“น้าของตาลเคยทำงานที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ราชบุรี ตาลจึงมีความผูกพันและสนใจเรื่องโบราณคดีและประวัติศาสตร์ตั้งแต่เด็ก จนขึ้นมัธยมปลาย และเห็นว่าโรงเรียนเรา (เบญจมราชูทิศ ราชบุรี) มีชมรมโบราณคดีที่เป็นชมรมใหญ่ด้วย ก็เลยสมัครเข้ามา
ความที่ตาลสนใจเรื่องเก่าๆ ก็เลยชอบเล่าเรื่อง กิจกรรมของชมรมที่ชอบเป็นพิเศษ จึงเป็นการนำชมพิพิธภัณฑ์ (เบญจมราชูทิศพิพิธภัณฑ์) เพราะมันไม่ใช่แค่การท่องจำเพื่อเล่าให้คนอื่นฟังว่าโบราณวัตถุชิ้นนี้คืออะไรหรือมีความหมายอย่างไร แต่ยังเป็นการหาวิธีสื่อสารให้กับผู้ฟังหลากหลายที่มา
อย่างเพื่อนนักเรียนจากสถาบันอื่น คณะครูที่เข้ามาดูงานเพื่อไปพัฒนาพิพิธภัณฑ์ที่โรงเรียนของเขา บุคคลทั่วไป รวมถึงชาวต่างชาติ แต่ละกลุ่มล้วนมีพื้นฐานไม่เหมือนกัน บางคนรู้ว่าอาณาจักรทวารวดีคืออะไร แต่หลายคนก็ไม่รู้ หรือเครื่องใช้บางชนิดที่ไม่มีในวัฒนธรรมตะวันตกเลย ก็ต้องหาวิธีบอกเล่าให้ชาวต่างชาติเข้าใจได้ง่ายๆ เป็นต้น
ปีที่แล้ว ตาลกับเพื่อนร่วมทีมไปประกวดการออกแบบเส้นทางการท่องเที่ยวเมืองราชบุรีในโครงการเมืองแห่งการเรียนรู้ของมหาวิทยาลัยศิลปากร เราตั้งชื่อทีมว่า ‘หมื่นห้า มหาเฮง’ เพราะทีมที่ชนะการประกวดจะได้เงินรางวัล 15,000 บาท จึงตั้งชื่อเพื่อเอาเคล็ด โดยทางโครงการเขาจะให้งบประมาณเรามาจำนวนหนึ่งก่อน และใช้งบอันนั้นทำโมเดลหรือพรีเซนเทชั่นแบบไหนก็ได้ เพื่อเสนอความคิดในการออกแบบเส้นทางท่องเที่ยวของเมือง
เราคิดงานจากปัญหาที่พบในราชบุรี เพราะแม้เมืองเราจะมีของดี แต่กลับขาดการประชาสัมพันธ์ เลยคิดถึงการทำนิทรรศการที่รวมเอาของดีของเมืองมาจัดแสดงพร้อมกัน และใช้งานออกแบบสมัยใหม่มาทำแลนด์มาร์ค ตามพื้นที่ต่างๆ ของเมือง เช่น พื้นที่ตลาดเก่าริมน้ำแม่กลอง พร้อมกันนั้นก็นำกิจกรรมอย่างการเพ้นท์โอ่งมังกรมาให้ผู้ร่วมชมนิทรรศการได้ลองทำด้วย รวมถึงกิจกรรมอื่นๆ ที่เมืองเรามีอยู่แล้ว แต่นักท่องเที่ยวกลับไม่ค่อยรู้ ก็มัดรวมกันไว้ที่นี่ที่เดียว เพราะคิดว่าถ้านักท่องเที่ยวได้มาดูนิทรรศการแล้ว เขาจะรู้เลยว่าทั้งหมดของเมืองเรามีอะไรที่น่าสนใจบ้าง เขาก็จะเดินทางต่อไปยังสถานที่จริง เป็นต้น
ในการประกวดครั้งนั้น ทีมของตาลได้รางวัลชนะเลิศด้วย เลยคิดว่าการตั้งชื่อเอาฤกษ์ก็อาจมีส่วน (หัวเราะ) ขณะเดียวกัน ในการประกวดก็มีตัวแทนจากทางจังหวัด เทศบาล และผู้หลักผู้ใหญ่ของเมืองมาดูผลงานของพวกเรา ซึ่งหลายทีมต่างมีไอเดียน่าสนใจทั้งนั้น ก็หวังให้ผู้ใหญ่เอาไอเดียพวกเราไปพัฒนาต่อ คงจะดีมากๆ เลย
ส่วนคำถามเรื่องเมือง นอกจากที่ตาลบอกว่าขาดการประชาสัมพันธ์ของดีของจังหวัด อีกเรื่องที่ตาลเห็นคือหลายๆ อย่างของเมืองไม่ได้ถูกพัฒนาให้สอดคล้องกับยุคสมัยค่ะ เพราะแม้เรามีของดีที่เป็นมรดกตกทอดทางวัฒนธรรมไม่น้อย แต่มันก็กลับไม่เชื่อมโยงกับคนรุ่นใหม่
ยกตัวอย่างเช่นผ้าทอคูบัว ทุกคนเห็นตรงกันว่าสวย แต่ถามว่าอยากใช้มันไหม คนรุ่นตาลก็ไม่รู้จะใช้ยังไง จึงคิดว่าถ้ามีนักออกแบบที่เอาลักษณะเฉพาะของผ้าทอคูบัวไปออกแบบเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่คนรุ่นใหม่สามารถใช้ได้ ก็คงจะดีมากๆ คือของเก่าที่ควรอนุรักษ์เราก็ควรอนุรักษ์ไป แต่เราก็นำคุณค่าในของเก่ามาสร้างมูลค่าเป็นของใหม่ๆ ก็ได้เหมือนกัน และเราทำทั้งสองอย่างนี้พร้อมกันได้ค่ะ”
ธิติพร เจริญสุข
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 และสมาชิกชมรมโบราณคดี
โรงเรียนเบญจมราชูทิศ ราชบุรี
“เมืองอาหารปลอดภัยไม่ได้ให้ประโยชน์แค่เฉพาะผู้คนในเขตเทศบาลฯแต่มันสามารถเป็นต้นแบบให้เมืองอื่น ๆ ที่อยากส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้คนได้เช่นกัน” “งานประชุมนานาชาติของสมาคมพืชสวนโลก (AIPH Spring Meeting Green City Conference 2025) ที่เชียงรายเป็นเจ้าภาพเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา เน้นย้ำถึงทิศทางการพัฒนาเมืองสีเขียว…
“ทั้งพื้นที่การเรียนรู้ นโยบายเมืองอาหารปลอดภัย และโรงเรียนสำหรับผู้สูงวัยคือสารตั้งต้นที่จะทำให้เชียงรายเป็นเมืองแห่งสุขภาพ (Wellness City)” “กล่าวอย่างรวบรัด ภารกิจของกองการแพทย์ เทศบาลนครเชียงราย คือการทำให้ประชาชนไม่เจ็บป่วย หรือถ้าป่วยแล้วก็ต้องมีกระบวนการรักษาที่เหมาะสม ครบวงจร ที่นี่เราจึงมีครบทั้งงานส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค การรักษาเมื่อเจ็บป่วย และระบบดูแลต่อเนื่องถึงบ้าน…
“การจะพัฒนาเมือง ไม่ใช่แค่เรื่องสาธารณูปโภคแต่ต้องพุ่งเป้าไปที่พัฒนาคนและไม่มีเครื่องมือไหนจะพัฒนาคนได้ดีไปกว่า การศึกษา” “แม้เทศบาลนครเชียงรายจะเป็นเมืองแห่งการเรียนรู้ของยูเนสโกแห่งแรกของไทยในปี 2562 แต่การเตรียมเมืองเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ว่านี้ เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นหลายสิบปี ในอดีต เชียงรายเป็นเมืองที่ห่างไกลความเจริญ ทางเทศบาลฯ เล็งเห็นว่าการจะพัฒนาเมือง ไม่สามารถทำได้แค่การทำให้เมืองมีสาธารณูปโภคครบ แต่ต้องพัฒนาผู้คนที่เป็นหัวใจสำคัญของเมือง และไม่มีเครื่องมือไหนจะพัฒนาคนได้ดีไปกว่า ‘การศึกษา’…
“ถ้าอาหารปลอดภัยเป็นทางเลือกหลักของผู้บริโภคเชียงรายจะเป็นเมืองที่น่าอยู่กว่านี้อีกเยอะ” “นอกจากบทบาทของการพัฒนาชุมชนและสังคมสงเคราะห์ กองสวัสดิการสังคม เทศบาลนครเชียงราย ยังมีกลไกในการส่งเสริมเศรษฐกิจของพี่น้อง 65 ชุมชน ภายในเขตเทศบาลฯ โดยกลไกนี้ครอบคลุมการส่งเสริมสุขภาพ และช่วยดูแลสิ่งแวดล้อมในทางอ้อมด้วยกลไกที่ว่าคือ ‘สหกรณ์นครเชียงราย’ โดยสหกรณ์ฯ นี้เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2560 หลักเราคือการสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชน…
“แม่อยากปลูกผักปลอดภัยให้ตัวเองและคนในเมืองกินไม่ใช่ปลูกผักเพื่อส่งขาย แต่คนปลูกไม่กล้ากินเอง” “บ้านป่างิ้ว ตั้งอยู่ละแวกสวนสาธารณะหาดนครเชียงราย เราและชุมชนฮ่องลี่ที่อยู่ข้างเคียงเป็นชุมชนเกษตรที่ปลูกพริก ปลูกผักไปขายตามตลาดมาแต่ไหนแต่ไร กระทั่งราวปี 2548 สำนักงานเกษตรอำเภอเมืองเชียงราย มาส่งเสริมให้ทำเกษตรปลอดภัย คนในชุมชนก็เห็นด้วย เพราะอยากทำให้สิ่งที่เราปลูกมันกินได้จริง ๆ ไม่ใช่ว่าเกษตรกรปลูกแล้วส่งขาย แต่ไม่กล้าเก็บไว้กินเองเพราะกลัวยาฆ่าแมลงที่ตัวเองใส่…
“วิวเมืองเชียงรายจากสกายวอล์กสวยมาก ๆขณะที่ผืนป่าชุมชนของที่นี่ก็มีความอุดมสมบูรณ์จนไม่น่าเชื่อว่านี่คือป่าที่อยู่ในตัวเมืองเชียงราย” “ก่อนหน้านี้เราเป็นพนักงานบริษัทเอกชนที่ต่างจังหวัด จนเทศบาลนครเชียงรายเขาเปิดสกายวอล์กที่ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนดอยสะเก็น และหาพนักงานนำชม เราก็เลยกลับมาสมัคร เพราะจะได้กลับมาอยู่บ้านด้วย ตรงนี้มีหอคอยชมวิวอยู่แล้ว แต่เทศบาลฯ อยากทำให้ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ก็เลยต่อขยายเป็นสกายวอล์กอย่างที่เห็น ซึ่งสุดปลายของมันยังอยู่ใกล้กับต้นยวนผึ้งเก่าแก่ที่มีผึ้งหลวงมาทำรังหลายร้อยรัง รวมถึงยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติบนภูเขา ในป่าชุมชนผืนนี้ จริง…