“อาคารหลังนี้แต่ก่อนเป็นที่ประทับของเจ้าราชสัมพันธวงษ์ลำพูน (พุทธวงษ์ ณ เชียงใหม่) น้องเขยของเจ้าจักรคำขจรศักดิ์ เจ้าหลวงองค์สุดท้ายของลำพูน อาคารถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 2455 หลังจากนั้นก็ถูกขายให้พ่อค้าชาวจีนไปทำเป็นโรงเรียนหวุ่นเจิ้ง สอนภาษาจีนและคณิตศาสตร์ โรงเรียนนี้เปิดได้ไม่นานก็ต้องปิด เพราะสมัยนั้นรัฐบาลเพ่งเล็งว่าอะไรที่เป็นของจีนจะเกี่ยวข้องกับลัทธิคอมมิวนิสต์ แต่หนูก็ไม่รู้หรอกว่าโรงเรียนนี้เกี่ยวข้องหรือเปล่า (ยิ้ม) จากนั้นอาคารก็ถูกเปลี่ยนมาเป็นโรงเรียนมงคลวิทยาในปี 2502 ซึ่งโรงเรียนก็เปิดทำการอยู่พักใหญ่ จนสุดท้ายเลิกกิจการไป เทศบาลเมืองลำพูนเปลี่ยนอาคารหลังนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ชุมชนเมืองลำพูนในปี 2550…
“เราโตมากับวัฒนธรรมของคนลำพูน ชอบไปเดินงานปอย ร่วมงานบุญ ก่อนหน้านี้ก็เคยทำงานรับจ้างทั่วไป จนเทศบาลฯ มาส่งเสริมเรื่องการทำโคม โดยมีสล่าจากชุมชนศรีบุญเรืองมาสอน เราก็ไปเรียนกับเขา ตอนนี้อาชีพหลักคือการทำโคม ทำมาได้ 2 ปีแล้ว สำหรับเรา โคมคืองานศิลปะ เป็นสัญลักษณ์และมรดกที่ยึดโยงกับวัฒนธรรมของคนบ้านเรา ตอนแรกเราไม่มีความคิดเลยว่ามันจะกลายมาเป็นอาชีพได้ เพราะปกติเขาก็มีคนทำโคมขายกันอยู่แล้ว จนเทศบาลฯ ริเริ่มความคิดให้ชุมชนมาช่วยกันทำโคมขายนี่แหละ ปีนี้ชุมชนเรา (ชุมชนชัยมงคล)…
“ก่อนหน้านี้เราเป็นสถาปนิก และกระบวนกรจัดประชุมสัมมนาด้านวิชาการ โดยหลัก ๆ จะอยู่เชียงใหม่ ช่วงปี 2562 เรากลับลำพูนและเห็นเทศกาล River Festival Lamphun ริมแม่น้ำกวง รู้สึกตื่นตามาก ๆ ไม่เคยคิดว่าเราจะได้เห็นโชว์แสง สี เสียง แบบเดียวกับคอนเสิร์ตพี่เบิร์ดริมแม่น้ำบ้านเราได้น่ะ เห็นแล้วก็รู้สึกว่า โห…
“ผมเคยทำงานที่องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยมาก่อน พอเกษียณก็มาเป็นอาสาสมัครชุมชน และก็อยู่บ้านเฉย ๆ จนเทศบาลเขาชวนผมกับภรรยาไปเรียนทำโคม เพื่อจะให้ชุมชนเราผลิตโคมไปขายให้กับเทศบาลฯ ต่อ ชุมชนเรา (ชุมชนสันป่ายางหลวง) เป็นชุมชนแรกที่เข้าไปเรียนทำโคม น่าจะ 6-7 ปีก่อนได้ ตอนแรกก็ไม่ได้คิดว่าจะจริงจังอะไรนัก แค่เห็นว่าเป็นงานฝีมือที่น่าสนใจ และสามารถสร้างรายได้เสริมได้ด้วย แต่ทำไปทำมาชักสนุก พอเห็นว่าโคมที่เราทำมันถูกไปใช้ในเทศกาลโคมแสนดวงด้วย ก็รู้สึกภูมิใจเราทำโคมกันเองที่บ้าน ผมเป็นคนขึ้นโครง ภรรยาเป็นคนติดกระดาษและตบแต่ง ปีนี้เรามีออร์เดอร์ 800…
“ผมเกิดและโตที่ลำพูน บ้านผมอยู่นอกเขตเทศบาล แต่ห่างจากเมืองแค่ 6 กิโลเมตร ตอนเด็กเรียนโรงเรียนประถมแถวบ้าน ก่อนเข้าเรียนมัธยมต้นที่โรงเรียนวัดพระธาตุหริภุญชัย ผมบวชเรียนอยู่ 2 ปี แล้วจึงย้ายไปเรียนมัธยมปลายที่โรงเรียนประจำจังหวัดหลังจากเรียนจบ ผมเข้ารับราชการ งานแรกอยู่ที่เชียงใหม่ ก่อนจะย้ายไปหลายเมือง กระทั่งได้กลับมาประจำที่เทศบาลเมืองลำพูนเมื่อธันวาคม 2566 แม้ในอนาคตอาจต้องย้ายตามระบบราชการ แต่ผมหวังเสมอว่าจะได้กลับมาประจำที่นี่อีกครั้ง สิ่งที่ทำให้ลำพูนเป็นเมืองที่พิเศษสำหรับผม ไม่ใช่แค่โบราณสถานหรือประวัติศาสตร์…
เมืองน่าอยู่อุดมสุข ด้วยการจัดการสิ่งแวดล้อม และพลังของความร่วมมือ สู่เมืองน่าอยู่อุดมสุข กับความความร่วมมือ บพท. “สำหรับการทำงานปีนี้ร่วมกับ บพท. ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ เพราะปีนี้เรานำโจทย์ของเทศบาลเป็นตัวตั้ง ส่วนหนึ่งผมคิดว่าเพราะเราทำงานร่วมกันมานาน และบพท. ก็มีแนวทางที่ชัดเจนว่าอยากสนับสนุนท้องถิ่น ด้วยงานวิจัย องค์ความรู้ และนวัตกรรม เพื่อช่วยพัฒนาเมืองให้น่าอยู่ ซึ่งตรงกับวิสัยทัศน์และแนวทางการทำงานของเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ของเรา ที่เราจะพัฒนาเมืองไปสู่การเป็นเมืองอุดมสุข อุดมสุข นั้นหมายความว่า เป็นเมืองน่าอยู่ น่าลงทุน น่าท่องเที่ยว แล้วก็น่าศึกษา หัวใจสำคัญของประเด็นทั้งหมดนี้ คือ…
ไม่เพียงแต่เทศบาลนครนครสวรรค์จะเป็นหนึ่งในเทศบาลแห่งแรกที่ได้รับการคัดเลือกโดย สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) ให้เป็น เมืองอัจฉริยะ (Smart City) ตั้งแต่ปี 2564 หากแต่ในปัจจุบัน เทศบาลนครซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ของภาคกลางตอนบน ยังคงเดินหน้าพัฒนาเมืองภายใต้กรอบ Smart City ที่มุ่งสู่ความยั่งยืน ควบคู่ไปกับการยกระดับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เปลี่ยน "เมืองต้องผ่าน"…
“ผู้สูงอายุสำหรับผมไม่ใช่ภาระ แต่เป็นคลังปัญญาของสังคมเช่นนั้นแล้ว อย่าเรียกพวกเขาว่า ‘แก่’ เลย เรียก ‘ผู้เชี่ยวชาญชีวิต’ ดีกว่า” "ภารกิจดูแลสุขภาวะคนนนท์ กับเมืองที่พัฒนาแบบมีหัวใจ"สมนึก ธนเดชากุล นายกเทศมนตรีนครนนทบุรีสมนึก ธนเดชากุล นายกเทศมนตรีนครนนทบุรีคนปัจจุบัน เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2488 ปัจจุบันอายุ 79 ปีชายผู้มักสวมแว่นกันแดด…
บรรจง โฆษิตจิรนันท์ นายกเทศมนตรีเมืองร้อยเอ็ด และนายกสมาคมเทศบาลนครและเมือง ผมรู้สึกยินดีกับวันนี้ที่เป็นอีกก้าวของความสําเร็จที่ทาง บพท. มาร่วมมือกับทางท้องถิ่น จนเกิดการวิจัยร่วมกันในการที่จะสร้างและพัฒนาเมือง โดยใช้งานวิชาการเข้ามาช่วย อย่างที่อาจารย์ปุ่น กล่าวกับเรา ว่าเรากำลังร่วมกันออกเดินทาง ตอนนี้เราเราก็ร่วมกันเดินทางกันมาแล้ว 1 ปี ย้อนกลับไปก่อนที่จะเกิดโครงการ CIAP ขึ้นมา ตอนนั้นเรามีข้อเสนอจากทาง บพท. มาถึงทางสมาคมเทศบาลนครและเมือง เพราะเห็นว่าสมาคมฯ มีศักยภาพ และมองว่าน่าจะเป็นโอกาสสำคัญที่จะสามารถสร้างการวิจัยเชิงพื้นที่เพื่อนำไปสู่เป้าหมายการพัฒนาเมืองที่ชัดเจนได้ แล้วก็น่าจะสร้างตัวอย่างนําร่องให้กับท้องถิ่นทั่วทั้งประเทศ ซึ่งในวันนี้เรามีเทศบาลอยู่ทั่วประเทศกว่า 2,400 แห่ง เป็นเทศบาลเมืองและเทศบาลนครรวมแล้ว 225 แห่ง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เราก็สามารถคัดเลือกพื้นที่เฉพาะเจาะจงลงไปได้ และการที่สำคัญคือความตั้งใจ และความต้องการอยากร่วมมืองานของทางสมาคมที่เห็นประโยชน์กับการดำเนินการครั้งนี้ มีอยู่แล้วเป็นที่ตั้ง ตลอดการทำงานที่ผ่านมา เรามีนายกฯ จากหลายเมืองเข้าร่วม และเล็งเห็นประโยชน์ เพราะงานนี้เป็นงานวางรากฐานสร้างเมืองในระยะยาว แล้วก็สามารถที่จะเป็นประโยชน์กับพื้นที่ของทุกท่านในอนาคต แต่หัวใจสำคัญว่างานจะประสบความสำเร็จหรือไม่…
"เรามีโคม และเรามีคน คนลำพูนที่ช่วยกันทำโคมประดับเมือง ไม่ใช่แค่หลักร้อยหรือหลักพัน แต่เป็นหลักแสนดวง" นายกบุ่น - ประภัสร์ ภู่เจริญ ก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองลำพูนครั้งแรกในปี 2538 ขณะมีอายุเพียงสามสิบต้น ๆ นับเป็นหนึ่งในนายกเทศมนตรีที่อายุน้อยที่สุดในประเทศ ณ ขณะนั้น ด้วยพื้นเพจากครอบครัวนักธุรกิจ ประกอบกับทีมงานรุ่นใหม่ที่มีแนวคิดก้าวหน้า เขาได้ผลักดันให้ลำพูนซึ่งเคยเป็นเพียงเมืองเล็ก ๆ ที่หลายคนมองข้าม กลายเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา โดดเด่นทั้งในด้านศิลปวัฒนธรรมและคุณภาพชีวิตของผู้คนหนึ่งในผลงานที่เห็นได้ชัดคือการปรับปรุงภูมิทัศน์รอบคูเมืองโบราณให้กลายเป็นสวนสาธารณะที่ร่มรื่น ขยายพื้นที่สีเขียว…