“โจทย์ของโครงการออกแบบแนวคิดพื้นที่แห่งการเรียนรู้ที่เชื่อมโยงกับคลองรังสิตประยูรศักดิ์ ที่อาจารย์ให้ทำในรายวิชาออกแบบสถาปัตยกรรม 4 แตกต่างจากโจทย์อื่น ๆ ที่ปกติอาจารย์กำหนดมาเลยว่าให้ออกแบบอะไร ? ใช้งานยังไง ? ซึ่งก็อยู่ที่เราจะออกแบบมาด้วยคอนเสปต์แบบไหน ? ทุกอย่างเราคิดไปเองว่าคนใช้งานอยากได้แบบนี้ตามที่เราคิดว่าจะดี แต่โจทย์นี้ทำให้เราได้ประสบการณ์จริง ได้มุมมองหลายมิติขึ้น คืออาจารย์ก็จับกลุ่มให้ 8 คน 10 กลุ่ม แบ่งตาม 10 พื้นที่ตั้งแต่ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ต่อเนื่องคลองรังสิต 1-14
กลุ่มเราได้โจทย์เป็นพื้นที่ประตูน้ำจุฬาฯ ก็ได้สัมภาษณ์คนในพื้นที่ผ่านการประชุมออนไลน์เพราะเป็นช่วงสถานการณ์โควิด เราได้รับข้อมูลจริง ๆ จากชาวบ้านที่อยู่ตรงนั้นมาตั้งแต่เกิด จากคนทำงานในพื้นที่ราชการบริเวณรอบประตูน้ำจุฬาฯ ว่าเขามีกิจกรรมยังไง ? พฤติกรรมยังไง ? ถ้าจะมีพื้นที่สาธารณะตรงนี้ พวกเขาต้องการอะไร ? แล้วก็มีคนจากหน่วยงานเทศบาลนครรังสิตมาให้คำแนะนำว่าเขากำลังพัฒนาพื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่สาธารณะด้วย ซึ่งก็สอดคล้องกับโจทย์ของเรา คือพื้นที่ประตูน้ำจุฬาฯ มีลักษณะเป็นเกาะล้อมด้วยแม่น้ำลำคลอง ตำแหน่งเกาะค่อนข้างเป็นแลนด์มาร์ก มีลักษณะเฉพาะตัว และใกล้รถไฟฟ้าสายสีแดง ซึ่งคนในชุมชนก็เข้ามาพักผ่อน เดินออกกำลังกันอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่ได้ถูกจัดการที่ดีเท่าไหร่ ก็เลยมีความต้องการคล้ายกันคือต้องการพื้นที่สีเขียว พื้นที่ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ พื้นที่กิจกรรมให้คนเข้ามาใช้ในโครงการ ปรับพื้นที่ให้ดูดีขึ้น ดูปลอดภัย ไม่มีแหล่งมั่วสุม ทำให้คนเข้ามาแล้วรู้สึกได้พักผ่อนจริง ๆ
ในกลุ่มก็มานั่งวิเคราะห์ข้อมูล ออกแบบมาเป็นพื้นที่สาธารณะที่มีโซนเรียนรู้ มีสะพานลอยแบบสกายวอล์กให้คนขึ้นไปเดินหรือวิ่งเพื่อดูวิวจากที่สูงที่เป็นเกาะล้อมรอบด้วยแม่น้ำ แล้วก็เอากิจกรรมต่าง ๆ ให้อยู่ใกล้แม่น้ำลำคลอง ให้เขาสัมผัสธรรมชาติให้ได้มากที่สุด มีทางเชื่อมกับอาคารพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงประวัติศาสตร์ช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 และจัดนิทรรศการหมุนเวียน มีห้องประชุม มีระเบียงยื่นออกมาชมบรรยากาศ เห็นคนทำกิจกรรมด้านล่างด้วย ข้างใต้สกายวอล์กมีทางจักรยาน มีพื้นที่ให้คนมาสร้างสรรค์กราฟฟิตี้เปลี่ยนไปตามเทศกาลต่าง ๆ ระหว่างที่เขาปั่นจักรยานก็สามารถมองเห็นภาพวาดบนกำแพงสื่อเรื่องราว สามารถมาแชร์ความรู้กันได้ มีลานสเกตบอร์ดเพราะแถวนั้นก็เป็นเหมือนลานพลาซ่าค่อนข้างใหญ่ เด็กแถวนั้นเล่นสเกตบอร์ดกันอยู่แล้ว เขาก็สามารถมาเล่นที่นี่ได้ ซึ่งพอเรานำเสนอแบบ อาจารย์ก็มีคอมเมนต์ว่า อยากให้ลดสถาปัตยกรรมลง เพิ่มพื้นที่สีเขียวมากขึ้น คืนพื้นที่ให้เป็นปอดของชุมชน คือให้ต้นไม้เป็นหลักอาคารเป็นส่วนประกอบ จะได้เป็นการฝึกออกแบบอาร์ตแลนด์สเคปให้สามารถตอบโจทย์คนได้โดยไม่ต้องเอาสถาปัตยกรรมไปตอบโจทย์ ส่วนคนในชุมชนเขาดูแล้วก็ชอบค่ะ
เรายังได้ต่อยอดไปส่งโครงการประกวดแนวคิดการออกแบบ The Landmark Rangsit “ปทุมธานีเมืองแห่งสายน้ำจากพระมหากรุณาธิคุณ รัชกาลที่ 5” ที่เทศบาลนครรังสิตมีโครงการสร้างอนุสาวรีย์รำลึกถึงรัชกาลที่ 5 และสวนสาธารณะที่มีลานอเนกประสงค์ และเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของจังหวัดปทุมธานี ก็ได้โจทย์เพิ่มเติมว่าต้องมีหอคอยชมเมือง หอประชุมที่สามารถเช่าจัดเลี้ยงได้ เราก็พัฒนาแบบโดยดึงเรื่องของวิถีน้ำ วิถีชีวิตเข้ามา เป็นคำนิยามที่แทนทั้งเรื่องช่วงเวลาของอดีตเชื่อมโยงถึงปัจจุบัน รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้มีการขุดคลองรังสิตประยูรศักดิ์ พอเริ่มขุดคลอง ก็เกิดวิถีชีวิตด้านเกษตรกรรม คนเข้ามาทำการเกษตร มาอยู่อาศัย เราก็นำสิ่งเหล่านี้มาออกแบบพื้นที่สาธารณะที่เป็นกิจกรรมเอาต์ดอร์อยู่ใกล้ชิดกับบรรยากาศริมน้ำริมคลองให้ได้มากที่สุด แล้วเอาอาคารหอคอยสูงชะลูดเป็นแนวแกนกลางเพื่อให้เห็นตัวผังเมืองผังคลองต่าง ๆ ให้ผู้คนที่มาโครงการนี้ได้เห็นถึงความสำคัญของแม่น้ำลำคลอง แล้วก็อยากส่งเสริมกิจกรรมที่เกี่ยวกับแม่น้ำลำคลองว่าสามารถทำกิจกรรมกับมันได้ ไม่ใช่เพียงแค่เห็น อาจจะมีกิจกรรมตกปลาเป็นช่วงฤดู มีการปล่อยปลาให้เกิดการหมุนเวียน หารายได้ให้คนในชุมชนได้ด้วย ซึ่งแบบประกวดของเราได้รับรางวัลชมเชย ก็ดีใจค่ะ
รู้สึกสนุกกับโจทย์ออกแบบแนวคิดพื้นที่แห่งการเรียนรู้ เพราะได้ทดลองทำงานจริง คิดถึงความเป็นจริงมากยิ่งขึ้น เวลาเราทำกิจกรรมหรือทำดีไซน์ในคณะบางทีก็อาจเป็นการคิดไปเองด้วย การรีเสิร์ชบางทีข้อมูลในอินเทอร์เน็ตไม่ได้เป็นจริงหรือถูกต้องทั้งหมด การไปถามผู้คนในพื้นที่ก็ดีกว่า ได้ข้อมูลในสภาพเป็นจริง แล้วนำมาออกแบบเพื่อรองรับการใช้งานของคนในพื้นที่จริง ๆ แล้วเราก็ได้ความคิดเห็นของคนทั่วไปว่ามองงานออกแบบของเรายังไง ? ไม่ใช่ในแง่สถาปนิกด้วยกันหรือพวกที่เรียนด้านนี้ด้วยกัน ทำให้รู้สึกว่าในแง่มุมของคนทั่วไปที่มองต่ออาชีพ ต่อการออกแบบของเรา มีผลมาก ๆ และก็รู้สึกว่าเราจะมั่นใจได้ยังไงในข้อมูลว่าเขาต้องการอย่างนั้นจริง ๆ เวลาที่เราออกแบบ ซึ่งหลัง ๆ ก็จะรีเสิร์ชหนักมากเพื่อวิเคราะห์ความต้องการตรงนั้นจริง ๆ ให้ได้ มองให้อิงความเป็นจริงมากขึ้น พยายามเปิดกว้างมากขึ้น และมองในเชิงธุรกิจด้วย ไม่ใช่แค่ออกแบบสวยอย่างเดียว ต้องมองงบประมาณ และหลักการออกแบบให้พื้นที่ตรงนั้นขายได้ เช่น การวางฟังก์ชัน การวางตำแหน่งร้านค้า การทำยังไงให้คนเข้ามาแล้วโครงการมีรายได้ ต้องมีพื้นที่ขายกี่เปอร์เซ็นต์ มีพื้นที่สาธารณะกี่เปอร์เซ็นต์ถึงจะคุ้มค่ากับเจ้าของพื้นที่ ซึ่งก่อนหน้านี้เราไม่ได้เข้าใจจริง ๆ
การออกแบบพื้นที่ของทั้ง 10 กลุ่มก็เปลี่ยนกิจกรรมไปตามแต่ละพื้นที่คลอง บางกลุ่มทำแนวธรรมชาติแบบสวนสาธารณะที่มีเครื่องเล่นเด็ก บางกลุ่มพัฒนาโซนร้านค้าพวกก๋วยเตี๋ยวเรือ ซึ่งผู้ประกอบการร้านก๋วยเตี๋ยวอยากให้ดูดีขึ้น ก็ออกแบบเปลี่ยนตัวสถาปัตยกรรมให้เป็นเหมือนซุ้มเล็ก ๆ ลอยอยู่ในน้ำ คล้ายตลาดน้ำ ส่วนตัวเราก็สังเกตโดยรอบมากขึ้น ไม่ใช่แค่ในมหาวิทยาลัย แต่เวลาเราไปเที่ยวข้างนอกด้วย เราจะสังเกตว่าเขาทำอย่างนี้ทำไม ? ทำดีไซน์นี้เพื่ออะไร ? ที่เขาขายดี คนเข้าไปเยอะ มันเป็นลักษณะยังไง ? เท่าที่คุยกับเพื่อนที่ทำงานในรายวิชาออกแบบสถาปัตยกรรม 4 ด้วยกัน ก็รู้สึกคล้ายกัน ได้มุมมองกว้างขึ้น เข้าใจวิชาชีพมากขึ้น เข้าใจตัวเองมากขึ้นค่ะ”
แสงจันทร์ กลัญชัย
นักศึกษา ปี 4 คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
“หอโหวดเป็นเพียงจุดเริ่มต้น แต่หลังจากนี้คือกลไกที่เทศบาลต้องทำงานร่วมกับภาคประชาชนและนักวิชาการ ในการกำหนดทิศทางเมืองให้ร้อยเอ็ดพร้อมรับการท่องเที่ยว และทำให้เมืองมีความน่าอยู่ สำหรับผู้คนในเมืองพร้อมกันไปด้วย” “เราเกิดที่ร้อยเอ็ด เรียนมัธยมที่นี่ ก่อนไปเรียนระดับมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ ก่อนหน้านี้ สักเกือบ 10 ปีที่แล้ว เราไม่เคยมีความคิดจะกลับมาทำงานที่บ้านเกิดเลยนะ เพราะไม่เห็นโอกาสอะไรในชีวิตในภาพจำเดิมของเรา ร้อยเอ็ดเป็นเมืองผ่าน ไม่มีสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อ ไม่มีแหล่งธรรมชาติสวยๆ…
ชวนอ่าน เบื้องหลังแนวคิดการขับเคลื่อนงานพัฒนาเมืองด้วยงานวิจัย องค์ความรู้ และนวัตกรรม ความร่วมมือ และบูรณการระหว่าง บพท. และสมาคมเทศบาลนครและเมือง ก่อเกิดโครงการ "โปรแกรมบ่มเพาะและเร่งรัดกระบวนการเพื่อมุ่งสู่เมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด (CIAP) ดำเนินการระหว่างปีพ.ศ. 2567-2568 กับผู้นำเมือง และเทศบาล…
WeCitizens : ร้อยเอ็ดเมืองน่าอยู่อย่างชาญฉลาด (ฉบับที่ 1) เปิดความคิด ความหวัง และโอกาสของการพัฒนาเมืองร้อยเอ็ดที่รัก นำโดยนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด คุณบรรจง โฆษิตจิรนันท์ คณะทำงานเจ้าหน้าที่เทศบาล และหัวหน้าโครงการวิจัยร้อยเอ็ดเมืองน่าอยู่อย่างชาญฉลาด ผศ. ดร.ชัญญรินทร์…
ร้อยเอ็ดอยู่ห่างจาก ‘สะดืออีสาน’ พื้นที่ที่ถูกปักหมุดให้เป็นจุดศูนย์กลางของภาคอีสานในอำเภอโกสุมพิสัย มหาสารคาม เพียง 60 กิโลเมตร ในตำนานอุรังคธาตุ (ตำนานพระธาตุพนม) กล่าวว่า ‘สาเกตนครร้อยเอ็ดประตู’ (ชื่อเดิม) เมืองนี้ มีประตูเท่าจำนวนเมืองขึ้น ‘ร้อยเอ็ดเมือง’ สะท้อนให้เห็นความรุ่งเรืองจากการเป็นศูนย์กลางอำนาจและการคมนาคมของภูมิภาคมาตั้งแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ 21อีกทั้ง ส่วนหนึ่งของพื้นที่ยังเป็นที่ตั้งของทุ่งกุลาร้องไห้ ที่ราบขนาดใหญ่กว่า 2 ล้านไร่ ทำให้ในเวลาต่อมา ร้อยเอ็ดจึงเป็นอู่ข้าวที่ผลิตข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาที่ใหญ่ และมีผลิตผลที่ดีที่สุดในโลก แม้มีภูมิหลังที่รุ่งเรือง กระนั้น ตลอดหลายทศวรรษหลัง…
สนทนากับ ผศ.ดร.ชัญญรินทร์ สมพรหัวหน้าโครงการวิจัยเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด ‘ร้อยเอ็ด’, สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด “พื้นที่นี้จะเป็นเหมือนตัวกลางในการสร้างความพร้อมให้คนร้อยเอ็ดสามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในอนาคต” ผศ. ดร.ชัญญรินทร์ สมพร รองผู้อํานวยการสํานักส่งเสริมวิชาการและจัดการเรียนรู้ตลอดชีวิต มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด และหัวหน้าโครงการวิจัย "โครงการเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด ร้อยเอ็ดคนดี เชื่อมโยงโครงข่ายเศรษฐกิจ ด้วยการเดินบนความปลอดภัยและทันสมัย…
"เราให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงเศรษฐกิจให้ร้อยเอ็ดเป็นทางเลือกใหม่ของตลาด MICE ที่ราคาย่อมเยา เดินทางสะดวก และมีอัตลักษณ์" เริ่มจากความคับข้องใจที่เห็นบ้านเกิดของตัวเอง (ร้อยเอ็ด) เป็นเมืองผ่านที่มักถูกมองข้าม เมื่อ บรรจง โฆษิตจิรนันท์ เข้ารับตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองร้อยเอ็ด เมื่อปี 2538 เขาจึงเริ่มโครงการพัฒนาเมือง ไปพร้อมกับการดึงเสน่ห์จากศิลปวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ ดึงดูดให้ผู้คนมาเที่ยว…