“แม่กำลังผูกเปียให้อาม่าจะไปโรงเรียน ได้ยินเขาตะโกนกันว่าไฟไหม้ อาม่าก็เลยจะวิ่งไปดู ก็เด็กอ่ะเนอะตอนนั้น”

“ปี พ.ศ. 2500 อาม่าเรียนอยู่ชั้น ป.4 ที่โรงเรียนสิ่นหมิน เช้าวันที่ 2 มกราคม อาม่าจะไปโรงเรียนตามปกติ ระหว่างแม่กำลังผูกเปียให้ ได้ยินเสียงคนตะโกนว่าไฟไหม้ อาม่าก็ตื่นเต้นอยากไปดูไฟ เด็กอ่ะเนอะ แม่ก็ไม่ยอม บอกให้ผูกเปียให้เสร็จก่อน จนผูกเปียเสร็จนั่นแหละ คิดว่าไฟไหม้เล็กๆ ที่ไหนได้ เปลวเพลิงใหญ่มากๆ ไฟลามไปทั่ว

ทีนี้เตี่ยอาม่าก็เกณฑ์เพื่อนคนจีนที่ทำไร่อยู่แถวนั้นมาช่วยกันขนของ บ้านอาม่าเปิดเป็นร้านโชห่วยมีตั้ง 3 คูหา คูหานึงขายรองเท้า อีกคูหาขายเสื้อผ้า อีกคูหาขายเครื่องสำอาง เลือกไม่ถูกเลยทีนี้ว่าจะขนอะไรก่อน ส่วนแม่ก็บอกอาม่าว่าไม่ต้องไปโรงเรียนแล้ว ให้อาม่าขนน้องๆ อีก 2 คนหนีไปหลบอยู่ที่โรงสีที่มีเจ้าของเป็นเพื่อนเตี่ย

โรงสีอยู่ไม่ไกลมาก แต่ก็ไกลพอที่ไฟจะลามไปไม่ถึง พวกเราก็วิ่งไปอยู่ที่นั่น ระหว่างที่หลบอยู่นั่น อาม่าเห็นเปลวไฟลุกไหม้ขึ้นไปถึงท้องฟ้า ตอนเด็กๆ เราไม่ได้คิดอะไรมาก เห็นว่ามันแปลกตาดี ซึ่งมาคิดตอนหลัง นั่นเป็นภาพที่เศร้ามากเลยนะ เพราะไฟไหม้วันนั้นมันเผาตึกแถวที่เป็นไม้หมดไปทั้งเมืองจริงๆ

เตี่ยอาม่าคือลูกชายของเตียก้ำชอ ที่ต่อมาได้พระราชทานชื่อเป็นขุนกิตติกรพานิช อดีตทหารจีนฝ่ายก๊กมินตั๋ง ที่อพยพมาพิษณุโลกก่อนสงครามกลางเมือง ท่านเป็นเพื่อนกับเจียงไคเชก เลยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับจีนคณะชาติที่ไต้หวัน ท่านก็มาบุกเบิกทำการค้าในเมืองพิษณุโลกแห่งนี้ โดยหลังไฟไหม้ครั้งใหญ่ อากงท่านก็ไปกู้เงินธนาคารมาปลูกอาคารคอนกรีตแถวย่านตลาดใต้และแบ่งขาย

อย่างตึกที่เราคุยกันอยู่นี่ก็เป็นบ้านที่อากงปลูก ก่อนจะยกให้ลูกหลานรวมถึงเตี่ย โดยบ้านหลังนี้อากงยกให้เตี่ยก่อน แล้วท่านก็ยกให้อาม่า ตึกแถวในซอยนี้เป็นของครอบครัวเราหมด ก็อยู่กันมา 4 รุ่นแล้ว

อาม่ามีพี่น้อง 7 คน อาม่าเป็นคนที่ 4 ก่อนอาม่ามีพี่สาว 2 คน และพี่ชายอีก 1 คน พี่ชายอาม่าคือคุณสุรพันธ์ เจริญผล แกเคยเป็นนายกเทศมนตรีเมืองพิษณุโลกอยู่หลายสมัย ซึ่งก่อนหน้านี้แกทำโรงหนังกิตติกรที่ตลาดใต้ หลังจากนั้นก็ไปทำโรงหนังอีกหลายแห่งในภาคเหนือ รวมถึงเชียงใหม่ คุณมาจากเชียงใหม่ใช่ไหม? น่าจะเคยได้ยินโรงหนังแสงตะวัน นั่นแหละเคยเป็นของพี่ชายอาม่า

ที่พี่ชายมาทำธุรกิจโรงหนัง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเตี่ย เตี่ยอาม่าเริ่มทำก่อนคือโรงหนังเจริญผล ตอนแรกเตี่ยก็ไม่คิดจะทำธุรกิจนี้หรอก แต่แกมีเพื่อนสนิททำโรงหนังยอดฟ้าอยู่ก่อน โรงหนังยอดฟ้าอยู่ตรงท็อปแลนด์ ได้รับความนิยมมาก ตอนนั้นเมืองเราไม่มีสถานบันเทิงอะไรเยอะแยะเหมือนทุกวันนี้ เพื่อนเตี่ยก็ชวนเตี่ยให้ทำโรงหนัง ซึ่งเตี่ยก็เห็นดีด้วย เพราะเห็นที่ดินตรงตลาดเจริญผลว่างอยู่พอดี ก็เลยทำโรงหนังเจริญผล

ตอนเตี่ยเริ่มทำโรงหนัง อาม่าเรียนอยู่ชั้นมัธยมแล้ว เตี่ยส่งอาม่าไปเรียนต่อกรุงเทพฯ แต่เรียนได้สักพักหนึ่ง อาม่าเกิดคิดถึงบ้าน ก็พอดีกับช่วงนั้นพี่ชายอาม่าไปเรียนต่อที่ไต้หวัน อาม่าจึงอยากกลับมาช่วยเตี่ยกับแม่ ดื้อจนเขายอม เลยได้กลับมาช่วยเขาเป็นพนักงานจองตั๋วหนังที่เจริญผล

ค่าตั๋วสมัยก่อนถูกสุดที่นั่งละ 3 บาท จะอยู่ใกล้จอที่สุด เป็นเก้าอี้ไม้ ไม่มีเบาะ ถ้ามีเบาะจะราคา 6 บาท ที่นั่งดีสุดคือ 10 บาท ส่วนที่จอดรถก็คิดค่าจอดจักรยาน 50 สตางค์ มอเตอร์ไซค์คันละ 1 บาท สมัยนั้นไม่ค่อยมีคนขับรถยนต์ เลยไม่มีที่รับฝาก โรงหนังเจริญผลเราฉายหนังฝรั่งเป็นหลัก ก็ได้น้องชายเตี่ย หรืออาของอาม่าเป็นคนบุ๊คหนังมาให้ เขาทำงานที่บริษัทเอสโซ่ในกรุงเทพฯ ก็จะจัดแจงจองหนังจากกรุงเทพฯ และส่งม้วนฟิล์มทางรถไฟตอนกลางคืนมาถึงพิษณุโลกตอนเช้า เราก็ส่งคนขี่มอเตอร์ไซค์ไปรับที่สถานี จากนั้นก็เอามาให้นักพากย์ซ้อมพากย์บท เพราะยุคนั้นไม่มีเสียงในฟิล์ม ใช้คนพากย์เสียงเอาทั้งหมด  

โรงหนังเราจะฉายวันละ 3 รอบ รอบแรกคือตอนเที่ยง กลางคืนมาอีกสองรอบ คนดูเยอะมากๆ เพราะตอนนั้นพิษณุโลกมีโรงหนังยอดนิยมแค่สองแห่ง คือของเรากับโรงหนังยอดฟ้า เพื่อนของเตี่ย

อย่างที่บอกแหละ ภายหลังคุณสุรพันธ์พี่ชายอาม่ากลับมา แกก็เห็นช่องทางทำธุรกิจ ไปเซ้งโรงหนังศิวะลัยตรงตลาดใต้ และเปลี่ยนชื่อเป็นกิตติกร ก่อนจะขยายไปทำที่อื่น แล้วกลับมาเล่นการเมืองที่บ้านเกิด

ที่โรงหนังปิดตัวเพราะขาดทุนค่ะ ช่วงหลังๆ คนไม่ดูหนังในโรง เพราะทุกบ้านมีโทรทัศน์และเครื่องเล่นวิดีโอกันหมด เขาก็เช่าวิดีโอมาดูที่บ้าน คนดูลดลง แต่ต้นทุนยังเท่าเดิม ต้องแบกรับสภาพขาดทุนมาพักใหญ่ๆ แล้วพอดีแม่อาม่าเสียตอนอายุ 66 และเตี่ยมาเสียหลังจากนั้นอีก 4 ปี ก็ไม่มีกำลังใจทำต่อด้วยก็เลยปิดดีกว่า

ทุกวันนี้อาม่าก็อยู่บ้านกับน้ำพุ ลูกคนเดียวของอาม่า ตอนแรกน้ำพุทำงานบริษัทอยู่กรุงเทพฯ แต่โชคไม่ดีที่พ่อของเขา หรือสามีอาม่าอายุสั้น น้ำพุเลยตัดสินใจลาออก มาอยู่เป็นเพื่อนด้วย เขาก็ทำโรงเรียนกวดวิชาของเขาไป 

ปีนี้อาม่าอายุ 80 แล้ว ก็มีโรคเล็กๆ น้อยๆ ตามประสาคนแก่ แต่โดยรวมก็ยังแข็งแรงดี และความทรงจำก็ยังดี โดยเฉพาะเรื่องที่เกิดในเมืองพิษณุโลก เมืองที่อาม่าอยู่มาทั้งชีวิต ถ้าคุณมีเวลาอยู่ต่อ อยากรู้เรื่องอะไรอีก อาม่าจะเล่าให้ฟัง”

อาม่าสุรพี เจริญผล
อดีตเจ้าของโรงภาพยนตร์เจริญผล
ทายาทรุ่นที่
3 ของขุนกิตติกรพานิช

กองบรรณาธิการ

Recent Posts

[THE RESEARCHER]<br />ดร.สุดารัตน์ อุทธารัตน์<br />หัวหน้าโครงการวิจัยเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด เทศบาลเมืองลำพูน<br />นักวิจัยจากสถาบันวิจัยพหุศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

พลังคน พลังโคมลำพูน: เมืองเล็ก ๆ ที่เปี่ยมไปด้วยพลังสร้างสรรค์ แม้ ดร.สุดารัตน์ อุทธารัตน์ เป็นคนเชียงใหม่ เธอก็หาใช่เป็นคนอื่นคนไกลสำหรับชาวลำพูนเพราะก่อนจะเข้ามาขับเคลื่อนงานวิจัยเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาดกับเทศบาลเมืองลำพูน เธอได้ทำวิจัยเกี่ยวกับเมืองแห่งนี้มาหลายครั้ง โดยเฉพาะโครงการขับเคลื่อนเยาวชนเพื่อเตรียมพร้อมสู่การเป็นพลเมืองของเมืองแห่งการเรียนรู้ของ UNESCO ในปี 2566-2567 - นั่นล่ะ…

4 days ago

[THE CITIZENS]<br />ปริยาพร วีระศิริ<br />เจ้าของแบรนด์ผ้าไหม “อภิรมย์ลำพูน”

“เป็นสิ่งวิเศษที่สุด ที่ผ้าไหมของจังหวัดลำพูนได้ปรากฏต่อสายตาผู้คนทั้งในและต่างประเทศ ทั้งเมื่อครั้งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงให้การส่งเสริม และทรงฉลองพระองค์ด้วยผ้าไหมยกดอกลำพูนในพระราชพิธีสำคัญต่าง ๆ และกระทั่งในปัจจุบัน สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 10 ก็ทรงส่งเสริมผ้าไหมไทย และฉลองพระองค์ด้วยผ้าไหมยกดอกลำพูนในพระราชพิธีสำคัญเช่นกัน ดิฉันเป็นคนลำพูน มีความภูมิใจในงานหัตถศิลป์การทอผ้าไหมยกดอกนี้มาก ๆ   และตั้งใจจะรักษามรดกทางวัฒนธรรม   ทำหน้าที่ส่งต่อถึงคนรุ่นต่อไป…

1 week ago

[THE CITIZENS]<br />ไชยยง รัตนอังกูร<br />ผู้ก่อตั้ง ลำพูน ซิตี้ แลป

“ความที่โตมาในลำพูน เราตระหนักดีว่าเมืองเรามีต้นทุนทางวัฒนธรรมที่สูงมาก ทั้งยังมีบรรยากาศที่น่าอยู่ อย่างไรก็ดี อาจเพราะเป็นเมืองขนาดเล็ก ลำพูนมักถูกมองข้ามจากแผนการพัฒนาของประเทศ เป็นเหมือนเมืองที่มีศักยภาพ แต่ยังไม่ถูกปลุกให้ตื่นความที่เราเคยทำงานที่ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (ปัจจุบันคือสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA - ผู้เรียบเรียง) ได้เห็นตัวอย่างความสำเร็จของกระบวนการพัฒนาย่านด้วยกรอบพื้นที่สร้างสรรค์ในหลายพื้นที่…

1 week ago

[THE CITIZENS]<br />ธีรธรรม เตชฤทธ์<br />ประธานสภาเด็กและเยาวชนจังหวัดลำพูน

“ผมเป็นคนลำพูน และชอบทำกิจกรรมนอกห้องเรียนมาตั้งแต่เด็ก ปัจจุบันเป็นประธานสภาเด็กและเยาวชนจังหวัดลำพูน ควบคู่ไปกับกำลังศึกษาคณะรัฐศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่จากประสบการณ์การทำงานในสภาฯ ทำให้ผมเห็นว่า เยาวชนลำพูนมีศักยภาพที่หลากหลาย แต่สิ่งที่ขาดไปคือเวทีที่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้แสดงความสามารถและพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากการสนับสนุนจากโรงเรียนหรือโครงการของภาคเอกชน ปี 2567 พี่อร (ดร.สุดารัตน์ อุทธารัตน์…

1 week ago

[THE CITIZENS]<br />ชนัญชิดา บุณฑริกบุตร<br />ผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์ชุมชนเมืองลำพูน

“อาคารหลังนี้แต่ก่อนเป็นที่ประทับของเจ้าราชสัมพันธวงษ์ลำพูน (พุทธวงษ์ ณ เชียงใหม่) น้องเขยของเจ้าจักรคำขจรศักดิ์ เจ้าหลวงองค์สุดท้ายของลำพูน อาคารถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 2455 หลังจากนั้นก็ถูกขายให้พ่อค้าชาวจีนไปทำเป็นโรงเรียนหวุ่นเจิ้ง สอนภาษาจีนและคณิตศาสตร์ โรงเรียนนี้เปิดได้ไม่นานก็ต้องปิด เพราะสมัยนั้นรัฐบาลเพ่งเล็งว่าอะไรที่เป็นของจีนจะเกี่ยวข้องกับลัทธิคอมมิวนิสต์ แต่หนูก็ไม่รู้หรอกว่าโรงเรียนนี้เกี่ยวข้องหรือเปล่า (ยิ้ม)  จากนั้นอาคารก็ถูกเปลี่ยนมาเป็นโรงเรียนมงคลวิทยาในปี…

2 weeks ago

[THE CITIZENS]<br />นงเยาว์ ชัยพรหม<br />คนทำโคมจากชุมชนชัยมงคล

“เราโตมากับวัฒนธรรมของคนลำพูน ชอบไปเดินงานปอย ร่วมงานบุญ ก่อนหน้านี้ก็เคยทำงานรับจ้างทั่วไป จนเทศบาลฯ มาส่งเสริมเรื่องการทำโคม โดยมีสล่าจากชุมชนศรีบุญเรืองมาสอน เราก็ไปเรียนกับเขา ตอนนี้อาชีพหลักคือการทำโคม ทำมาได้ 2 ปีแล้ว  สำหรับเรา โคมคืองานศิลปะ เป็นสัญลักษณ์และมรดกที่ยึดโยงกับวัฒนธรรมของคนบ้านเรา ตอนแรกเราไม่มีความคิดเลยว่ามันจะกลายมาเป็นอาชีพได้…

2 weeks ago