆ เพราะนี่จะเป็นฟันเฟืองสำคัญที่เปลี่ยนให้เมืองผ่านกลายมาเป็นจุดหมายของใครหลายคน” เมื่อเอ่ยถึงนครสวรรค์ คุณนึกถึงอะไร? ประตูสู่ภาคเหนือ, “เมืองปากน้ำโพ” ชุมทางการค้าทางเรือในอดีต, เทศกาลตรุษจีน, ขนมโมจิ, ดินแดนอาหารอร่อย หรือ “พาสาน” แลนด์มาร์กแห่งใหม่กลางปากแม่น้ำเจ้าพระยา ภาพจำเหล่านี้คือสิ่งที่คนส่วนใหญ่นึกถึง…
“เรามีโครงสร้างพื้นฐานในการเป็นสมาร์ทซิตี้พร้อมแต่ที่ผ่านมา เรายังไม่มีกลไกในการพัฒนาบุคคลในกรอบนี้และอีสปอร์ตจะกลไกหนึ่ง ที่เริ่มต้นจากเด็กและเยาวชน” ไม่เพียงแต่เทศบาลนครนครสวรรค์จะเป็นหนึ่งในเทศบาลแห่งแรกที่ได้รับการคัดเลือกโดย สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) ให้เป็น เมืองอัจฉริยะ (Smart City) ตั้งแต่ปี 2564 หากแต่ในปัจจุบัน เทศบาลนครซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ…
“ผมไม่ได้ฝันว่าจะต้องมีซิลิคอนวัลเลย์ในนครสวรรค์แต่หวังว่าเราจะสามารถสร้างงานให้เด็กคนหนึ่งไม่ต้องเข้ากรุงเทพฯไม่ต้องทิ้งบ้านเกิดไปเพราะไม่มีโอกาส” “ในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลพาโลกไปไกล เกมกลายเป็นสื่อที่ช่วยให้เด็กเรียนรู้และพัฒนาตัวเองอย่างน่าทึ่งผมยกตัวอย่างลูกชายผม เขาเรียนอยู่ ป.1 มีเกมอยู่ 2 เกมที่เขาเล่นประจำ คือ Sprunki และ Roblox สองเกมนี้เน้นเรื่องการแปรรูปจินตนาการให้กลายเป็นรูปธรรม ตอนแรกผมก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเกมนี้หรอก จนมาศึกษา…
“ผมไม่ได้ปฏิเสธการศึกษาในระบบ แต่ถ้าเราสามารถสร้างทางเลือกให้กับเด็กที่มีความฝันจริงจังผู้ใหญ่อย่างพวกเราก็ควรต้องหาวิธีส่งเสริมพวกเขา” “สำหรับการขับเคลื่อนอีสปอร์ตให้กลายเป็นหนึ่งในกลไกการพัฒนาเมือง ผมมองออกเป็น 2 ประเด็นหลัก ประเด็นแรกคือ ผมเคยสอนวิชาอีคอมเมิร์ซ (E-commerce) ที่คณะบริหารและการจัดการ มหาวิทยาลัยเจ้าพระยา และตระหนักดีว่าสิ่งที่ทำให้ศาสตร์นี้ รวมถึงศาสตร์อื่น ๆ ที่เชื่อมโยงกับโลกดิจิทัล สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับผู้เรียน…