“ตอนนี้เรียนอยู่มอหก โรงเรียนเบญจมราชูทิศ ราชบุรี ค่ะ เราเรียนตั้งแต่มัธยมต้น และได้รู้จักชมรมโบราณคดีซึ่งรับเฉพาะเด็กนักเรียนมัธยมปลาย ความที่เราสนใจประวัติศาสตร์ และเห็นบรรยากาศของรุ่นพี่ในชมรมที่ผูกพันกันเหมือนครอบครัว โดยไม่มีระบบโซตัสด้วย พอขึ้นมอสี่ก็เลยสมัครเข้าชมรมนี้
ชมรมนี้มีคนอยากเข้าเยอะ ก็เลยต้องส่งใบสมัครและสัมภาษณ์กัน รุ่นพี่ปีสุดท้ายหรือที่เรียกว่ามาสเตอร์จะเป็นคนคัดเลือกสมาชิกใหม่ อย่างปีนี้หนูเป็นมาสเตอร์ ก็จะเป็นคนคัดเลือกน้องเข้ามาในชมรม ก็ดูที่ทัศนคติ ความสนใจ และความพร้อมอื่นๆ
หน้าที่หลักของสมาชิกในชมรมไม่ใช่แค่การเฝ้าพิพิธภัณฑ์ (เบญจมราชูทิศพิพิธภัณฑ์) แต่สมาชิกทุกคนจะได้เรียนรู้ทักษะการทำทะเบียนโบราณวัตถุ และสามารถนำชมพิพิธภัณฑ์แก่ผู้มาเยือนได้ ซึ่งทักษะนี้จะเป็นการส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น โดยรุ่นพี่ยังได้เรียนรู้จากอาจารย์จากคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากรด้วย
อย่างการทำทะเบียน ก็ต้องทำให้มีความละเอียดแบบที่นักโบราณคดีจริงๆ เขาทำกันเลย จดบันทึกรายละเอียดของวัสดุ วัดสเกลขนาด ถ่ายรูปทุกมุมมอง บันทึกอายุ และทำทะเบียนการจัดเก็บ คือไม่ใช่ว่าเรามีหม้อโบราณ เราจะเขียนแค่หม้อมีสีอะไรก็ไม่ได้ เพราะพิพิธภัณฑ์เรามีหม้อเป็นร้อยๆ ใบ โบราณวัตถุแต่ละชิ้นก็ล้วนมีคุณค่าในตัวของมันเอง พอได้ทะเบียนเราก็บันทึกลงฐานข้อมูลที่เป็นเอกสารและฐานข้อมูลออนไลน์
ในทุกๆ ปี เราจะมีโบราณวัตถุที่ศิษย์เก่า หรือหน่วยงานต่างๆ บริจาคเข้ามา เช่น เรามีโลงผีแมนจากกาญจนบุรี ที่รุ่นพี่ชมรมเราซึ่งจบออกไปเป็นตำรวจและได้มา เขาก็บริจาคให้พิพิธภัณฑ์ของโรงเรียน รุ่นน้องอย่างพวกเราก็ต้องทำทะเบียนวัตถุเพื่อจัดเก็บ ที่เห็นในห้องนี้ยังไม่ใช่ทั้งหมดที่เรามี เพราะเรามีโบราณวัตถุที่ได้มาเยอะมากจัดเก็บในคลังของโรงเรียน
ทำไมถึงชอบเรื่องนี้หรือคะ? จริงๆ หนูชอบลงพื้นที่มากกว่า ไปตามแหล่งโบราณสถานเพื่อจะได้เรียนรู้ว่าคนแต่ละวัฒนธรรมหรือแต่ละยุคสมัยเขามีชีวิตอยู่กันอย่างไร และเห็นการที่ผู้คนแต่ละยุคใช้สิ่งของต่างๆ เพื่อดำรงชีพ วัตถุบางชิ้นอาจดูไม่สวยเลย ไม่เห็นจะน่าเก็บตรงไหน แต่คุณค่าของวัตถุนั้นมันคือการที่คนในอดีตได้ใช้มันเพื่อประทังชีวิต เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ที่สำคัญของยุคสมัย และไม่สามารถทำซ้ำได้อีกแล้ว มันจึงมีค่ามาก
อย่างไรก็ดี หนูชอบโบราณคดีเพราะได้ทำกิจกรรมและได้เรียนรู้ ไม่คิดว่าจะเรียนต่อด้านนี้ในเชิงอาชีพค่ะ เพราะเราก็สนใจเรื่องอื่นๆ อย่างภาษาและการสื่อสารด้วย จึงไม่ได้คิดจะสอบเข้าโบราณคดีเป็นอันดับแรก แต่การได้เข้าชมรมก็ทำให้หนูได้พัฒนาทักษะหลายด้าน ทั้งการทำงานร่วมกับคนอื่น ความละเอียดรอบคอบในการจดบันทึก การเป็นคนช่างสังเกต การสื่อสาร และความกล้าแสดงออก ที่สำคัญคือการได้เพื่อนใหม่ๆ ที่สนใจแบบเดียวกัน”
กรรณิการ์ มณีวิหก
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 และสมาชิกชมรมโบราณคดี
โรงเรียนเบญจมราชูทิศ ราชบุรี
พลังคน พลังโคมลำพูน: เมืองเล็ก ๆ ที่เปี่ยมไปด้วยพลังสร้างสรรค์ แม้ ดร.สุดารัตน์ อุทธารัตน์ เป็นคนเชียงใหม่ เธอก็หาใช่เป็นคนอื่นคนไกลสำหรับชาวลำพูนเพราะก่อนจะเข้ามาขับเคลื่อนงานวิจัยเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาดกับเทศบาลเมืองลำพูน เธอได้ทำวิจัยเกี่ยวกับเมืองแห่งนี้มาหลายครั้ง โดยเฉพาะโครงการขับเคลื่อนเยาวชนเพื่อเตรียมพร้อมสู่การเป็นพลเมืองของเมืองแห่งการเรียนรู้ของ UNESCO ในปี 2566-2567 - นั่นล่ะ…
“เป็นสิ่งวิเศษที่สุด ที่ผ้าไหมของจังหวัดลำพูนได้ปรากฏต่อสายตาผู้คนทั้งในและต่างประเทศ ทั้งเมื่อครั้งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงให้การส่งเสริม และทรงฉลองพระองค์ด้วยผ้าไหมยกดอกลำพูนในพระราชพิธีสำคัญต่าง ๆ และกระทั่งในปัจจุบัน สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 10 ก็ทรงส่งเสริมผ้าไหมไทย และฉลองพระองค์ด้วยผ้าไหมยกดอกลำพูนในพระราชพิธีสำคัญเช่นกัน ดิฉันเป็นคนลำพูน มีความภูมิใจในงานหัตถศิลป์การทอผ้าไหมยกดอกนี้มาก ๆ และตั้งใจจะรักษามรดกทางวัฒนธรรม ทำหน้าที่ส่งต่อถึงคนรุ่นต่อไป…
“ความที่โตมาในลำพูน เราตระหนักดีว่าเมืองเรามีต้นทุนทางวัฒนธรรมที่สูงมาก ทั้งยังมีบรรยากาศที่น่าอยู่ อย่างไรก็ดี อาจเพราะเป็นเมืองขนาดเล็ก ลำพูนมักถูกมองข้ามจากแผนการพัฒนาของประเทศ เป็นเหมือนเมืองที่มีศักยภาพ แต่ยังไม่ถูกปลุกให้ตื่นความที่เราเคยทำงานที่ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (ปัจจุบันคือสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA - ผู้เรียบเรียง) ได้เห็นตัวอย่างความสำเร็จของกระบวนการพัฒนาย่านด้วยกรอบพื้นที่สร้างสรรค์ในหลายพื้นที่…
“ผมเป็นคนลำพูน และชอบทำกิจกรรมนอกห้องเรียนมาตั้งแต่เด็ก ปัจจุบันเป็นประธานสภาเด็กและเยาวชนจังหวัดลำพูน ควบคู่ไปกับกำลังศึกษาคณะรัฐศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่จากประสบการณ์การทำงานในสภาฯ ทำให้ผมเห็นว่า เยาวชนลำพูนมีศักยภาพที่หลากหลาย แต่สิ่งที่ขาดไปคือเวทีที่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้แสดงความสามารถและพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากการสนับสนุนจากโรงเรียนหรือโครงการของภาคเอกชน ปี 2567 พี่อร (ดร.สุดารัตน์ อุทธารัตน์…
“อาคารหลังนี้แต่ก่อนเป็นที่ประทับของเจ้าราชสัมพันธวงษ์ลำพูน (พุทธวงษ์ ณ เชียงใหม่) น้องเขยของเจ้าจักรคำขจรศักดิ์ เจ้าหลวงองค์สุดท้ายของลำพูน อาคารถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 2455 หลังจากนั้นก็ถูกขายให้พ่อค้าชาวจีนไปทำเป็นโรงเรียนหวุ่นเจิ้ง สอนภาษาจีนและคณิตศาสตร์ โรงเรียนนี้เปิดได้ไม่นานก็ต้องปิด เพราะสมัยนั้นรัฐบาลเพ่งเล็งว่าอะไรที่เป็นของจีนจะเกี่ยวข้องกับลัทธิคอมมิวนิสต์ แต่หนูก็ไม่รู้หรอกว่าโรงเรียนนี้เกี่ยวข้องหรือเปล่า (ยิ้ม) จากนั้นอาคารก็ถูกเปลี่ยนมาเป็นโรงเรียนมงคลวิทยาในปี…
“เราโตมากับวัฒนธรรมของคนลำพูน ชอบไปเดินงานปอย ร่วมงานบุญ ก่อนหน้านี้ก็เคยทำงานรับจ้างทั่วไป จนเทศบาลฯ มาส่งเสริมเรื่องการทำโคม โดยมีสล่าจากชุมชนศรีบุญเรืองมาสอน เราก็ไปเรียนกับเขา ตอนนี้อาชีพหลักคือการทำโคม ทำมาได้ 2 ปีแล้ว สำหรับเรา โคมคืองานศิลปะ เป็นสัญลักษณ์และมรดกที่ยึดโยงกับวัฒนธรรมของคนบ้านเรา ตอนแรกเราไม่มีความคิดเลยว่ามันจะกลายมาเป็นอาชีพได้…