“สถาบันศึกษาการพัฒนาการประชาธิปไตย (Institute of Democratization Studies: iDS) เป็นพาร์ทเนอร์กับมูลนิธิคอนราด อาเดนาวร์ (Konrad-Adenauer-Stiftung) ประเทศเยอรมนี มาร่วม 10 ปีแล้ว เรามีภารกิจเดียวกันคือการส่งเสริมกระบวนการกระจายอำนาจของท้องถิ่น และหาโซลูชั่นใหม่ๆ ในการพัฒนาประเทศตั้งแต่ระดับบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ
ในปี 2560 รัฐบาลไทยได้ทำกรอบการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ หรือ Smart City ขึ้น ซึ่งเป็นโจทย์เดียวกับที่ทางสหภาพยุโรป (EU) ขับเคลื่อนอยู่ โดยมี Smart City Charter เป็นกรอบใหญ่ เพื่อถอดเมืองสมาร์ทซิตี้กว่า 200 เมืองทั่วยุโรป ให้แต่ละเมืองทำ DNA ของเมืองตัวเองออกมา
พอพูดถึงสมาร์ทซิตี้ในบ้านเรา หลายคนจะมองไปที่เมืองขอนแก่นเสียเยอะ เพราะมีโมเดลบริษัทพัฒนาเมืองเกิดขึ้น แต่เราก็เห็นว่าความรับรู้ของผู้คนส่วนใหญ่ยังมอง Smart City ในกรอบของการทำการคมนาคม หรือ Smart Mobility เป็นหลัก ซึ่งจริงๆ แล้วความสมาร์ทมันต้องครอบคลุมในทุกมิติ เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตคนในเมือง ทำให้เมืองเกิดรายได้เพิ่มขึ้นมา
ผมจึงไปฟอร์มทีมกับคณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยนเรศวรและมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อคัดเลือกเมืองในภาคเหนือมาทำโมเดลสมาร์ทซิตี้ และพบว่านครสวรรค์เป็นเมืองที่มีศักยภาพอย่างมาก ทั้งทางด้านการคมนาคมขนส่ง และมีการพัฒนาเศรษฐกิจเป็นอันดับ 3 ในกลุ่มภาคเหนือ โดยเป็นรองแค่เชียงใหม่และเชียงราย นำมาสู่การได้พูดคุยกับเทศบาลนครนครสวรรค์ และทีมกฎบัตรนครสวรรค์ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
ส่วนบทบาทของ iDS ต่อเมืองนครสวรรค์ คือการเชื่อมบริบทในการพัฒนาเมืองของต่างประเทศมาแลกเปลี่ยนกัน ผ่านการทำเวิร์คช็อปและถ่ายทอดองค์ความรู้ ทั้งเศรษฐกิจสีเขียว ดิจิทัลโทเค็น (digital token) และกรอบการพัฒนาของเมืองต่างๆ
สำหรับนครสวรรค์เป็นเมืองที่รูปแบบนวัตกรรมเชิงนโยบาย มีภาครัฐและเอกชนที่เข้มแข็ง เครือข่ายประชาชนมีความตื่นตัว มิติความเป็นกลุ่มเครือข่ายของคนในพื้นที่ค่อนข้างสูง ช่วยเหลือเกื้อกูลกันตามแบบวัฒนธรรมดั้งเดิมของจีน ทำให้มีจุดร่วมร่วมกันในการพัฒนา แถมภาคเอกชนยังมีโรงงานน้ำตาลที่นำหลัก BCG มาใช้ พร้อมกันนั้นก็มีสถาบันการศึกษาอย่างมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์เป็นคลังสมอง (think tank) ทั้งหมดเข้าหลักรูปแบบการทำงานร่วมกันแบบจตุรภาคี (Quadruple Helix)
นั่นทำให้เห็นเมืองมีพัฒนาการที่ดีทั้งด้าน MICE และเศรษฐกิจสีเขียว มีแผนการขับเคลื่อนสู่การเป็นศูนย์กลางด้านการบริการเพื่อสุขภาพในระดับภูมิภาค มีแผนการด้านความยั่งยืนทางอาหาร การบำบัดน้ำเสียต่างๆ ที่ท้องถิ่นบริหารจัดการเองด้วยต้นทุนที่ประหยัดกว่า
ที่สำคัญ นี่ยังเป็นการพัฒนาโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ที่ผ่านมาการทำสมาร์ทซิตี้จะยังประโยชน์แก่คนชั้นกลางหรือภาคธุรกิจเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่นครสวรรค์ขับเคลื่อนโครงการบ้านมั่นคง จัดสรรที่อยู่อาศัยให้คนรายได้น้อย ซึ่งจุดนี้เมืองอื่นๆ ไม่ค่อยสนใจ
เอาจริงๆ การขับเคลื่อนเรื่องกฎบัตรของเมืองนครสวรรค์นี่เขาอยู่ในระดับเดียวกันกับหลายเมืองในยุโรปเลยนะครับ เพียงแค่ด้าน digital transformation ยังพัฒนาไม่เท่า แต่ conceptual framework นี่ได้แล้ว เพราะภาครัฐ เอกชน ภาควิชาการ และภาคประชาสังคมช่วยกันก่อรูปร่างขึ้นมา
จากนี้เมืองก็น่าจะมีการหนุนเสริมเรื่อง digital transformation ให้มากขึ้น พร้อมกันนั้น iDS ของเราก็ยังเชื่อมองค์ความรู้จากหน่วยงานระหว่างประเทศต่างๆ นำบทเรียนมาแลกเปลี่ยนกัน เช่นเมื่อปีที่แล้ว ที่เราชวนตัวแทนจากอินเดียมาแชร์การแก้ปัญหาฝุ่นควัน และการสนับสนุนพลังงานสะอาด หรือโมเดลของสิงคโปร์ที่ใช้ token มาแก้ปัญหาด้านสุขภาวะ กระตุ้นให้คนออกกำลังกายแลกกับ token เพื่อเป็นส่วนลดหรือสิทธิพิเศษต่างๆ ในชีวิตประจำวัน
อย่างที่บอก ผมมองว่านครสวรรค์มีต้นทุนที่พร้อม และมีกระบวนการพัฒนาเมืองที่มีทิศทางชัดเจนแล้ว สิ่งสำคัญหลังจากนี้คือการถอดบทเรียนจากเมืองอื่นๆ มาปรับใช้ให้เข้ากับบริบทของเมืองเรา รวมถึงสร้างความรับรู้ให้ภาคประชาชนในวงกว้าง ให้ทุกคนมาร่วมกำหนดทิศทางและร่วมพัฒนาเมืองแห่งนี้กันต่อไป”
ดร.ประเสริฐ พัฒนผลไพบูลย์
ผู้อำนวยการสถาบันศึกษาพัฒนาการประชาธิปไตย
(Institute of Democratization Studies: iDS)
https://www.facebook.com/IDS.inThailand/
“หอโหวดเป็นเพียงจุดเริ่มต้น แต่หลังจากนี้คือกลไกที่เทศบาลต้องทำงานร่วมกับภาคประชาชนและนักวิชาการ ในการกำหนดทิศทางเมืองให้ร้อยเอ็ดพร้อมรับการท่องเที่ยว และทำให้เมืองมีความน่าอยู่ สำหรับผู้คนในเมืองพร้อมกันไปด้วย” “เราเกิดที่ร้อยเอ็ด เรียนมัธยมที่นี่ ก่อนไปเรียนระดับมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ ก่อนหน้านี้ สักเกือบ 10 ปีที่แล้ว เราไม่เคยมีความคิดจะกลับมาทำงานที่บ้านเกิดเลยนะ เพราะไม่เห็นโอกาสอะไรในชีวิตในภาพจำเดิมของเรา ร้อยเอ็ดเป็นเมืองผ่าน ไม่มีสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อ ไม่มีแหล่งธรรมชาติสวยๆ…
ชวนอ่าน เบื้องหลังแนวคิดการขับเคลื่อนงานพัฒนาเมืองด้วยงานวิจัย องค์ความรู้ และนวัตกรรม ความร่วมมือ และบูรณการระหว่าง บพท. และสมาคมเทศบาลนครและเมือง ก่อเกิดโครงการ "โปรแกรมบ่มเพาะและเร่งรัดกระบวนการเพื่อมุ่งสู่เมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด (CIAP) ดำเนินการระหว่างปีพ.ศ. 2567-2568 กับผู้นำเมือง และเทศบาล…
WeCitizens : ร้อยเอ็ดเมืองน่าอยู่อย่างชาญฉลาด (ฉบับที่ 1) เปิดความคิด ความหวัง และโอกาสของการพัฒนาเมืองร้อยเอ็ดที่รัก นำโดยนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด คุณบรรจง โฆษิตจิรนันท์ คณะทำงานเจ้าหน้าที่เทศบาล และหัวหน้าโครงการวิจัยร้อยเอ็ดเมืองน่าอยู่อย่างชาญฉลาด ผศ. ดร.ชัญญรินทร์…
ร้อยเอ็ดอยู่ห่างจาก ‘สะดืออีสาน’ พื้นที่ที่ถูกปักหมุดให้เป็นจุดศูนย์กลางของภาคอีสานในอำเภอโกสุมพิสัย มหาสารคาม เพียง 60 กิโลเมตร ในตำนานอุรังคธาตุ (ตำนานพระธาตุพนม) กล่าวว่า ‘สาเกตนครร้อยเอ็ดประตู’ (ชื่อเดิม) เมืองนี้ มีประตูเท่าจำนวนเมืองขึ้น ‘ร้อยเอ็ดเมือง’ สะท้อนให้เห็นความรุ่งเรืองจากการเป็นศูนย์กลางอำนาจและการคมนาคมของภูมิภาคมาตั้งแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ 21อีกทั้ง ส่วนหนึ่งของพื้นที่ยังเป็นที่ตั้งของทุ่งกุลาร้องไห้ ที่ราบขนาดใหญ่กว่า 2 ล้านไร่ ทำให้ในเวลาต่อมา ร้อยเอ็ดจึงเป็นอู่ข้าวที่ผลิตข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาที่ใหญ่ และมีผลิตผลที่ดีที่สุดในโลก แม้มีภูมิหลังที่รุ่งเรือง กระนั้น ตลอดหลายทศวรรษหลัง…
สนทนากับ ผศ.ดร.ชัญญรินทร์ สมพรหัวหน้าโครงการวิจัยเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด ‘ร้อยเอ็ด’, สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด “พื้นที่นี้จะเป็นเหมือนตัวกลางในการสร้างความพร้อมให้คนร้อยเอ็ดสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในอนาคต” ผศ. ดร.ชัญญรินทร์ สมพร รองผู้อํานวยการสํานักส่งเสริมวิชาการและจัดการเรียนรู้ตลอดชีวิต มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด และหัวหน้าโครงการวิจัย "โครงการเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด ร้อยเอ็ดคนดี เชื่อมโยงโครงข่ายเศรษฐกิจ ด้วยการเดินบนความปลอดภัยและทันสมัย…
"เราให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงเศรษฐกิจให้ร้อยเอ็ดเป็นทางเลือกใหม่ของตลาด MICE ที่ราคาย่อมเยา เดินทางสะดวก และมีอัตลักษณ์" เริ่มจากความคับข้องใจที่เห็นบ้านเกิดของตัวเอง (ร้อยเอ็ด) เป็นเมืองผ่านที่มักถูกมองข้าม เมื่อ บรรจง โฆษิตจิรนันท์ เข้ารับตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองร้อยเอ็ด เมื่อปี 2538 เขาจึงเริ่มโครงการพัฒนาเมือง ไปพร้อมกับการดึงเสน่ห์จากศิลปวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ ดึงดูดให้ผู้คนมาเที่ยว…