“หาดใหญ่มีคลองระบายน้ำอยู่สองแห่ง คลองอู่ตะเภาทางทิศตะวันตกของเมือง และคลองเตยทางทิศตะวันออก ทั้งสองแห่งทำหน้าที่ระบายน้ำจากในเมืองออกสู่ทะเล
โดยคลองที่ตัดผ่านย่านใจกลางเมือง และอยู่คู่กับวิถีคนหาดใหญ่ จนคนส่วนใหญ่เคยชินจึงไม่ได้เห็นว่ามันมีความสำคัญอะไรคือคลองเตย คลองนี้เป็นกลไกหนึ่งที่ทำให้ตัวเมืองไม่เกิดน้ำท่วมเมื่อฝนตกหนัก ซึ่งตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีหลายครัวเรือนรุกล้ำพื้นที่ริมคลอง หรือหนักเข้าก็มีบางคนเอาขยะไปทิ้งในนั้น ทำให้ไม่เพียงน้ำในคลองเน่าเสีย แต่ขยะยังไปอุดตันทำให้คลองบางช่วงสูญเสียศักยภาพในการระบายน้ำอีก
พี่เป็นหนึ่งในทีมงานของพี่เจี๊ยบ (สิทธิศักดิ์ ตันมงคล, หัวหน้าโครงการคลองเตยลิงก์) โดยเป็นตัวแทนของหน่วยงานรัฐซึ่งก็คือเทศบาลนครหาดใหญ่ ก็ช่วยดูเรื่องผังเมือง และเป็นตัวกลางเชื่อมหน่วยงานหรือชุมชนต่างๆ เข้ากับโครงการ เพราะต้องเข้าใจว่าพอทำงานกับหลายชุมชน บางชุมชนอาจพึงพอใจให้ความร่วมมือกับภาคประชาชน แต่บางชุมชนก็ต้องอาศัยเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาเป็นตัวกลาง
อันที่จริงก่อนหน้านี้คลองเตยมีนักวิจัยมาทำงานหลายโครงการมากนะ ทั้งทางด้านชลประทาน ผังเมือง สิ่งแวดล้อม และอื่นๆ แต่พอมันอยู่ในระดับงานวิจัย เมื่อวิจัยเสร็จ แม้หลายโครงการจะมีข้อเสนอที่ดี ก็กลับไม่ได้รับการพัฒนาต่อ การศึกษาจึงถูกปล่อยทิ้งไว้อย่างนั้น
แต่กับโครงการคลองเตยลิงก์ที่อยู่ใต้ร่มของโครงการเมืองแห่งการเรียนรู้ พี่มองว่าการใช้คำว่า ลิงก์ (link) ของพี่เจี๊ยบ จึงไม่ใช่แค่การเชื่อมโยงในเชิงกายภาพหรือการคมนาคม แต่เป็นการลิงก์ผู้คนในชุมชนรอบคลองให้ทำงานร่วมกัน และสร้างมูลค่าจากต้นทุนที่มี และด้วยความที่พี่เจี๊ยบแกทำงานด้านพัฒนาเมืองมายาวนาน แกจึงสามารถรวบรวมเครือข่ายทั้งรัฐ เอกชน และประชาสังคมที่มาร่วมขับเคลื่อนโครงการนี้ได้มากถึง 50 กว่าเครือข่าย พี่เห็นถึงความตั้งใจของแกที่อยากเปลี่ยนแปลงเมืองหาดใหญ่ และเห็นว่าเครือข่ายนี้มีศักยภาพมากพอที่จะเปลี่ยนงานวิจัยให้กลายเป็นการพัฒนาที่เป็นรูปธรรม
เราก็ต้องมาดูกันต่อว่าทางโครงการจะได้รับการสนับสนุนให้ไปต่อได้มากขนาดไหน แต่ที่ผ่านมา โครงการมีความก้าวหน้าที่น่าดีใจนะ เครือข่ายกว้างขึ้น ภาคประชาชนเข้มแข็งขึ้น และทางเทศบาลก็พร้อมรับข้อเสนอไปพัฒนาต่อในอนาคต นี่ไม่ใช่การอวยหน่วยงานเดียวกันเองนะ แต่นายกเทศมนตรีของเราเขาก็ตระหนักในเรื่องนี้ และพยายามดึงภาคีต่างๆ มาร่วมพัฒนาเมือง ตรงนี้แหละที่พี่มองว่ามันเป็นความหวัง
ส่วนคำถามที่ว่าคนหาดใหญ่ควรเรียนรู้เรื่องอะไรเป็นพิเศษ พี่มองว่าการมีทักษะที่หลากหลายซึ่งสามารถต่อยอดไปสู่อาชีพหรือแหล่งรายได้ใหม่ๆ น่าจะสำคัญ เพราะคนทุกคนไม่ว่าจะประกอบอาชีพอะไร แต่ละคนก็ล้วนมีองค์ความรู้และทักษะเฉพาะตัวของตัวเอง การดึงความรู้ที่แต่ละคนมีเหล่านั้นมารวมไว้ในแพลตฟอร์มใดแพลตฟอร์มหนึ่ง ซึ่งทำหน้าที่กระจายสิ่งนี้ส่งให้คนอื่นได้เรียนรู้นี่แหละ จะทำให้ผู้คนในเมืองเข้าถึงโอกาสใหม่ๆ ในการทำมาหากินหรือพัฒนาคุณภาพชีวิตตัวเองได้
ความคิดแบบนี้ก็คล้ายๆ กับสิ่งที่พี่เจี๊ยบทำกับโครงการคลองเตยลิงก์อยู่เหมือนกัน เพราะเขาพยายามดึงอัตลักษณ์ชุมชน ดึงภูมิปัญญา และทักษะเฉพาะของผู้คนในแต่ละชุมชนเลียบคลองเตยมาเป็นฐานข้อมูลให้คนทั่วไปได้เข้าถึงและเรียนรู้ เขาพยายามเปลี่ยนให้คลองที่คนหาดใหญ่มองข้าม กลายมาเป็นพื้นที่เรียนรู้ทั้งเชิงศิลปวัฒนธรรมไปจนถึงวิชาชีพ”
พีรวรรณ พงษ์ไพบูลย์
นักผังเมืองชำนาญการพิเศษ เทศบาลนครหาดใหญ่
ชวนอ่าน WeCitizens เมืองเชียงราย : เมืองนวัตกรรมการเกษตร Ebook ได้ที่ https://anyflip.com/jnmvd/iyvl/ Download PDF File : https://drive.google.com/.../1mQO8ZR9GTik02hfUPdS.../view... บอกเล่าเรื่องราวมุมมองเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด (Livable…
คนนครวัย 30 ปีขึ้นไปน่าจะคุ้นกับร้านหนังสือ “นาคร-บวรรัตน์” บนถนนราชดำเนิน ย่านท่าวัง ที่นี่คือร้านหนังสืออิสระที่เป็นพื้นที่จัดกิจกรรมอ่าน-เขียน และแสดงผลงานศิลปะ รวมถึงเป็นศูนย์รวมของนักเขียนและศิลปิน ทั้งจากกลุ่มวรรณกรรม “นาคร” เหล่านักเขียนรางวัล และศิลปินแห่งชาติที่แวะเวียนมาอยู่เสมอ จนกลายเป็นแรงขับสำคัญที่ทำให้เมืองนครมีชื่อในฐานะเมืองแห่งนักเขียนและศิลปิน อดีตร้านหนังสือแห่งนี้ตั้งอยู่ภายใน…
สมัยก่อนพ่อเป็นนายหนังตะลุงที่หวงวิชามากจนมีโอกาสเข้าเฝ้าในหลวง ร.9คำตรัสของพระองค์ท่าน เปลี่ยนความคิดพ่อไปอย่างสิ้นเชิง “สมัยก่อน นายหนังหรือผู้แสดงหลักในหนังตะลุง ส่วนใหญ่เขาจะหวงวิชามากนะครับ มันเหมือนศิลปะการแสดงที่ถ่ายทอดกันอย่างจำกัด และนายหนังแต่ละคนก็จะมีศาสตร์เฉพาะตัวในการแสดงเช่นเดียวกับคุณพ่อของผม (สุชาติ ทรัพย์สิน) แกก็เป็นคนหวงวิชามาก ๆ ใครมาขอให้สอนตอกหนังหรือเชิดหุ่นนี่ยาก กระทั่งปี 2527…
เมืองเรามีสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีความพร้อม แต่พื้นที่ระดับชุมชนที่ชาวบ้านได้มาจัดกิจกรรมร่วมกัน แบบที่ไม่ต้องใช้พื้นที่ถนนสาธารณะน่ะ ยังไม่มี ถ้ามีจะดีมาก ๆ “ครอบครัวพี่แต่เดิมเป็นชาวนาอยู่นอกเขตเทศบาล กระทั่งพี่ชายและพี่สาวสอบติดโรงเรียนกัลยาณีศรีธรรมราช แม่ก็เลยตัดสินใจย้ายเข้ามาทำงานในเมืองแม่มาปลูกบ้านอยู่แถวถนนพัฒนาการคูขวางราวปี 2521 ก่อนหน้าที่เขาจะตัดถนนเป็น 4 เลน ย่านที่เราอยู่ค่อนข้างเสื่อมโทรม เหมือนขยะใต้พรมของเมือง…
การจะทำให้เมืองเราเป็นเมืองอัจฉริยะปัจจัยสำคัญที่ต้องมีคือการมีโรงเรียนที่ตอบโจทย์การศึกษาด้านเทคโนโลยี “เวลาพูดถึงโรงเรียนในสังกัดเทศบาล หรือกระทั่งโรงเรียนวัดเนี่ย คนส่วนมากมักนึกถึงการเป็นโรงเรียนขยายโอกาส หรือทางเลือกสุดท้าย ไม่ใช่ทางเลือกหลักของผู้ปกครองส่วนใหญ่นักอย่างไรก็ตาม กับโรงเรียนทั้ง 8 แห่งในสังกัดเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นโรงเรียนวัดทั้งหมดด้วย กลับแตกต่างออกไป เพราะที่นี่กลายเป็นโรงเรียนที่เด็ก ๆ ในนครต้องสอบแข่งขันเพื่อเข้าเรียน กลายเป็นโรงเรียนชั้นนำในกลุ่มปฐมวัยไปสิ่งนี้ต้องยกเครดิตให้นายกเทศมนตรีสมนึก…
แม้เราจะพึ่งพาเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือหลักแต่แก่นสารของมันคือการคิดนโยบายที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้คนหัวใจสำคัญจึงไม่ใช่เทคโนโลยี แต่เป็นผู้คน “หลังเรียนจบผมก็กลับมานครบ้านเกิด เข้าทำงานเป็นลูกจ้างเทศบาล ก่อนจะไต่เต้าขึ้นมาเรื่อย ๆ จนเป็นเจ้าหน้าที่วิเคราะห์แผนและนโยบายในปัจจุบันสี่ปีที่แล้ว ตอน ดร.โจ (กณพ เกตุชาติ) หาเสียงเพื่อรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราชสมัยแรก ท่านได้เสนอนโยบายเรื่องเมืองอัจฉริยะด้วยการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อทำให้เมืองน่าอยู่ พอท่านได้รับเลือกเข้ามา บทบาทของผมคือการช่วยท่านเขียนแผนดังกล่าวผมได้เรียนรู้จาก…