เพราะชุมชนไม่ต้องการแค่วิชา แต่เป็น ‘วิชาญ’ ที่หมายถึงภูมิปัญญาบวกองค์ความรู้ เรามีความรู้อย่างเดียว แต่ไม่รู้จะใช้ยังไง ก็ไม่มีประโยชน์ รู้แล้วต้องมีวิธีใช้ความรู้นั้นให้ได้ด้วย

“ก่อนที่ อบต.ปากพูนจะได้รับการยกระดับเป็นเทศบาลเมืองปากพูน ช่วงปี 2542-2543 ผมได้ทำฐานข้อมูลประชากรชาวปากพูน ที่รวบรวมข้อมูลพื้นฐาน รายได้ ไปจนถึงข้อมูลสุขภาพเก็บไว้ เพราะคิดว่าถ้าอยากทำให้เมืองมีการพัฒนาไปพร้อมกับบรรยากาศของการเรียนรู้ การทำความเข้าใจต้นทุนและศักยภาพของตำบล ซึ่งในที่นี้หมายถึงการรู้จักชาวบ้านทุกคน เป็นเรื่องสำคัญ

พอได้ข้อมูลพื้นฐานตรงนี้ ผมก็ชักชวนบุคคลที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของชุมชนมาพูดคุยกันเป็นระยะๆ สมมุติว่าเป็นชาวประมง ผมก็ขีดกลมๆ กลุ่มประมงไว้ เรารู้จักเขา และก็สร้างกิจกรรมให้เขาได้รู้จักผู้ประกอบการด้วยกันเอง มีกี่กลุ่มก็ทำแบบนั้น กลุ่มใบกระท่อม กัญชา ปศุสัตว์ เกษตรกร และอื่นๆ

รู้จักกันแล้ว ผมก็เริ่มหาความเชื่อมโยง ลากเส้นจากวงหนึ่งไปอีกวงหนึ่ง ดูสิว่าแต่ละกลุ่มจะเชื่อมอะไรกันได้บ้าง วัตถุดิบเอย การจ้างงานเอย ไปจนถึงเชื่อมความคิด ซึ่งผมไม่ได้เชื่อมโยงแค่จะเพื่อหาวิธีบูรณาการในการพัฒนาศักยภาพ แต่การทำฐานข้อมูลตรงนี้ ยังทำให้ผมรู้ได้อีกว่าหมู่บ้านไหนเป็นยังไงบ้าง เขามีความสุขไหมหรือบ้านไหนป่วย ซึ่งก็ทำให้เราง่ายต่อการหนุนเสริม

ยกตัวอย่างช่วงปี 2552 ผมพบข้อมูลว่าในหมู่ 11 มีผู้สูงอายุที่เป็นโรคเรื้อรังพวกเบาหวานและความดันสูงกว่าชุมชนอื่นๆ คิดเป็น 50% ของประชากรทั้งหมด และมีกลุ่มเสี่ยงอีก 78% เลยไปดูข้อมูลอีก พบว่าคนหมู่ 11 นี้มีความรู้เรื่องอาหารการกินน้อย ส่วนใหญ่มีวิถีแบบเช้ามาก็กินไก่ทอดและน้ำชาเลย อาหารประจำวันก็ใส่ผงชูรสเยอะ เหล่านี้สอดคล้องกับสุขภาพคนกินหมด ทีนี้เพราะเรารู้ว่าใครเป็นใครแล้ว ก็ทำให้ผมรู้อีกว่าในหมู่บ้านนี้มีใครทำอาชีพอะไรบ้าง และนั่นทำให้ผมรู้จักกลุ่มชาวบ้านที่ทำผงนัวจากผักโขม ผักตำลึง มาใช้แทนผงชูรส ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมาก 

ในฐานะเทศบาลผมก็หาเครื่องมือและการรณรงค์ให้คนเข้าถึงการใช้ผงนัวของผู้ประกอบการในชุมชนแทนผงชูรส แล้วผมก็นำเสนอข้อมูลให้ชาวบ้านในหมู่นั้นเห็นว่า แต่ละครัวเรือนโดยเฉลี่ยเขามีค่าใช้จ่ายต่อปีเท่าไหร่บ้าง ค่าไฟราว 7,000 บาท ค่าเล่าเรียนลูก 8,000 กว่าบาท ค่าเงินที่ต้องไปซื้อยากินเองจากคลินิกหากคุณเป็นโรคเรื้อรังประมาณ 10,000 กว่าบาท ค่าน้ำมันรถ 58,000 ต่อปี โดยค่าน้ำมันรถนี่รวมถึงค่าน้ำมันที่ใช้ไปซื้อยาอีก เป็นต้น


พอข้อมูลถูกกางออก ชาวบ้านก็เห็นล่ะว่าค่าใช้จ่ายด้านรักษาสุขภาพเขานี่แพงกว่าค่าเทอมลูกอีกนะ ถ้าเขาไม่ป่วย ลูกก็ได้เรียนฟรีเลย แถมยังมีเงินเหลือเก็บอีก 2,000 บาทเป็นอย่างน้อย แล้วทำไงถึงไม่ป่วย ก็ต้องเริ่มจากวิถีการกิน การออกกำลังกาย คุณชอบกินอาหารรสจัดใช่ไหม ไม่มีปัญหา เพราะหมู่บ้านเรามีคนทำผงนัวจากผัก อร่อยเหมือนกัน ก็สนับสนุนให้เขาใช้เจ้านี่ประกอบอาหารแทน ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมให้มีการออกกำลังกาย เราก็หาพื้นที่ หาอุปกรณ์ให้เขา ทำให้เขาเห็นว่าด้วยต้นทุนตรงนี้ สุขภาพของคุณจะดี เศรษฐกิจของชุมชนก็จะดีในระยะยาว  

ซึ่งพอชาวบ้านหมู่ 11 หันมาใส่ใจตรงนี้มากขึ้น องค์กรอื่นๆ ก็หันมาสนใจโมเดลนี้ด้วย มีกลุ่มต่างๆ ลงพื้นที่เพื่อสนับสนุนโครงการ รวมถึง สสส. ที่ชักชวนหน่วยงานท้องถิ่นอื่นๆ มาดูงาน พอเป็นแบบนี้ ผมจึงทำหลักสูตร 5 วัน ให้มาเรียนรู้กระบวนการจัดการของพื้นที่ ตั้งแต่การทำฐานข้อมูล สร้างเครือข่าย ไปจนถึงสกัดเป็นนวัตกรรม จากนั้นก็ทำโฮมสเตย์มารองรับคนมาดูงาน ได้เงินสนับสนุนจาก สสส. ไปพร้อมกับทำให้ธุรกิจท่องเที่ยวแนวศึกษาดูงานเกิดขึ้นในชุมชน

โดย 3 ปีแรกมีคนมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่นี่ 40,000 กว่าคน และผลจากที่กิจกรรมต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน ตอนนี้เรามีเครือข่ายด้านการเรียนรู้ที่นำโมเดลของเราไปใช้ 3,496 องค์กร จากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 7,800 แห่งทั่วประเทศ


ผมมองเมืองแห่งการเรียนรู้ในแง่มุมนี้ แง่มุมที่ผู้คนในชุมชนรู้จักว่าเราเป็นใคร มีวิถีชีวิตเป็นเช่นไร เข้าถึงข้อมูลรอบด้านของตัวเอง และนำข้อมูลเหล่านี้มาประมวลเพื่อหนุนเสริมคุณภาพชีวิตของพวกเราเอง ขณะเดียวกันก็นำไปต่อยอดเพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชนไปพร้อมกัน

และด้วยเหตุนี้ ผมในฐานะตัวแทน อบต.ปากพูน จึงสนับสนุนงานวิจัยที่มีส่วนในการพัฒนาชุมชนของเราทั้งหมด ขอแค่งานวิจัยนั้นๆ มีกลไกที่จะทำให้องค์ความรู้ที่สกัดมาได้เกิดรูปธรรมที่ยั่งยืนกับคนในชุมชน เพราะชุมชนไม่ต้องการแค่วิชา แต่เป็น ‘วิชาญ’ ที่หมายถึงภูมิปัญญาบวกองค์ความรู้ เรามีความรู้อย่างเดียว แต่ใช้ไม่เป็น ก็ไม่มีประโยชน์ รู้แล้วต้องมีวิธีใช้ความรู้นั้นให้ได้ด้วย”

ธนาวุฒิ ถาวรพราหมณ์
นายกเทศมนตรีเมืองปากพูน
ตำบลปากพูน อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช

https://www.pakpooncity.go.th/index.php

กองบรรณาธิการ

Recent Posts

[THE RESEARCHER]<br />ดร.สุดารัตน์ อุทธารัตน์<br />หัวหน้าโครงการวิจัยเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด เทศบาลเมืองลำพูน<br />นักวิจัยจากสถาบันวิจัยพหุศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

พลังคน พลังโคมลำพูน: เมืองเล็ก ๆ ที่เปี่ยมไปด้วยพลังสร้างสรรค์ แม้ ดร.สุดารัตน์ อุทธารัตน์ เป็นคนเชียงใหม่ เธอก็หาใช่เป็นคนอื่นคนไกลสำหรับชาวลำพูนเพราะก่อนจะเข้ามาขับเคลื่อนงานวิจัยเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาดกับเทศบาลเมืองลำพูน เธอได้ทำวิจัยเกี่ยวกับเมืองแห่งนี้มาหลายครั้ง โดยเฉพาะโครงการขับเคลื่อนเยาวชนเพื่อเตรียมพร้อมสู่การเป็นพลเมืองของเมืองแห่งการเรียนรู้ของ UNESCO ในปี 2566-2567 - นั่นล่ะ…

1 week ago

[THE CITIZENS]<br />ปริยาพร วีระศิริ<br />เจ้าของแบรนด์ผ้าไหม “อภิรมย์ลำพูน”

“เป็นสิ่งวิเศษที่สุด ที่ผ้าไหมของจังหวัดลำพูนได้ปรากฏต่อสายตาผู้คนทั้งในและต่างประเทศ ทั้งเมื่อครั้งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงให้การส่งเสริม และทรงฉลองพระองค์ด้วยผ้าไหมยกดอกลำพูนในพระราชพิธีสำคัญต่าง ๆ และกระทั่งในปัจจุบัน สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 10 ก็ทรงส่งเสริมผ้าไหมไทย และฉลองพระองค์ด้วยผ้าไหมยกดอกลำพูนในพระราชพิธีสำคัญเช่นกัน ดิฉันเป็นคนลำพูน มีความภูมิใจในงานหัตถศิลป์การทอผ้าไหมยกดอกนี้มาก ๆ   และตั้งใจจะรักษามรดกทางวัฒนธรรม   ทำหน้าที่ส่งต่อถึงคนรุ่นต่อไป…

2 weeks ago

[THE CITIZENS]<br />ไชยยง รัตนอังกูร<br />ผู้ก่อตั้ง ลำพูน ซิตี้ แลป

“ความที่โตมาในลำพูน เราตระหนักดีว่าเมืองเรามีต้นทุนทางวัฒนธรรมที่สูงมาก ทั้งยังมีบรรยากาศที่น่าอยู่ อย่างไรก็ดี อาจเพราะเป็นเมืองขนาดเล็ก ลำพูนมักถูกมองข้ามจากแผนการพัฒนาของประเทศ เป็นเหมือนเมืองที่มีศักยภาพ แต่ยังไม่ถูกปลุกให้ตื่นความที่เราเคยทำงานที่ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (ปัจจุบันคือสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA - ผู้เรียบเรียง) ได้เห็นตัวอย่างความสำเร็จของกระบวนการพัฒนาย่านด้วยกรอบพื้นที่สร้างสรรค์ในหลายพื้นที่…

2 weeks ago

[THE CITIZENS]<br />ธีรธรรม เตชฤทธ์<br />ประธานสภาเด็กและเยาวชนจังหวัดลำพูน

“ผมเป็นคนลำพูน และชอบทำกิจกรรมนอกห้องเรียนมาตั้งแต่เด็ก ปัจจุบันเป็นประธานสภาเด็กและเยาวชนจังหวัดลำพูน ควบคู่ไปกับกำลังศึกษาคณะรัฐศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่จากประสบการณ์การทำงานในสภาฯ ทำให้ผมเห็นว่า เยาวชนลำพูนมีศักยภาพที่หลากหลาย แต่สิ่งที่ขาดไปคือเวทีที่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้แสดงความสามารถและพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากการสนับสนุนจากโรงเรียนหรือโครงการของภาคเอกชน ปี 2567 พี่อร (ดร.สุดารัตน์ อุทธารัตน์…

2 weeks ago

[THE CITIZENS]<br />ชนัญชิดา บุณฑริกบุตร<br />ผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์ชุมชนเมืองลำพูน

“อาคารหลังนี้แต่ก่อนเป็นที่ประทับของเจ้าราชสัมพันธวงษ์ลำพูน (พุทธวงษ์ ณ เชียงใหม่) น้องเขยของเจ้าจักรคำขจรศักดิ์ เจ้าหลวงองค์สุดท้ายของลำพูน อาคารถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 2455 หลังจากนั้นก็ถูกขายให้พ่อค้าชาวจีนไปทำเป็นโรงเรียนหวุ่นเจิ้ง สอนภาษาจีนและคณิตศาสตร์ โรงเรียนนี้เปิดได้ไม่นานก็ต้องปิด เพราะสมัยนั้นรัฐบาลเพ่งเล็งว่าอะไรที่เป็นของจีนจะเกี่ยวข้องกับลัทธิคอมมิวนิสต์ แต่หนูก็ไม่รู้หรอกว่าโรงเรียนนี้เกี่ยวข้องหรือเปล่า (ยิ้ม)  จากนั้นอาคารก็ถูกเปลี่ยนมาเป็นโรงเรียนมงคลวิทยาในปี…

2 weeks ago

[THE CITIZENS]<br />นงเยาว์ ชัยพรหม<br />คนทำโคมจากชุมชนชัยมงคล

“เราโตมากับวัฒนธรรมของคนลำพูน ชอบไปเดินงานปอย ร่วมงานบุญ ก่อนหน้านี้ก็เคยทำงานรับจ้างทั่วไป จนเทศบาลฯ มาส่งเสริมเรื่องการทำโคม โดยมีสล่าจากชุมชนศรีบุญเรืองมาสอน เราก็ไปเรียนกับเขา ตอนนี้อาชีพหลักคือการทำโคม ทำมาได้ 2 ปีแล้ว  สำหรับเรา โคมคืองานศิลปะ เป็นสัญลักษณ์และมรดกที่ยึดโยงกับวัฒนธรรมของคนบ้านเรา ตอนแรกเราไม่มีความคิดเลยว่ามันจะกลายมาเป็นอาชีพได้…

2 weeks ago