ผศ. ดร.มณีรัตน์ วงษ์ซิ้ม
หัวหน้าโครงการโปรแกรมบ่มเพาะและเร่งรัดกระบวนการเพื่อมุ่งสู่เมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาดCIAP |
นายฉัตรกุล ชื่นสุวรรณกุล
ที่ปรึกษาโครงการ CIAP ประธานกรรมาธิการสถาบันพัฒนาเมือง และอดีตรองนายกเทศบาลเมืองสระบุรี
ในงาน CITY SOLUTION DAY : เปิดเมือง เปลี่ยนเมือง สู่อนาคตเมืองน่าอยู่27 กันยายน 2568 ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว กรุงเทพฯ
___
Keywords
– CIAP เฟสที่ 2 ดำเนินการโดยความร่วมมือของ บพท. สมาคมเทศบาลนครและเมือง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม และเครือข่ายมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ
– CIAP เฟสที่ 2 เริ่มแล้วกับ 27 เมือง รวมกับเมืองในเฟสที่ 1 (ปีพ.ศ.2567-68) อีก 18 เมืองรวมเป็น 45เมือง ปฏิบัติการทุกภาคทั่วประเทศ
– CIAP เฟสที่ 1 ได้พัฒนาความพร้อมและเครื่องมือการพัฒนาเมือง เช่น City Data Learning Platform, City Scan, 18 Technology 39 Urban Solution
– มีการจัดตั้ง ‘สถาบันพัฒนาเมือง’ เพื่อเป็นศูนย์กลางของการแลกเปลี่ยนเรียนรู้การพัฒนาเมือง
– กิจกรรม Workshop 5 วัน 4 คืน (20-24 ตุลาคม 2568) เพื่อจัดกระบวนการในการระบุปัญหา/โจทย์เมืองร่วมกันระหว่างผู้นำท้องถิ่น นักวิจัย และคณะทำงาน CIAP
____
ผศ. ดร.มณีรัตน์ วงษ์ซิ้ม
“ในเฟสแรกเรามีทั้งหมด 18 เทศบาล 18 เมือง และก็อีกหนึ่งโปรแกรมก็คือโปรแกรมบ่มเพาะที่เราดูแลอยู่ ซึ่งจะเห็นว่าในปีแรกในโจทย์ในการค้นเมือง หรือในการที่เล่าเรื่องเมืองของแต่ละเทศบาลอาจจะไม่เหมือนกัน ฉะนั้นในวันนี้ จะมีกลุ่มนักวิจัยที่เป็นทั้งกรอบวิจัย Housing และ Learning City รวมถึงงานเมืองในกรอบวิจัยเรื่องอื่นๆ เข้าร่วม วันนี้จึงอยากชวนทุกท่านมองภาพงานของ CIAP ให้ชัดเจนร่วมกัน และเตรียมการที่จะทํางานร่วมกันในเฟสที่ 2 ซึ่งจริงๆ แล้วหลายท่านอาจจะเคยทำงานเมืองหรือแก้ปัญหาเมืองหรือโจทย์เมืองร่วมกันมาแล้ว ซึ่งก็นำมาสู่การออกแบบโจทย์วิจัยในปีพ.ศ. 2569 ที่กำลังจะช่วยกันทำต่อไป”
“เราจะเห็นว่าใน CIAP เฟสที่ 1 เรามี Node ที่ดูแลภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคใต้ ซึ่งจริงๆแล้วก็ดูแลช่วยกันทั้งประเทศ แล้วก็เราทํางานหนักพอสมควร ต้องขอบคุณที่นักวิจัย และเจ้าหน้าที่เทศบาลต่างๆ ที่ทุ่มเทในการทํางานร่วมกับเราได้อย่างเข้มข้น ฉะนั้นก็จะเห็นว่าในเฟสที่ 1 จะมีทั้งหมด 18 เทศบาล แล้วก็จะมีโจทย์ที่เราทํางานร่วมกันทั้ง18 ที่ แล้วก็ในระยะที่ 2 ก็จะมีพื้นที่เพิ่มขึ้นรวมเป็น 45 พื้นที่ ซึ่งก็ได้ส่งใบสมัครกันเข้ามาเพื่อที่จะเข้าร่วมโครงการ และในวันนี้ก็คิดว่าทุกท่านน่าจะอยู่ในห้องนี้อยู่แล้ว ซึ่งต้องขอขอบคุณมากๆ ที่ให้ความสนใจในการแก้ปัญหาและพัฒนาโจทย์เมืองไปด้วยกัน โดยมีแบ็คอัพเป็นนักวิชาการ หรือนักวิจัยซึ่งได้รับโจทย์จากท่านนายก ต่อจากนี้เราต้องมาช่วยกันค้นหาความร่วมมือ และทำงานกันต่อในเฟสที่ 2 ซึ่งเราต้องตอบให้ได้ว่าเราจะแก้ปัญหาในเชิงพื้นที่อย่างไร
เราก็จะเห็นว่าในปีที่หนึ่งเราได้ส่งโครงการผ่านโปรแกรมบ่มเพาะฯ CIAP ให้ดำเนินการในพื้นที่ พอเกิดการขับเคลื่อน และมีผลความสำเร็จเราก็ส่งโครงการไปนำเสนอจนได้รับรางวัลระดับสากล ที่สิงคโปร์ได้รับรางวัลระดับนานาชาติ ที่ว่าด้วยการทํางานร่วมกันกับท้องถิ่น และประชาชนในเรื่องการพัฒนา และสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานของท้องถิ่น อันนี้ก็ให้เห็นภาพรวมว่าที่ผ่านมาเราสร้างความสำเร็จได้แล้วยังไรบ้าง
ในวันนี้เราจะมาดูกันเรื่องการรวบรวมข้อมูลเมือง ซึ่งทางรองฉัตรกูลจะได้อธิบายเพิ่มเติมว่าเรามีข้อมูลเมืองแล้วก็นํามาสู่ตัวที่เป็น Solution เมืองยังไงได้บ้าง ซึ่งอันนี้ก็ได้มาตั้งแต่การเริ่มทํางานหนึ่งปีที่ผ่านมาว่าตัวข้อมูลนั้นสามารถที่จะส่งต่อถึงการพัฒนาเชิงนโยบาย แล้วก็ตัวโจทย์แก้ปัญหาต้นทางได้ยังไง แล้วก็ตัวที่เรา Finding Solution เองมีใครเป็นกลไกในการคิดแก้ไขปัญหาเหล่านั้นร่วมกับเราอย่างไรบ้าง ซึ่งก็ได้ Data ทั้ง 18 เมืองต้นแบบ ก็จะเข้ามาสู่กลไกที่เราได้มี Solution ของเมืองด้วย
และปีนี้ในเฟสที่ 2 เราก็จะมีกลไกที่เราได้ถอดบทเรียนต่างๆ เหล่านี้มาเข้าสู่การทํางานร่วมกัน ซึ่งจริงๆ วันนี้ก็จะเป็นอีกหนึ่งกลไกที่ CIAP เราทําอยู่แล้วก็จะได้ให้ท่านได้ Matching ร่วมกับหน่วยงานเอกชนหรืองานพัฒนาที่เป็น Implementation ด้านหลังก็จะเห็นว่ามีตัว Platform หลายๆ Platform ที่เรานำมาเสนอให้ท่านชมเป็นตัวอย่าง ซึ่งเป็นหนึ่งในกลไกที่เราได้ทํามาในปีที่แล้ว แล้วก็ถ้าเทศบาลไหนอยากได้ตัวที่เป็น Platform หรือว่า Solution ที่เห็นว่าเป็นประโยชน์กับตัวที่เป็นเทศบาลท่านก็สามารถที่จะเข้าไปเรียนรู้หรือว่าถอดบทเรียนจากข้างหลังที่เราเคยทํามาแล้ว แล้วก็นําไปใช้ประโยชน์ต่อยอดได้เลย แล้วก็มีการติดตั้งอย่างเป็นรูปธรรม อย่างที่บอกว่า 18 ที่เรามีการติดตั้งในเรื่องของการทํางานFinding Solution ร่วมกัน เดี๋ยวจะได้เห็นภาพรวมอีกรอบหนึ่ง แล้วก็มีในเรื่องของ Feedback Loop อันนี้ก็จะเป็นตัวที่เป็นพาร์ทเทคโนโลยีที่เป็น 9 Hard technology แล้วก็ 18 Technology แล้วก็ 39 Urban Solution ที่เราทําไปแล้วก็มีตัวอย่างใน Case study หลายกรณี ซึ่งก็จะมีตั้งแต่ตัวที่เป็น City Marketplace, City system เรื่องของสิ่งแวดล้อม น้ําท่วม วันนี้ท่านนายกทุ่งสงมาก็จะมีกรณีศึกษาของท่านนายกด้วยว่ามีการแก้ปัญหาในเรื่องของภัยพิบัติยังไรบ้าง ซึ่งเป็นโจทย์ปี 2566 – 2567 ที่เราทําผ่านไปแล้วก็ตัวที่เป็น City Data Learning Platform อันนี้ก็จะเป็นตัว Solution แล้วก็ 13 เทคโนโลยีที่เราได้ถอดบทเรียนและนําไปสู่ตัวที่เป็นเทศบาลก่อนหน้านี้ จะขอให้ท่านรองฉัตรกุล เพิ่มเติมรายละเอียดให้พวกเราต่อไปค่ะ”
นายฉัตรกุล ชื่นสุวรรณกุล
“ตอนที่เราเริ่มโครงการเฟสที่ 1 หลายฝ่ายก็พูดตรงกันว่า ระบบข้อมูลเป็นเรื่องที่สำคัญมาก แล้วก็เมืองควรจะมีมุมมองที่มีลักษณะที่เฉพาะแล้วก็ไม่ใช่เป็นเรื่องทั่วไป แต่ว่าเป็นเรื่องที่จำเป็นที่จะต้องแก้ปัญหาแล้วก็เป็นปัญหาร่วมกันด้วย แล้วก็สามารถที่จะแก้ด้วยเมืองและก็ความร่วมมือต่างๆ ที่อยู่ภายในเมือง อันนี้เป็นโจทย์ที่สำคัญ ที่ในการทำงานน่ะ ผมคิดว่าอาจารย์อ้อมพูดไปพอสมควรเรื่องกระบวนการต่างๆ ใน CIAP ในระยะที่หนึ่งเองก็มีกระบวนการทำงานค่อนข้างหลากหลาย ทั้งเรื่องการจัดข้อมูลการรับฟังความเห็น การนำเทคโนโลยีมาช่วยในการแก้ปัญหา แล้วก็ร่วมตัดสินใจร่วม”
“ในขณะเดียวกัน บทบาทของผู้บริหารเมืองก็จำเป็นที่จะต้องมีบทบาทนำที่จะนำภาคีเครือข่ายต่างๆ ร่วมไปสู่การแก้ไขปัญหา ผมคิดว่าอันนี้เป็นหัวใจสำคัญที่ทำงานร่วมกัน ซึ่งผมมองว่าในช่วงเช้าหลายท่านก็ได้พูดเรื่องนี้ไปแล้ว ผมคิดว่าเวลาเราพูดถึงข้อมูล เราก็มักจะมองว่าเป็นเรื่องที่น่าปวดหัว เพราะว่าในระดับเมืองในระดับพื้นที่ ทุกศูนย์ราชการก็มักจะขอข้อมูลใช่ไหมครับ คือพยายามขอข้อมูลไปเรื่อยๆ ทุกหน่วยงานก็ขอข้อมูลทั้งสิ่งแวดล้อม สุขภาพ ภัยพิบัติต่างๆ แต่ว่ามันมักจะมาในรูปแบบที่แตกต่างกัน ทั้งรูปแบบ ทั้งเนื้อหาข้อมูล ระยะเวลาการรายงานต่างๆ ผมคิดว่าท่านที่มาจากเมืองในที่ทำงานในระดับเมืองก็เข้าใจดีว่ามันน่าปวดหัวเหลือเกิน ทาง CIAP เฟสที่ 1 ก็จะมี Platform ข้อมูลเมืองที่เรียกว่า City Data Platform ซึ่งก็พยายามที่จะทำระบบข้อมูลเข้ามา โดยทีมกลางจะคอยดูว่าจะจัดระบบข้อมูลยังไง เพื่อดูในรูปที่เป็นไฟล์ดิจิทัล แล้วก็สามารถที่นำไปวิเคราะห์ได้แล้วก็นำมาทับซ้อนกันแล้วสามารถมองในภาพรวมได้ในหลายๆ มิติ อันนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะว่าสามารถมองในรูปของแผนที่ ในรูปของพื้นที่ได้ อันนี้ทีมกลางก็มาช่วยในระยะที่หนึ่ง”
“ซึ่งผมคิดว่าเมืองต่างๆ ที่อยู่ในระยะที่ 2 ที่พูดถึงระยะที่ 2 ที่จะมาร่วมกันทำงาน ผมคิดว่าเมืองก็จะได้องค์ความรู้เกี่ยวกับเรื่องการจัดระบบ แล้วก็ระเบียบของข้อมูลในการที่จะเอาไปใช้ประโยชน์ได้ ซึ่งส่วนนี้เป็นส่วนที่จะช่วยสร้างความมั่นใจในการตัดสินใจเลือก 6ข้อปัญหาในการวิจัยตามปัญหาของเมือง แล้วก็นำไปสู่การแก้ปัญหาที่ถูกต้องตามที่เมืองต้องการ ผมคิดว่ากระบวนการจะเป็นแบบนี้ แต่ว่าเครื่องมือต่างๆ ที่ใช้นี่ ผมคิดว่าท่านที่เป็นนักวิจัยหรือท่านที่ทำงานในพื้นที่ก็จะเข้าใจอยู่ เพียงแต่ว่า CIAP เฟสที่ 1 ก็พยายามที่จะรวบรวมกระบวนการต่างๆ หลายกระบวนการ เข้ามาแล้วก็พยายามที่จะให้ทุกส่วนได้มีโอกาสที่ได้แสดงความคิดเห็นได้ ตัดสินใจร่วมกัน ผมเรียนว่าบางพื้นที่ใน CIAP ระยะที่หนึ่ง ท่านผู้บริหารก็เลือกแบบหนึ่ง แต่พอมีระบบการมีส่วนร่วมกันมาก มีการถกแถลงกัน มีการนำเสนอข้อมูลซึ่งกันและกัน หัวข้อการวิจัยก็เปลี่ยน นักวิจัยก็จะรู้สึกว่า เอ๊ะ เปลี่ยนอีกแล้ว แต่ว่านั่นแหละครับ คือความจริงที่เราต้องการที่จะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในระดับเมืองอย่างแท้จริง การถกเถียงและการตัดสินใจร่วมกันเป็นประเด็นที่สำคัญที่สุด”
“ผมขอแจ้งให้อาจารย์ทราบก่อนจากว่า CIAP เฟสที่ 1 เราได้ Loop of Learning เกิดขึ้น เราทราบแล้วว่าจะเคลื่อนอย่างไร ดังนั้นในเฟสที่ 2 กระบวนการจะเร็วขึ้น เพราะว่าในเฟสแรกเราเรียนรู้ได้มากพอสมควรว่า แล้วพอมาเป็นเฟสที่ 2 ตอนนี้เราไม่เริ่มจากนับหนึ่งแล้ว เพราะว่าเรามี Stock Data เก็บไว้ยังไง เราจัดการเก็บข้อมูลกับกลไกแบบไหน ตรวจสอบความพร้อมของข้อมูล หรือการทำ City scan แบบไหนบ้าง แล้วเราก็จะมีในเรื่องของตัวที่เป็นเช็คมาตรฐานข้อมูล แม้แต่ Data ต่างๆ ที่เกิดขึ้น แล้วหลังจากนั้นเราก็มีการทำในเรื่องของการจัดการข้อมูล หรือเราเรียกว่า Data cleansing ตามลำดับ”
ผศ. ดร.มณีรัตน์ วงษ์ซิ้ม
“ขอเสริมรองฉัตรกุลว่าหลังจากการนำเข้าข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์ข้อมูลเมือง เกิดผลลัพธ์เป็น Data Visualization ซึ่งช่วยเราในเรื่องการสังเคราะห์ข้อมูล และช่วยในเรื่องการตัดสินใจเมืองได้เร็วขึ้น ฉะนั้นผู้บริหารเองก็จะได้เห็น Data ที่มาจากข้อมูลที่เรา Input ลงไปว่ามาจากต้นทางยังไง แล้วก็สามารถนำข้อมูลนี้ส่งต่อไปยังการพิจารณานโยบาย หรือนำไปแก้ไขปัญหาในการทำงานเมืองได้ทันที และครอบคลุมมากขึ้น”
นายฉัตรกุล ชื่นสุวรรณกุล
“ผมขอเพิ่มมาจาก อ.อ้อมนิดนึง ใน CIAP ระยะที่หนึ่ง หัวข้องานวิจัยก็จะมีความแตกต่างหลากหลายกันมาก เมื่อเช้าทางอาจารย์ปุ่นก็พูดถึงเรื่องสีเขียว สีน้ำตาล สีเหลือง แล้วก็ซิลเวอร์ ใน 4 หัวข้อใหญ่ แต่ละเมืองก็จะในท้ายที่สุดจะเข้าไปอยู่ใน Track เหล่านี้ แล้วก็ทำงาน มันก็เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกัน เกิดกระบวนการที่เรียกว่าการตัดสินใจที่มีความแม่นยำมากขึ้น ในการที่จะแก้ปัญหาหรือการเลือกวิธีการหรือเลือก Solution ในการทำงานที่อธิบายไปข้างต้น จริง ๆ มีหลายเมืองในเฟสที่ 1 ได้ทำไปแล้ว อยู่ในลักษณะของงานวิจัยที่เป็นงานวิจัยปฏิบัติการ ผมขอยกตัวอย่างที่เทศบาลนครนนทบุรี ซึ่งเด่นเรื่อง Solutionเกี่ยวกับเรื่องการดูแลผู้สูงอายุ ที่เมืองทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ก็จะเด่นเรื่องการต่อยอดเติมเต็มเทคโนโลยี และการจัดการข้อมูลในการจัดการเรื่องภัยพิบัติน้ำ หรือที่เมืองปากเกร็ด จ.นนทบุรี ก็เป็นเรื่องการจัดน้ำเช่นกัน ซึ่งเมืองที่มีความคล้ายคลึงกันเราก็สามารถที่จะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ ที่สระบุรีผม เมื่อก่อนผมเป็นรองนายกเทศมนตรีที่สระบุรีด้วย ก็ทำเรื่องแผนการแก้ไขสภาวะเมืองหดตัว ซึ่งมีการหดตัวสูง มีประชากรที่ลดลง มีระบบทางธุรกิจที่เสื่อมถอยลงไป อันนี้ก็เป็นงานวิจัยที่เรียกว่าไปทำงานในพื้นที่ที่เป็นปัญหาจริงๆ”
“แล้วทั้งนี้ทั้งนั้นก็คืออย่างที่ผมเรียนว่าเรื่องข้อมูลเป็นเรื่องสำคัญในเฟสที่ 2 ขอเรียนให้อาจารย์และผู้บริหารเมืองทราบว่าในเฟสที่ 2 เมืองที่เข้ามาใหม่ก็จะมีกระบวนการในเรื่องการจัดเตรียมข้อมูลเช่นกัน ท่านที่เป็นผู้แทนมาในเฟสที่ 2 ก็จะมีกระบวนการทำฝึกอบรมในเรื่องการจัดเตรียมข้อมูลการ Cleansing ข้อมูลต่างๆ ทีมกลางก็จะช่วย รวมถึงกระบวนการทำงานต่างๆ เราก็จะมีการสร้างกระบวนการใหม่ที่เป็นบทเรียนจาก CIAP เฟสที่ 1 ซึ่งที่น้องๆ เตรียมโต๊ะอยู่ด้านหลังนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทำงานใน CIAP ในเฟสที่ 1 ซึ่งมีกระบวนการในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น มีส่วนร่วมระหว่างตัวที่เป็นหน่วยเอกชน รัฐ หรือกลุ่มพลเมืองที่ Implement งานเมืองอยู่แล้ว มันก็จะเกิดเป็นงานวิจัยที่สามารถแก้โจทย์ปัญหาของแต่ละเมืองอย่างมีส่วนร่วมได้จริงๆ”
“คืออยากจะเรียนอย่างนี้ ท่านที่มาจากเมือง รวมถึงท่านที่เป็นส่วนราชการ หรือว่านักวิจัย รวมถึงท่านที่สนใจ ผมเรียนอย่างนี้ว่างานวิจัยมันก็เหมือนห้องทดลอง ที่เราพยายามทดลองการแก้ไขปัญหาหรือพัฒนาเมืองด้วยวิธีการใหม่ๆ เพราะว่าในบางครั้งส่วนราชการจะใช้งบประมาณในการทดลองอะไรบางอย่างก็จะรู้สึกว่าไม่ค่อยปลอดภัย กลัวถูกเรียกเงินคืนต่างๆ นาๆ ผมคิดว่างานวิจัยก็จะเป็นเสมือนห้องทดลองที่ให้ทุกท่านได้ทดลองดูว่าถ้าเราจะแก้ปัญหาด้วยวิธีการที่เราคิดว่ามันเหมาะสมได้อย่างไร โดยมีทางบพท.ช่วยสนับสนุนงบประมาณ พวกเราก็มาช่วยกันดูว่าจะทำยังไงดี เราหาวิธีการในการจัดการปัญหานี้ยังไง ซึ่งถ้ามันประสบความสำเร็จก็จะเป็นผลดีกับเมือง แล้วก็เมืองอื่นด้วย ซึ่งในสภาวะปกติก็จะใช้เงินไปกับการทดลองทำงานแบบนี้ก็ไม่ได้ ผมเคยเป็นข้าราชการมา เราก็รู้ว่ามันไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่ แต่ว่าด้วยงานวิจัยเราก็จะช่วยทำให้เราสามารถที่จะได้ค้นหาปัญหาและแก้ไขปัญหาได้ชัดเจนมากขึ้น”
ผศ. ดร.มณีรัตน์ วงษ์ซิ้ม
“ในเฟสแรก 18 เมืองที่ทำงานมา ก็สามารถเป็นพี่เลี้ยงให้กับเพื่อนเมืองเฟสที่ 2 แล้วก็อาจเอาโจทย์ใหม่เข้ามาในเฟสที่ 2 ด้วยคราวนี้ พอ CIAP ระยะที่ 2 ก็จะมี 27 เมืองที่ยื่นใบสมัครเข้ามาเพื่อที่จะเข้าร่วม ซึ่งในกรอบของเฟสที่ 2 เราจะมีการจัดอบรมหลักสูตร 5วัน 4 คืน ซึ่งเดี๋ยวจะแจ้งให้ทุกท่านทราบอีกรอบหนึ่งว่าเราจะทำอะไรร่วมกัน แล้วก็อาจจะหาโจทย์ที่ท่านอยากจะแก้ปัญหาในเทศบาลของท่าน ซึ่งอาจจะคล้ายกันหรือไม่เหมือนกันก็ได้ เราก็อาจจะแลกเปลี่ยนที่เป็นประสบการณ์ร่วมกัน แล้วก็เขียนข้อเสนอ โครงการมุ่งเป้าในการพัฒนาแต่ละเมืองของท่านไปในโจทย์ที่เป็น 4 ยุทธศาสตร์ที่อาจารย์ปุ่นพูดตอนเช้า แล้วก็ระยะเวลาในการทำโครงการคงจะมี 6 เดือนในการทำงานร่วมกัน”
นายฉัตรกุล ชื่นสุวรรณกุล
“ท่านผู้แทนที่มาจากเมืองก็ไม่ต้องกังวลใจ คือ CIAP จะมีทีมกลางเหมือนทีมหลังบ้านที่คอยสนับสนุนหากท่านติดขัด หรือมีคำถามอะไรก็สามารถที่จะช่วยในการตอบคำถาม ช่วยประสานงาน หรือท่านต้องการข้อมูลอะไรก็ช่วยได้ ท่านก็ไม่ต้องกังวลใจ ในเฟสที่ 1 อาจจะมีความขลุกขลักบาง แต่ในเฟสที่ 2 การทำงานจะเร็วขึ้น”
ผศ. ดร.มณีรัตน์ วงษ์ซิ้ม
“ทาง CIAP เราได้เห็นข้อจำกัด เห็น Pattern บางอย่าง และเราได้เห็นประสบการณ์ แล้วก็จะทำให้เฟส 2 ก็จะทำงานได้เร็วขึ้น คราวนี้ก็จะไปเข้าสู่กรอบตัวที่เป็นเฟสที่ 2 เพื่อที่จะให้ทุกท่านเห็นว่าเรามีอยู่ 4 กรอบที่เป็น Green, Brown, Silver, Yellow ซึ่งในแต่ละเทศบาลได้ส่งไปสมัครแล้วก็เลือกแต่ละกรอบมาแล้ว ซึ่งบางเทศบาลก็เลือกมากกว่าหนึ่งกรอบ ซึ่งในการ Workshop 5 วัน 4 คืนนั้นเดี๋ยวเราจะต้องไปช่วยกันหาโจทย์ที่แท้จริงว่าเราอยากจะแก้ปัญหาอะไรกันแน่ในงบประมาณที่จำกัด แล้วก็ในระยะเวลาที่จำกัด แล้วก็หลังจากนั้นเราก็จะมีกลไกกระบวนการเพื่อให้ได้ข้อมูลต่างๆ ออกมาเพื่อที่จะช่วยกันขยายผลในเรื่องของการทำงานเทศบาลที่เข้ามาใหม่ แล้วก็เทศบาลเก่าร่วมเข้าไปด้วย แล้วก็จะมีตัวที่เป็น Research innovation แล้วก็ Platform ที่ออกจาก CIAP 1 บวกกับ CIAP 2”
นายฉัตรกุล ชื่นสุวรรณกุล
“ในช่วงการฝึกอบรม 5 วัน 4 คืน ผมอยากจะเรียนอย่างนี้ สำหรับเมืองที่เข้าร่วม ก็คือว่าท่านก็พยายามเตรียมบุคลากรที่มีความหลากหลาย ทั้งเรื่องการจัดทำแผน หน่วยที่ทำหน้าที่รวบรวมข้อมูล หรือการค้นหาข้อมูลต่างๆ อย่างเช่น คนจากกองยุทธศาสตร์และแผนของเทศบาล แล้วก็คนที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับเรื่องการประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ในส่วนราชการ ในเฟสที่ 1 เราพบว่ามีปัญหาบางอย่างในเรื่องการที่จะรวบรวมข้อมูล ซึ่งส่วนนี้จริงๆ ก็เป็นส่วนที่ใช้เวลาเยอะ เราพยายามที่จะลดเวลาเหล่านี้ลง โดยการพยายามที่จะมีการพูดคุยกับเมืองต่างๆ ที่สมัครเข้ามา เพื่อที่จะให้การทำงานนั้นมีความราบรื่นมากขึ้น เมื่อท่านได้ข้อมูลมาแล้วมาถึงตอนอบรมมันก็จะเร็วขึ้น”
“ที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยกับนักวิจัย รวมถึงได้มีการพูดคุยระหว่างเมืองต่างๆ ด้วยกันเอง ที่เขามีประสบการณ์ หรือเมืองที่เขาเคยเข้าร่วมมาแล้ว ซึ่งวันนี้ท่านอาจจะไปอยู่กลุ่มด้วยกัน เป็นกลุ่มเพื่อนเมือง 23 เมือง ที่มีแนวคิดหรือวิธีการทำงานที่คล้ายกัน ก็สามารถที่จะช่วยพัฒนาวิธีคิดไปได้เร็วขึ้น สามารถช่วยเหลือกันได้มากขึ้น ก็จะมีนักวิจัยพี่เลี้ยง แล้วก็นักวิจัยที่เคยทำในพื้นที่มาแล้วมาคอยเป็นพี่เลี้ยงให้ท่าน”
ผศ. ดร.มณีรัตน์ วงษ์ซิ้ม
“อยากจะบอกว่าทุกท่านไม่ต้องกังวลใจ เรามั่นใจได้เลยว่ากระบวนการต่างๆ ที่ใส่เข้าไปจะช่วยทำให้เมืองขับเคลื่อนร่วมไปกับนักวิจัยได้ราบรื่นมากขึ้น ในช่วงต้นของการเริ่มงานเฟสที่ 2 ก็อยากจะเชิญชวนทุกท่านช่วยกันค้นหาโจทย์เมืองของเราให้พบ ใช้โอกาสวันนี้ที่เรามาพบกัน หารือแลกเปลี่ยน ถือว่าเป็นการเริ่มกลไกที่มีพวกเราทำงานร่วมกันในวันนี้ และต่อไปในอนาคตค่ะ ขอบพระคุณทุกท่านมากนะคะ”
ติดตามการขับเคลื่อนงานวิจัยเพื่อการพัฒนาเมือง ได้ที่ งานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อพัฒนาพื้นที่ บพท.
#โปรแกรมการบ่มเพาะและเร่งรัดกระบวนการเพื่อมุ่งสู่เมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด#สมาคมเทศบาลนครและเมือง#มหาวิทยาลัยมหาสารคาม#pmua#ciap#wecitizens#thecityleaders
การบรรยายในหัวข้อ “ภาพรวมการขับเคลื่อนงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาเมืองน่าอยู่และการกระจายศูนย์กลางความเจริญของหน่วย บพท.” โดย รศ.ดร.ปุ่น เที่ยงบูรณธรรม รองผู้อำนวยการฝ่ายแผนและยุทธศาสตร์องค์กร หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ในงาน City Solution Days: เปิดเมือง เปลี่ยนเมือง สู่อนาคตเมืองน่าอยู่ วันที่…
“ในฐานะที่เป็นนายกเทศมนตรีเมืองร้อยเอ็ด และในฐานะนายกสมาคมเทศบาลนครและเมือง ซึ่งในสมาคมเรามีสมาชิกที่ประกอบไปด้วย เทศบาลนครประมาณ 35 แห่ง และ เทศบาลเมืองประมาณ 220 แห่ง ผมอยากเชิญชวนพวกเรามองเมืองของเราไปด้วยกัน โจทย์วันนี้ของประเทศไทย ถ้าให้เปรียบเทียบก็เหมือนเราเป็นคนที่มีจมูกรูเดียว พึ่งพาส่วนกลาง และเดินทางมาอย่างนี้มาโดยตลอด จนมีการกระจายอำนาจเมื่อปี 2540 แต่ก็เป็นการกระจายอํานาจค่อนข้างที่จะเป็น ลูกครึ่งลูกผสม คือมีรัฐบาลคอยกําหนดกรอบทั้งการปฏิบัติงานและงบประมาณ ท้องถิ่นก็ทำงานในระดับพื้นที่ไป จริงอยู่ว่าเรื่องนี้จะไม่ได้เป็นอุปสรรคปัญหาต่อการพัฒนาเชิงพื้นที่เท่าไหร่ โดยเฉพาะกับกลุ่มผู้บริหารท้องถิ่นที่มีความตั้งใจจริง และแสวงหาโอกาสที่อยากจะพัฒนาบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเองอย่างตลอดเวลา วันนี้สมาคมเทศบาลนครและเมือง มีโอกาสรวมตัวกันในการที่จะแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ แล้วหาช่องทางในการที่จะส่งเสริมต่อยอด ซึ่งในปีพ.ศ.2567 ก็เกิดความร่วมมือกับทาง บพท.…
ชวนอ่าน WeCitizens เมืองเชียงราย : เมืองนวัตกรรมการเกษตร Ebook ได้ที่ https://anyflip.com/jnmvd/iyvl/ Download PDF File : https://drive.google.com/.../1mQO8ZR9GTik02hfUPdS.../view... บอกเล่าเรื่องราวมุมมองเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด (Livable…
คนนครวัย 30 ปีขึ้นไปน่าจะคุ้นกับร้านหนังสือ “นาคร-บวรรัตน์” บนถนนราชดำเนิน ย่านท่าวัง ที่นี่คือร้านหนังสืออิสระที่เป็นพื้นที่จัดกิจกรรมอ่าน-เขียน และแสดงผลงานศิลปะ รวมถึงเป็นศูนย์รวมของนักเขียนและศิลปิน ทั้งจากกลุ่มวรรณกรรม “นาคร” เหล่านักเขียนรางวัล และศิลปินแห่งชาติที่แวะเวียนมาอยู่เสมอ จนกลายเป็นแรงขับสำคัญที่ทำให้เมืองนครมีชื่อในฐานะเมืองแห่งนักเขียนและศิลปิน อดีตร้านหนังสือแห่งนี้ตั้งอยู่ภายใน…
สมัยก่อนพ่อเป็นนายหนังตะลุงที่หวงวิชามากจนมีโอกาสเข้าเฝ้าในหลวง ร.9คำตรัสของพระองค์ท่าน เปลี่ยนความคิดพ่อไปอย่างสิ้นเชิง “สมัยก่อน นายหนังหรือผู้แสดงหลักในหนังตะลุง ส่วนใหญ่เขาจะหวงวิชามากนะครับ มันเหมือนศิลปะการแสดงที่ถ่ายทอดกันอย่างจำกัด และนายหนังแต่ละคนก็จะมีศาสตร์เฉพาะตัวในการแสดงเช่นเดียวกับคุณพ่อของผม (สุชาติ ทรัพย์สิน) แกก็เป็นคนหวงวิชามาก ๆ ใครมาขอให้สอนตอกหนังหรือเชิดหุ่นนี่ยาก กระทั่งปี 2527…
เมืองเรามีสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่มีความพร้อม แต่พื้นที่ระดับชุมชนที่ชาวบ้านได้มาจัดกิจกรรมร่วมกัน แบบที่ไม่ต้องใช้พื้นที่ถนนสาธารณะน่ะ ยังไม่มี ถ้ามีจะดีมาก ๆ “ครอบครัวพี่แต่เดิมเป็นชาวนาอยู่นอกเขตเทศบาล กระทั่งพี่ชายและพี่สาวสอบติดโรงเรียนกัลยาณีศรีธรรมราช แม่ก็เลยตัดสินใจย้ายเข้ามาทำงานในเมืองแม่มาปลูกบ้านอยู่แถวถนนพัฒนาการคูขวางราวปี 2521 ก่อนหน้าที่เขาจะตัดถนนเป็น 4 เลน ย่านที่เราอยู่ค่อนข้างเสื่อมโทรม เหมือนขยะใต้พรมของเมือง…