“ผมมองว่าความเป็นเมืองนานาชาติที่มีวัฒนธรรมอันหลากหลาย คือความพิเศษของเมืองเชียงใหม่ เพราะข้อสำคัญข้อหนึ่งเลยก็คือความหลากหลายเปิดให้เราได้เรียนรู้นอกสถาบันการศึกษาได้อย่างไม่จบสิ้น อย่างการทำงานกราฟิตี้หรือสตรีทอาร์ทของผม ก็เกิดจากการเรียนรู้จากศิลปินฝรั่งที่มาใช้ชีวิตหรือทำงานที่นี่ ไม่มีโรงเรียนไหนมาสอนการพ่นกำแพงหรอกครับ
แน่นอน เมื่อก่อนคนส่วนใหญ่มองว่าสตรีทอาร์ทมีภาพลักษณ์ที่ทำให้เมืองสกปรกหรือเป็นที่น่ารังเกียจ แต่พอเวลาผ่านไปเราก็ได้เรียนรู้ว่าถ้ามีการเรียนรู้หรือการจัดการที่ดี สตรีทอาร์ทมีส่วนทำให้เมืองสวยงามและเพิ่มมูลค่าของย่านนั้นๆ อย่างเช่นที่เมืองจอร์จทาวน์บนเกาะปีนัง ในหลายย่านของสิงคโปร์ หรือเมืองเก่าอย่างภูเก็ตหรือสงขลา สตรีทอาร์ทกลายเป็นเครื่องดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยี่ยมเยือนไม่ขาดสาย
อย่าง Dream Space Gallery CNX ที่ผมรับหน้าที่ร่วมดูแลอยู่ก็เช่นกัน ที่นี่เกิดจากวิสัยทัศน์ของเจ้าของที่เป็นนักธุรกิจที่มองว่าเมืองของเราควรจะมีสถานที่เรียนรู้เชิงวัฒนธรรมร่วมสมัยให้คนรุ่นใหม่ เขาจึงแบ่งพื้นที่ที่เป็นโกดังสำหรับจัดแสดงงานศิลปะแนวสตรีทอาร์ท รวมถึงพื้นที่เวิร์คช็อปศิลปะเด็ก โรงละคร ไปจนถึงลานสเก็ต เป็นทางเลือกให้เยาวชนที่สนใจในกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์นอกห้องเรียน ผมมองว่าทุกๆ เมืองควรมีพื้นที่แห่งการเรียนรู้แบบนี้เกิดขึ้น เพราะมันมีความสำคัญไม่ต่างจากศูนย์การค้า พิพิธภัณฑ์ หรือสวนสาธารณะ
นอกจากนี้ ผมเชื่อเช่นเดียวกับอีกหลายคนที่เห็นว่าเชียงใหม่เป็นเมืองแห่งศิลปะครับ ไม่ใช่แค่ว่าที่นี่มีศิลปินหรืออาร์ทสเปซอยู่เยอะ แต่ประวัติศาสตร์และความงามของเมืองหล่อหลอมให้คนที่นี่รักในศิลปะและวัฒนธรรม จึงรู้สึกเสียดายที่ว่าหน่วยงานรัฐหรือผู้ประกอบการกลับไม่ค่อยนำจุดแข็งตรงนี้มาประยุกต์กับการออกแบบหรือพัฒนาเมืองเท่าที่ควร เพราะในขณะที่เรามีคนทำงานสร้างสรรค์ในเมืองมากมาย แต่เรากลับเห็นป้ายหรือสิ่งที่เป็นทัศนอุจาดเต็มไปหมด จึงคิดว่าถ้าเราหาวิธีเชื่อมให้รัฐหรือผู้ประกอบการที่มีอิทธิพลต่อภูมิทัศน์เมืองได้ร่วมงานกับนักออกแบบหรือศิลปิน เมืองเชียงใหม่จะสวยงามและน่าอยู่ได้มากขึ้นกว่านี้อีกเยอะครับ”
///
สัญชัย ไชยนันท์
ศิลปินสตรีทอาร์ท และผู้ดูแล Dream Graff ภายใน Dream Space Gallery CNX
พลังคน พลังโคมลำพูน: เมืองเล็ก ๆ ที่เปี่ยมไปด้วยพลังสร้างสรรค์ แม้ ดร.สุดารัตน์ อุทธารัตน์ เป็นคนเชียงใหม่ เธอก็หาใช่เป็นคนอื่นคนไกลสำหรับชาวลำพูนเพราะก่อนจะเข้ามาขับเคลื่อนงานวิจัยเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาดกับเทศบาลเมืองลำพูน เธอได้ทำวิจัยเกี่ยวกับเมืองแห่งนี้มาหลายครั้ง โดยเฉพาะโครงการขับเคลื่อนเยาวชนเพื่อเตรียมพร้อมสู่การเป็นพลเมืองของเมืองแห่งการเรียนรู้ของ UNESCO ในปี 2566-2567 - นั่นล่ะ…
“เป็นสิ่งวิเศษที่สุด ที่ผ้าไหมของจังหวัดลำพูนได้ปรากฏต่อสายตาผู้คนทั้งในและต่างประเทศ ทั้งเมื่อครั้งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงให้การส่งเสริม และทรงฉลองพระองค์ด้วยผ้าไหมยกดอกลำพูนในพระราชพิธีสำคัญต่าง ๆ และกระทั่งในปัจจุบัน สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 10 ก็ทรงส่งเสริมผ้าไหมไทย และฉลองพระองค์ด้วยผ้าไหมยกดอกลำพูนในพระราชพิธีสำคัญเช่นกัน ดิฉันเป็นคนลำพูน มีความภูมิใจในงานหัตถศิลป์การทอผ้าไหมยกดอกนี้มาก ๆ และตั้งใจจะรักษามรดกทางวัฒนธรรม ทำหน้าที่ส่งต่อถึงคนรุ่นต่อไป…
“ความที่โตมาในลำพูน เราตระหนักดีว่าเมืองเรามีต้นทุนทางวัฒนธรรมที่สูงมาก ทั้งยังมีบรรยากาศที่น่าอยู่ อย่างไรก็ดี อาจเพราะเป็นเมืองขนาดเล็ก ลำพูนมักถูกมองข้ามจากแผนการพัฒนาของประเทศ เป็นเหมือนเมืองที่มีศักยภาพ แต่ยังไม่ถูกปลุกให้ตื่นความที่เราเคยทำงานที่ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (ปัจจุบันคือสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA - ผู้เรียบเรียง) ได้เห็นตัวอย่างความสำเร็จของกระบวนการพัฒนาย่านด้วยกรอบพื้นที่สร้างสรรค์ในหลายพื้นที่…
“ผมเป็นคนลำพูน และชอบทำกิจกรรมนอกห้องเรียนมาตั้งแต่เด็ก ปัจจุบันเป็นประธานสภาเด็กและเยาวชนจังหวัดลำพูน ควบคู่ไปกับกำลังศึกษาคณะรัฐศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่จากประสบการณ์การทำงานในสภาฯ ทำให้ผมเห็นว่า เยาวชนลำพูนมีศักยภาพที่หลากหลาย แต่สิ่งที่ขาดไปคือเวทีที่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้แสดงความสามารถและพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากการสนับสนุนจากโรงเรียนหรือโครงการของภาคเอกชน ปี 2567 พี่อร (ดร.สุดารัตน์ อุทธารัตน์…
“อาคารหลังนี้แต่ก่อนเป็นที่ประทับของเจ้าราชสัมพันธวงษ์ลำพูน (พุทธวงษ์ ณ เชียงใหม่) น้องเขยของเจ้าจักรคำขจรศักดิ์ เจ้าหลวงองค์สุดท้ายของลำพูน อาคารถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 2455 หลังจากนั้นก็ถูกขายให้พ่อค้าชาวจีนไปทำเป็นโรงเรียนหวุ่นเจิ้ง สอนภาษาจีนและคณิตศาสตร์ โรงเรียนนี้เปิดได้ไม่นานก็ต้องปิด เพราะสมัยนั้นรัฐบาลเพ่งเล็งว่าอะไรที่เป็นของจีนจะเกี่ยวข้องกับลัทธิคอมมิวนิสต์ แต่หนูก็ไม่รู้หรอกว่าโรงเรียนนี้เกี่ยวข้องหรือเปล่า (ยิ้ม) จากนั้นอาคารก็ถูกเปลี่ยนมาเป็นโรงเรียนมงคลวิทยาในปี…
“เราโตมากับวัฒนธรรมของคนลำพูน ชอบไปเดินงานปอย ร่วมงานบุญ ก่อนหน้านี้ก็เคยทำงานรับจ้างทั่วไป จนเทศบาลฯ มาส่งเสริมเรื่องการทำโคม โดยมีสล่าจากชุมชนศรีบุญเรืองมาสอน เราก็ไปเรียนกับเขา ตอนนี้อาชีพหลักคือการทำโคม ทำมาได้ 2 ปีแล้ว สำหรับเรา โคมคืองานศิลปะ เป็นสัญลักษณ์และมรดกที่ยึดโยงกับวัฒนธรรมของคนบ้านเรา ตอนแรกเราไม่มีความคิดเลยว่ามันจะกลายมาเป็นอาชีพได้…