“เมื่อราว 50 กว่าปีที่แล้ว ผมขับรถตุ๊กตุ๊กรับส่งนักท่องเที่ยวในตัวเมืองหาดใหญ่ ขับไปได้สักพักก็เริ่มรู้ว่าจะพานักท่องเที่ยวไปที่ไหนและไปเที่ยวอย่างไรให้ตอบโจทย์คนแต่ละกลุ่ม แล้วผมก็เลยสอบเพื่อขอใบอนุญาตเป็นมัคคุเทศก์ และทำอาชีพนี้มาจนถึงปัจจุบัน
กล่าวได้ว่าหลังจากหาดใหญ่เป็นที่รู้จักในฐานะแหล่งจำหน่ายสินค้าราคาถูกมาเนิ่นนาน ผมเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของเมืองนี้ก็ว่าได้
ซึ่งในยุคแรกพูดตรงๆ ได้เลยว่า เละครับ เรายังไม่มีการจัดการ ไกด์ผีหรือไกด์เถื่อนเยอะมาก นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา หลายคนโก่งราคาหรือไปหลอกเอาเงินจากเขา บางรายฮั้วกับสถานบันเทิงเพื่อฟันราคาเพิ่ม พาไปซื้อสินค้าคุณภาพต่ำ หรือในยุคที่ยังไม่มีอินเตอร์เน็ท ก็มีการเอารูปห้องพักปลอมมาหลอกนักท่องเที่ยว และพอเช็คอินจริงกลับไม่ใช่เสียอย่างนั้นก็มี
ตอนนั้นเมืองเรามีสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวแล้ว ผมก็เลยเข้าไปหารือกับทางสมาคม เพราะปล่อยไว้แบบนี้ชื่อเสียงของเมืองก็จะเสีย นักท่องเที่ยวมาครั้งเดียวแล้วเข็ดและจะไม่กลับมาอีก นั่นเป็นเหตุผลที่ผมก่อตั้งชมรมมัคคุเทศก์จังหวัดสงขลา เพื่อสร้างเครือข่ายมัคคุเทศก์ ทำประวัติ และจัดอบรมเพื่อให้มัคคุเทศก์มีมาตรฐานทางการบริการและราคาเท่ากัน
แต่ถึงแม้จะมีเครือข่ายมัคคุเทศก์ ก็ยังมีอีกหลายปัจจัยที่เราไม่สามารถควบคุมได้ ทั้งภาครัฐ โรงแรม ร้านค้า การเดินรถ และอื่นๆ ซึ่งจนถึงทุกวันนี้ จึงยังไม่เกิดการรวมตัวกันอย่างเข้มแข็งได้เสียที
ทำไมจึงเป็นอย่างนั้นใช่ไหม? เพราะแต่ไหนแต่ไร นักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวมาเลเซียมาเยือนหาดใหญ่เยอะมากอยู่แล้ว ใครทำอะไรมาก็ขายได้หมด อย่างที่บอกหลายคนก็ฉวยโอกาสเอาเปรียบพวกเขาด้วย ซึ่งพอดีมานด์มันมากขนาดนี้ ผู้ประกอบการเลยไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องคุยกัน การท่องเที่ยวของเมืองจึงมาในลักษณะมือใครยาวสาวได้สาวเอามาแต่ไหนแต่ไร
ซึ่งนั่นแหละครับ พอโควิด-19 มาก็เจ๊งกันหมด เมืองเงียบไปเป็นปีๆ กระทั่งผมเองก็ไม่มีรายได้สักบาท ซ้ำยังไม่มีหน่วยงานไหนมาช่วย เพราะเราไม่มีเครือข่ายที่จะช่วยเหลือกันแต่แรก จะมีก็แค่เงินชดเชยจากรัฐบาลซึ่งไม่เพียงพอต่อการใช้ชีวิต
ผมจึงคิดว่าตอนนี้สบโอกาสที่เมืองกลับมาฟื้นแล้ว ถึงเวลาที่ทุกฝ่ายควรมาปรึกษากันเรื่องการทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในเมืองของเรามีมาตรฐานเดียวกัน
ซึ่งไม่ใช่แค่ในระดับผู้ประกอบการ แต่ยังรวมถึงภาครัฐ สายการบิน และการรถไฟ เพราะที่ผ่านมา เราเห็นหลายโครงการมีความหวังดีในการสนับสนุนการท่องเที่ยว แต่ก็ต้องล้มพับไปเพราะไม่ได้คุยกันก่อน ที่เห็นได้ชัดคือครั้งหนึ่งมีการเปิดไฟล์ทบินตรงจากสิงคโปร์และมาเลเซีย แต่รัฐกลับไม่มีโครงการช่วยสนับสนุนให้มีการดึงนักท่องเที่ยวเข้ามา ไฟล์ทดังกล่าวจึงต้องล้มพับไปในเวลาอันสั้น เช่นเดียวกับที่การรถไฟก็ไม่ได้มีการจัดสรรเวลาเดินรถให้สอดรับการต่อรถไปยังประเทศมาเลเซีย เป็นต้น
ตรงนี้แหละที่ผมมองว่าน่าเศร้า มีหลายโครงการที่รัฐได้ทุ่มลงทุนมหาศาลเพื่อหวังผลทางการท่องเที่ยว แต่กลับต้องสูญเปล่าไปอย่างน่าเสียดาย อย่างโครงการ อควาเรียมสงขลา (ศูนย์ศึกษาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทะเลสาบสงขลา – ผู้เรียบเรียง) ซึ่งเป็นโครงการที่ใหญ่มากๆ แต่กลับถูกทิ้งร้างมา 10 กว่าปี ทั้งๆ ที่ถ้าเปิดใช้ได้จริง ก็จะเป็นอีกแม่เหล็กดึงดูดการท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดมากๆ
ส่วนข้อเสนอเพิ่มเติม ผมเห็นว่าเทศบาลน่าจะจัดสรรที่จอดรถเพิ่มเติมหรือไม่ก็ทางเลือกในการเดินทางที่มากกว่านี้ ที่สำคัญคือทางเท้า ไม่ใช่ว่าเมืองเราไม่มีทางเท้านะครับ แต่ถ้าคุณเข้ามาในย่านใจกลางเมือง ทางเท้าถูกยึดโดยร้านค้าแผงลอยเสียส่วนใหญ่ เราจึงเดินในเมืองลำบาก และถ้าคุณนั่งวีลแชร์อีก คุณไปไหนไม่ได้เลยนะ”
วิทยา ลิ่ม
อดีตประธานชมรมมัคคุเทศก์จังหวัดสงขลา
“หอโหวดเป็นเพียงจุดเริ่มต้น แต่หลังจากนี้คือกลไกที่เทศบาลต้องทำงานร่วมกับภาคประชาชนและนักวิชาการ ในการกำหนดทิศทางเมืองให้ร้อยเอ็ดพร้อมรับการท่องเที่ยว และทำให้เมืองมีความน่าอยู่ สำหรับผู้คนในเมืองพร้อมกันไปด้วย” “เราเกิดที่ร้อยเอ็ด เรียนมัธยมที่นี่ ก่อนไปเรียนระดับมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ ก่อนหน้านี้ สักเกือบ 10 ปีที่แล้ว เราไม่เคยมีความคิดจะกลับมาทำงานที่บ้านเกิดเลยนะ เพราะไม่เห็นโอกาสอะไรในชีวิตในภาพจำเดิมของเรา ร้อยเอ็ดเป็นเมืองผ่าน ไม่มีสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อ ไม่มีแหล่งธรรมชาติสวยๆ…
ชวนอ่าน เบื้องหลังแนวคิดการขับเคลื่อนงานพัฒนาเมืองด้วยงานวิจัย องค์ความรู้ และนวัตกรรม ความร่วมมือ และบูรณการระหว่าง บพท. และสมาคมเทศบาลนครและเมือง ก่อเกิดโครงการ "โปรแกรมบ่มเพาะและเร่งรัดกระบวนการเพื่อมุ่งสู่เมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด (CIAP) ดำเนินการระหว่างปีพ.ศ. 2567-2568 กับผู้นำเมือง และเทศบาล…
WeCitizens : ร้อยเอ็ดเมืองน่าอยู่อย่างชาญฉลาด (ฉบับที่ 1) เปิดความคิด ความหวัง และโอกาสของการพัฒนาเมืองร้อยเอ็ดที่รัก นำโดยนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด คุณบรรจง โฆษิตจิรนันท์ คณะทำงานเจ้าหน้าที่เทศบาล และหัวหน้าโครงการวิจัยร้อยเอ็ดเมืองน่าอยู่อย่างชาญฉลาด ผศ. ดร.ชัญญรินทร์…
ร้อยเอ็ดอยู่ห่างจาก ‘สะดืออีสาน’ พื้นที่ที่ถูกปักหมุดให้เป็นจุดศูนย์กลางของภาคอีสานในอำเภอโกสุมพิสัย มหาสารคาม เพียง 60 กิโลเมตร ในตำนานอุรังคธาตุ (ตำนานพระธาตุพนม) กล่าวว่า ‘สาเกตนครร้อยเอ็ดประตู’ (ชื่อเดิม) เมืองนี้ มีประตูเท่าจำนวนเมืองขึ้น ‘ร้อยเอ็ดเมือง’ สะท้อนให้เห็นความรุ่งเรืองจากการเป็นศูนย์กลางอำนาจและการคมนาคมของภูมิภาคมาตั้งแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ 21อีกทั้ง ส่วนหนึ่งของพื้นที่ยังเป็นที่ตั้งของทุ่งกุลาร้องไห้ ที่ราบขนาดใหญ่กว่า 2 ล้านไร่ ทำให้ในเวลาต่อมา ร้อยเอ็ดจึงเป็นอู่ข้าวที่ผลิตข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาที่ใหญ่ และมีผลิตผลที่ดีที่สุดในโลก แม้มีภูมิหลังที่รุ่งเรือง กระนั้น ตลอดหลายทศวรรษหลัง…
สนทนากับ ผศ.ดร.ชัญญรินทร์ สมพรหัวหน้าโครงการวิจัยเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด ‘ร้อยเอ็ด’, สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด “พื้นที่นี้จะเป็นเหมือนตัวกลางในการสร้างความพร้อมให้คนร้อยเอ็ดสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในอนาคต” ผศ. ดร.ชัญญรินทร์ สมพร รองผู้อํานวยการสํานักส่งเสริมวิชาการและจัดการเรียนรู้ตลอดชีวิต มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด และหัวหน้าโครงการวิจัย "โครงการเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด ร้อยเอ็ดคนดี เชื่อมโยงโครงข่ายเศรษฐกิจ ด้วยการเดินบนความปลอดภัยและทันสมัย…
"เราให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงเศรษฐกิจให้ร้อยเอ็ดเป็นทางเลือกใหม่ของตลาด MICE ที่ราคาย่อมเยา เดินทางสะดวก และมีอัตลักษณ์" เริ่มจากความคับข้องใจที่เห็นบ้านเกิดของตัวเอง (ร้อยเอ็ด) เป็นเมืองผ่านที่มักถูกมองข้าม เมื่อ บรรจง โฆษิตจิรนันท์ เข้ารับตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองร้อยเอ็ด เมื่อปี 2538 เขาจึงเริ่มโครงการพัฒนาเมือง ไปพร้อมกับการดึงเสน่ห์จากศิลปวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ ดึงดูดให้ผู้คนมาเที่ยว…