แทนที่คุณจะปล่อยที่ดินไว้เฉยๆ และต้องเสียภาษี เปลี่ยนมาให้เราเช่า แล้วยังไม่ต้องเสียภาษีอีกต่างหาก

“ต่อให้มีการลงทุนกับโรงบำบัดน้ำเสียมูลค่าเป็นพันพันล้าน คลองเตยหรือคลองที่ไหนในประเทศนี้ก็ไม่มีทางใสสะอาดได้ หากไม่มีการแก้ไขที่ต้นเหตุ

ที่กล่าวเช่นนี้ หาได้เป็นการผลักภาระไปที่ภาคประชาชน แต่ถึงเราจะมีเครื่องมือดีแค่ไหน หากผู้คนที่อาศัยอยู่ริมสองข้างทางยังคงทิ้งขยะลงคลอง คุณก็ไม่มีทางแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืน ด้วยเหตุนี้ ผมจึงเห็นด้วยกับโครงการคลองเตยลิงก์ที่ไม่เพียงมีแผนฟื้นฟูคลองเตยในเชิงกายภาพ แต่ยังสร้างความร่วมมือให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมคลองเตยมาเป็นแนวร่วมในการแก้ปัญหาไปพร้อมกัน

เพราะถ้าคนในคลองไม่ทิ้งขยะ แถมยังร่วมมือในการพัฒนาพื้นที่รอบชุมชนของตัวเอง นี่จะกลายเป็นต้นแบบให้คนที่อยู่นอกพื้นที่มาเห็น ให้ความเคารพในพื้นที่ และไม่ทิ้งขยะหรือสร้างมลภาวะในพื้นที่ลำคลองใจกลางเมืองหาดใหญ่แห่งนี้ต่อไป

เมื่อคลองและพื้นที่ริมคลองได้รับการฟื้นฟู ผลประโยชน์ที่ตามมาอีกข้อก็คือหาดใหญ่จะมีเส้นทางสัญจรลัดใจกลางเมืองสายสำคัญเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง นั่นคือถนนสองข้างทางของคลองเตย ตรงนี้เองที่ทางโครงการคลองเตยลิงก์กำลังหารือกับทางเทศบาลนครหาดใหญ่ในการทำเส้นทางขนส่งสาธารณะมารองรับ เพราะถ้าดูจากแผนที่ของลำคลอง เส้นทางดังกล่าวสามารถเชื่อมเมืองตั้งแต่สถานีรถไฟไปจนถึงสถานีขนส่งหาดใหญ่ได้เลย

เรามองไว้ที่รถ EV conversion หรือการดัดแปลงรถสาธารณะที่ให้บริการอยู่เดิมให้เป็นรถไฟฟ้า และวิ่งประจำเส้นทางริมคลองเตย เพิ่มทางเลือกในการสัญจรของคนหาดใหญ่และนักท่องเที่ยว และช่วยบรรเทาความหนาแน่นของการจราจรในเมือง

โครงการนี้เราได้กลุ่มทุนที่จะมาร่วมลงทุนเรื่องการดัดแปลงรถแล้ว และได้หารือกับผู้ประกอบการรถสาธารณะและผู้จัดการสัมปทานเส้นทางเดินรถในเมือง เพื่อให้ประเมินถึงความเป็นไปได้ในการทำรถไฟฟ้าประจำทางสายใหม่นี้ และตอนนี้เราอยู่ในขั้นตอนพิจารณาเส้นทางที่รถต้องผ่านอยู่เพื่อให้สมประโยชน์กับทุกฝ่ายมากที่สุด 

นอกจากการเพิ่มพื้นที่สีเขียวบริเวณริมคลองเตย ทางเทศบาลก็มีนโยบายในการเพิ่มพื้นที่สีเขียวในตัวเมืองด้วย เรามีแผนพูดคุยกับผู้ประกอบการที่เป็นเจ้าของที่ดินซึ่งไม่ได้ใช้ประโยชน์หรือถูกทิ้งร้างทั่วเมือง เพื่อขอพัฒนาพื้นที่เหล่านั้นให้กลายเป็นสวนสาธารณะและพื้นที่จอดรถ โดยจูงใจด้วยการลดภาษีที่ดิน

เช่น ปกติคุณอาจเสียภาษีที่ดินในเมืองตรงนี้ปีละ 90,000 บาท เทศบาลก็อาจขอเช่าที่ดินปีละ 10,000 บาทแทน และยกเว้นภาษีเจ้าของที่ดินตรงนั้นให้ เรียกได้ว่าแทนที่คุณจะปล่อยที่ดินไว้เฉยๆ และต้องเสียภาษี คุณให้เราเปลี่ยนที่ดินเป็นที่สาธารณะประโยชน์ ได้ค่าเช่า และไม่ต้องเสียภาษีอีกต่างหาก ถ้าทำตรงนี้ได้ เมืองก็จะมีทั้งพื้นที่สีเขียวเพิ่ม หรือที่จอดรถเพิ่ม ช่วยลดปัญหาการขาดแคลนที่จอดรถในเมืองไปพร้อมกัน

ถามว่าคนหาดใหญ่ควรเรียนรู้เรื่องอะไรเป็นพิเศษ ผมมองว่าเราทุกคนต้องรู้เรื่องเมือง ซึ่งไม่ได้หมายความถึงการรู้จักประวัติศาสตร์อย่างลึกซึ้งหรอก แค่รู้ว่าเมืองที่พวกเราอยู่เนี่ยมีกลไกทำงานอย่างไร คุณจะแยกขยะอย่างไร เอาขยะมาวางให้เทศบาลทิ้งได้วันไหนบ้าง การจัดการพื้นที่หน้าบ้านตัวเองไม่ให้รุกล้ำที่สาธารณะ เป็นต้น

ทำไมถึงต้องเรียนรู้เรื่องเมือง? เพราะแต่ละเมืองก็มีระบบการจัดการไม่เหมือนกัน ตัวอย่างเช่น เมืองที่คุณอยู่เทศบาลอาจมีเจ้าหน้าที่มาเก็บขยะตอนตี 3 แต่อีกเมืองมีการเก็บขยะตอน 2 ทุ่ม ถ้าคุณอยู่ในเมืองที่เทศบาลเก็บขยะ 2 ทุ่ม แต่คุณเอาขยะมาทิ้งตอน 8 โมงเช้า ขยะก็จะกองอยู่ริมถนนอย่างนั้นทั้งวัน เป็นต้น การเรียนรู้ระบบของเมืองเช่นนี้จึงสำคัญ

ที่ผ่านมาเราใช้รถแห่และติดป้ายประกาศ แต่ต้องยอมรับว่าหาดใหญ่เป็นเมืองใหญ่ที่มีคนหมุนเวียนเข้าออกอยู่เสมอ การสื่อสารแบบเดิมอาจไม่พอ ผมจึงมองว่าเราควรมีแพลตฟอร์มที่รวมข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการสาธารณะประโยชน์ของเมืองไว้ในที่เดียว เพื่อให้ประชาชนรู้ว่าถ้ามีเหตุการณ์แบบนี้ คุณจะรับมืออย่างไร หรือไปติดต่อหน่วยงานรัฐหน่วยไหนได้บ้าง โดยแพลตฟอร์มที่ว่าอาจทำเป็นคู่มือเป็นเล่ม แอปพลิเคชั่น และสื่อออนไลน์เพื่อความทั่วถึง

การพัฒนาเมืองมันเริ่มจากเราทุกคน ถ้าประชาชนรู้จักบทบาทหน้าที่ของตัวเอง ไม่สร้างภาระให้ส่วนรวม หน่วยงานต่างๆ ก็ทำงานง่าย และปัญหาที่มีก็จะได้รับการแก้ปัญหาไปทีละขั้นตอน ก็เหมือนเรื่องคลองเตยแหละครับ แค่คุณไม่ทิ้งขยะลงคลอง หรือรุกล้ำพื้นที่สาธารณะ ปัญหาก็ถูกแก้ไปเปลาะหนึ่งแล้ว”

สมพร เหมืองทอง
นักวิชาการสุขาภิบาลปฏิบัติการ เทศบาลนครหาดใหญ่

กองบรรณาธิการ

Recent Posts

[THE RESEARCHER]<br />ดร.สุดารัตน์ อุทธารัตน์<br />หัวหน้าโครงการวิจัยเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด เทศบาลเมืองลำพูน<br />นักวิจัยจากสถาบันวิจัยพหุศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

พลังคน พลังโคมลำพูน: เมืองเล็ก ๆ ที่เปี่ยมไปด้วยพลังสร้างสรรค์ แม้ ดร.สุดารัตน์ อุทธารัตน์ เป็นคนเชียงใหม่ เธอก็หาใช่เป็นคนอื่นคนไกลสำหรับชาวลำพูนเพราะก่อนจะเข้ามาขับเคลื่อนงานวิจัยเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาดกับเทศบาลเมืองลำพูน เธอได้ทำวิจัยเกี่ยวกับเมืองแห่งนี้มาหลายครั้ง โดยเฉพาะโครงการขับเคลื่อนเยาวชนเพื่อเตรียมพร้อมสู่การเป็นพลเมืองของเมืองแห่งการเรียนรู้ของ UNESCO ในปี 2566-2567 - นั่นล่ะ…

1 week ago

[THE CITIZENS]<br />ปริยาพร วีระศิริ<br />เจ้าของแบรนด์ผ้าไหม “อภิรมย์ลำพูน”

“เป็นสิ่งวิเศษที่สุด ที่ผ้าไหมของจังหวัดลำพูนได้ปรากฏต่อสายตาผู้คนทั้งในและต่างประเทศ ทั้งเมื่อครั้งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงให้การส่งเสริม และทรงฉลองพระองค์ด้วยผ้าไหมยกดอกลำพูนในพระราชพิธีสำคัญต่าง ๆ และกระทั่งในปัจจุบัน สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 10 ก็ทรงส่งเสริมผ้าไหมไทย และฉลองพระองค์ด้วยผ้าไหมยกดอกลำพูนในพระราชพิธีสำคัญเช่นกัน ดิฉันเป็นคนลำพูน มีความภูมิใจในงานหัตถศิลป์การทอผ้าไหมยกดอกนี้มาก ๆ   และตั้งใจจะรักษามรดกทางวัฒนธรรม   ทำหน้าที่ส่งต่อถึงคนรุ่นต่อไป…

2 weeks ago

[THE CITIZENS]<br />ไชยยง รัตนอังกูร<br />ผู้ก่อตั้ง ลำพูน ซิตี้ แลป

“ความที่โตมาในลำพูน เราตระหนักดีว่าเมืองเรามีต้นทุนทางวัฒนธรรมที่สูงมาก ทั้งยังมีบรรยากาศที่น่าอยู่ อย่างไรก็ดี อาจเพราะเป็นเมืองขนาดเล็ก ลำพูนมักถูกมองข้ามจากแผนการพัฒนาของประเทศ เป็นเหมือนเมืองที่มีศักยภาพ แต่ยังไม่ถูกปลุกให้ตื่นความที่เราเคยทำงานที่ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (ปัจจุบันคือสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA - ผู้เรียบเรียง) ได้เห็นตัวอย่างความสำเร็จของกระบวนการพัฒนาย่านด้วยกรอบพื้นที่สร้างสรรค์ในหลายพื้นที่…

2 weeks ago

[THE CITIZENS]<br />ธีรธรรม เตชฤทธ์<br />ประธานสภาเด็กและเยาวชนจังหวัดลำพูน

“ผมเป็นคนลำพูน และชอบทำกิจกรรมนอกห้องเรียนมาตั้งแต่เด็ก ปัจจุบันเป็นประธานสภาเด็กและเยาวชนจังหวัดลำพูน ควบคู่ไปกับกำลังศึกษาคณะรัฐศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่จากประสบการณ์การทำงานในสภาฯ ทำให้ผมเห็นว่า เยาวชนลำพูนมีศักยภาพที่หลากหลาย แต่สิ่งที่ขาดไปคือเวทีที่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้แสดงความสามารถและพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากการสนับสนุนจากโรงเรียนหรือโครงการของภาคเอกชน ปี 2567 พี่อร (ดร.สุดารัตน์ อุทธารัตน์…

2 weeks ago

[THE CITIZENS]<br />ชนัญชิดา บุณฑริกบุตร<br />ผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์ชุมชนเมืองลำพูน

“อาคารหลังนี้แต่ก่อนเป็นที่ประทับของเจ้าราชสัมพันธวงษ์ลำพูน (พุทธวงษ์ ณ เชียงใหม่) น้องเขยของเจ้าจักรคำขจรศักดิ์ เจ้าหลวงองค์สุดท้ายของลำพูน อาคารถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 2455 หลังจากนั้นก็ถูกขายให้พ่อค้าชาวจีนไปทำเป็นโรงเรียนหวุ่นเจิ้ง สอนภาษาจีนและคณิตศาสตร์ โรงเรียนนี้เปิดได้ไม่นานก็ต้องปิด เพราะสมัยนั้นรัฐบาลเพ่งเล็งว่าอะไรที่เป็นของจีนจะเกี่ยวข้องกับลัทธิคอมมิวนิสต์ แต่หนูก็ไม่รู้หรอกว่าโรงเรียนนี้เกี่ยวข้องหรือเปล่า (ยิ้ม)  จากนั้นอาคารก็ถูกเปลี่ยนมาเป็นโรงเรียนมงคลวิทยาในปี…

2 weeks ago

[THE CITIZENS]<br />นงเยาว์ ชัยพรหม<br />คนทำโคมจากชุมชนชัยมงคล

“เราโตมากับวัฒนธรรมของคนลำพูน ชอบไปเดินงานปอย ร่วมงานบุญ ก่อนหน้านี้ก็เคยทำงานรับจ้างทั่วไป จนเทศบาลฯ มาส่งเสริมเรื่องการทำโคม โดยมีสล่าจากชุมชนศรีบุญเรืองมาสอน เราก็ไปเรียนกับเขา ตอนนี้อาชีพหลักคือการทำโคม ทำมาได้ 2 ปีแล้ว  สำหรับเรา โคมคืองานศิลปะ เป็นสัญลักษณ์และมรดกที่ยึดโยงกับวัฒนธรรมของคนบ้านเรา ตอนแรกเราไม่มีความคิดเลยว่ามันจะกลายมาเป็นอาชีพได้…

3 weeks ago