“โดยตำแหน่ง ผมจะรับผิดชอบด้านการศึกษาของเทศบาลนครระยอง ก็ดูแลโรงเรียนทั้งหมด 6 โรงเรียนในเขตเทศบาล โดยในจำนวนนั้นมีโรงเรียนระดับมัธยมอยู่ 1 โรงเรียน นั่นคือนครระยองวิทยาคม
จริงอยู่ที่ระยองได้รับการจัดอันดับให้เป็นจังหวัดที่มี GDP สูงที่สุดในประเทศ แต่ตามข้อเท็จจริง GDP เราไม่ได้กระจายถึงทุกคนอย่างทั่วถึง เทศบาลเรามีประชากรราว 50,000-60,000 คน แต่มีประชากรแฝง หรือคนที่ย้ายเข้ามาทำงานในเมืองหลักแสนคนได้ น่าเสียดายที่คนระยองแท้ๆ ที่ไม่ได้ทำงานอยู่ในภาคอุตสาหกรรม ก็หาได้มีรายได้สูงเท่ากับที่ GDP มันบ่งชี้เท่าไหร่เลย ดังนั้น การปูพื้นเรื่องการศึกษาที่จะนำไปสู่การเข้าถึงอาชีพที่มีความมั่นคงจึงเป็นเรื่องสำคัญ
แม้โรงเรียนในสังกัดเทศบาลเราหลายแห่งอยู่ในรูปแบบโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา เราไม่ใช่ตัวเลือกแรกของผู้ปกครองที่มีฐานะดีในระยอง อย่างไรก็ตาม ผมกลับพบว่านี่เป็นข้อดีที่จะทำให้สถานศึกษาของเราช่วยทำให้เด็กๆ เข้าถึงการศึกษาอย่างเท่าเทียม โดยเฉพาะเด็กๆ จากครอบครัวยากจน ขณะเดียวกันก็ช่วยส่งเสริมให้เด็กๆ เข้าถึงทักษะการเรียนรู้ในด้านอื่นๆ เช่น ดนตรี กีฬา การแสดง ศิลปะ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือพื้นฐานทางวิชาชีพอื่นๆ
เพราะโอกาสด้านอาชีพของระยองเรายังหลากหลายอยู่มากนะครับ คุณอาจไม่จำเป็นต้องเรียนวิศวกรรมศาสตร์ หรือสายวิทยาศาสตร์เพื่อจบออกมาทำงานบริษัทใหญ่ๆ อย่างเดียว ระยองยังต้องการบุคลากรจากวิชาชีพอันหลากหลาย เพื่อมาช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของเมืองนี้อีกมาก ยิ่งเฉพาะเมื่อเทคโนโลยีทำให้หลายๆ อย่างง่ายขึ้น การมีทักษะวิชาชีพเฉพาะก็ดี ทักษะในการใช้ชีวิตที่หลากหลายก็ดี เมื่อเจ้าของทักษะรู้ว่าจะประยุกต์เข้ากับเทคโนโลยีที่มีได้อย่างไร ความมั่นคงในชีวิตก็จะตามมา
ควบคู่ไปกับการศึกษาในโรงเรียน เทศบาลก็ให้ความสำคัญกับการเรียนรู้นอกห้องเรียน อย่างเห็นได้ชัดเลยคือความพยายามจะพัฒนาให้ป่าชายเลนกลางใจเมืองของเราให้กลุ่มเป็นแหล่งเรียนรู้ทั้งในแง่มุมของระบบนิเวศ สิ่งแวดล้อม รวมถึงการฝึกเด็กๆ ให้รองรับกับการท่องเที่ยว ดังที่เราจัดทำโครงการมัคคุเทศก์อาสา ให้นักเรียนไปฝึกนำชมสถานที่แก่นักท่องเที่ยว เป็นต้น
ขณะเดียวกัน ห้องสมุดประชาชนเทศบาลนครระยองที่ตั้งอยู่ในสวนศรีเมือง ก็เป็นอีกพื้นที่การเรียนรู้ที่ขณะนี้ทางเทศบาลกำลังปรับปรุงให้รองรับกับกิจกรรมที่หลากหลายขึ้น โดยตั้งใจให้ที่นี่เป็น co-working space ควบคู่ไปกับพื้นที่กลางสำหรับจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ของคนในเมือง
ผมมองว่าห้องสมุดเรามีทำเลที่ได้เปรียบห้องสมุดประจำเมืองอื่นๆ นะ เพราะมันตั้งอยู่ในสวนสาธารณะใจกลางเมืองเลย เรายังเคยปรับพื้นที่บางส่วนให้เป็นฟิตเนสด้วย ในอนาคตเรามีแผนจะปรับอาคารนี้ให้รองรับการใช้งานสำหรับทุกเพศทุกวัยได้มากขึ้น มีการจัดกิจกรรมประจำสัปดาห์ หรือเปิดให้ภาคเอกชนเข้ามาใช้จัดกิจกรรม เป็นทางเลือกใหม่ให้คนระยองได้ใช้เวลาว่างกับครอบครัวในวันหยุด
พร้อมกันนั้น เรายังมีแผนเพิ่มพื้นที่สีเขียวตามจุดต่างๆ ทั่วเมือง โดยเฉพาะการเปลี่ยนพื้นที่บ่อบำบัดน้ำเสียตรงโรงฆ่าสัตว์ให้กลุ่มเป็นสวนสาธารณะแห่งใหม่ เชื่อมไปกับพื้นที่รกร้างที่กระจายตัวทั่วเมืองที่จะถูกเปลี่ยนให้เป็นสวนหย่อม เชื่อมแผนการพัฒนาเมืองโลว์คาร์บอนไปพร้อมกัน
สำหรับผม เมืองระยองของเรามีบริบทของความเป็นเมืองแห่งการเรียนรู้ที่ครอบคลุมแทบทุกด้านอยู่แล้ว ทั้งสิ่งแวดล้อม ประมง ภูเขา ทะเล การเกษตร อุตสาหกรรม การท่องเที่ยว ไปจนถึงประวัติศาสตร์จากย่านเมืองเก่า แต่สิ่งสำคัญก็คือทุกภาคส่วนจำเป็นต้องสร้างความเชื่อมโยงและการสื่อความหมายให้ทุกคนตระหนักว่าเราจะหยิบองค์ความรู้ที่อยู่ในชีวิตประจำวันอยู่นี้มาใช้อย่างไร ขณะเดียวกัน เทศบาลนครระยองก็พยายามจะสร้างสิ่งแวดล้อมแห่งการเรียนรู้ และอำนวยความสะดวกให้ผู้คนเข้าถึงสิ่งเหล่านี้อย่างสะดวกสบายมากที่สุด”
นิพนธ์ เตชโชควารี
รองนายกเทศมนตรีนครระยอง
“เมืองอาหารปลอดภัยไม่ได้ให้ประโยชน์แค่เฉพาะผู้คนในเขตเทศบาลฯแต่มันสามารถเป็นต้นแบบให้เมืองอื่น ๆ ที่อยากส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้คนได้เช่นกัน” “งานประชุมนานาชาติของสมาคมพืชสวนโลก (AIPH Spring Meeting Green City Conference 2025) ที่เชียงรายเป็นเจ้าภาพเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา เน้นย้ำถึงทิศทางการพัฒนาเมืองสีเขียว…
“ทั้งพื้นที่การเรียนรู้ นโยบายเมืองอาหารปลอดภัย และโรงเรียนสำหรับผู้สูงวัยคือสารตั้งต้นที่จะทำให้เชียงรายเป็นเมืองแห่งสุขภาพ (Wellness City)” “กล่าวอย่างรวบรัด ภารกิจของกองการแพทย์ เทศบาลนครเชียงราย คือการทำให้ประชาชนไม่เจ็บป่วย หรือถ้าป่วยแล้วก็ต้องมีกระบวนการรักษาที่เหมาะสม ครบวงจร ที่นี่เราจึงมีครบทั้งงานส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค การรักษาเมื่อเจ็บป่วย และระบบดูแลต่อเนื่องถึงบ้าน…
“การจะพัฒนาเมือง ไม่ใช่แค่เรื่องสาธารณูปโภคแต่ต้องพุ่งเป้าไปที่พัฒนาคนและไม่มีเครื่องมือไหนจะพัฒนาคนได้ดีไปกว่า การศึกษา” “แม้เทศบาลนครเชียงรายจะเป็นเมืองแห่งการเรียนรู้ของยูเนสโกแห่งแรกของไทยในปี 2562 แต่การเตรียมเมืองเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ว่านี้ เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นหลายสิบปี ในอดีต เชียงรายเป็นเมืองที่ห่างไกลความเจริญ ทางเทศบาลฯ เล็งเห็นว่าการจะพัฒนาเมือง ไม่สามารถทำได้แค่การทำให้เมืองมีสาธารณูปโภคครบ แต่ต้องพัฒนาผู้คนที่เป็นหัวใจสำคัญของเมือง และไม่มีเครื่องมือไหนจะพัฒนาคนได้ดีไปกว่า ‘การศึกษา’…
“ถ้าอาหารปลอดภัยเป็นทางเลือกหลักของผู้บริโภคเชียงรายจะเป็นเมืองที่น่าอยู่กว่านี้อีกเยอะ” “นอกจากบทบาทของการพัฒนาชุมชนและสังคมสงเคราะห์ กองสวัสดิการสังคม เทศบาลนครเชียงราย ยังมีกลไกในการส่งเสริมเศรษฐกิจของพี่น้อง 65 ชุมชน ภายในเขตเทศบาลฯ โดยกลไกนี้ครอบคลุมการส่งเสริมสุขภาพ และช่วยดูแลสิ่งแวดล้อมในทางอ้อมด้วยกลไกที่ว่าคือ ‘สหกรณ์นครเชียงราย’ โดยสหกรณ์ฯ นี้เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2560 หลักเราคือการสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชน…
“แม่อยากปลูกผักปลอดภัยให้ตัวเองและคนในเมืองกินไม่ใช่ปลูกผักเพื่อส่งขาย แต่คนปลูกไม่กล้ากินเอง” “บ้านป่างิ้ว ตั้งอยู่ละแวกสวนสาธารณะหาดนครเชียงราย เราและชุมชนฮ่องลี่ที่อยู่ข้างเคียงเป็นชุมชนเกษตรที่ปลูกพริก ปลูกผักไปขายตามตลาดมาแต่ไหนแต่ไร กระทั่งราวปี 2548 สำนักงานเกษตรอำเภอเมืองเชียงราย มาส่งเสริมให้ทำเกษตรปลอดภัย คนในชุมชนก็เห็นด้วย เพราะอยากทำให้สิ่งที่เราปลูกมันกินได้จริง ๆ ไม่ใช่ว่าเกษตรกรปลูกแล้วส่งขาย แต่ไม่กล้าเก็บไว้กินเองเพราะกลัวยาฆ่าแมลงที่ตัวเองใส่…
“วิวเมืองเชียงรายจากสกายวอล์กสวยมาก ๆขณะที่ผืนป่าชุมชนของที่นี่ก็มีความอุดมสมบูรณ์จนไม่น่าเชื่อว่านี่คือป่าที่อยู่ในตัวเมืองเชียงราย” “ก่อนหน้านี้เราเป็นพนักงานบริษัทเอกชนที่ต่างจังหวัด จนเทศบาลนครเชียงรายเขาเปิดสกายวอล์กที่ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนดอยสะเก็น และหาพนักงานนำชม เราก็เลยกลับมาสมัคร เพราะจะได้กลับมาอยู่บ้านด้วย ตรงนี้มีหอคอยชมวิวอยู่แล้ว แต่เทศบาลฯ อยากทำให้ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ก็เลยต่อขยายเป็นสกายวอล์กอย่างที่เห็น ซึ่งสุดปลายของมันยังอยู่ใกล้กับต้นยวนผึ้งเก่าแก่ที่มีผึ้งหลวงมาทำรังหลายร้อยรัง รวมถึงยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติบนภูเขา ในป่าชุมชนผืนนี้ จริง…