ร้อยเอ็ดอยู่ห่างจาก ‘สะดืออีสาน’ พื้นที่ที่ถูกปักหมุดให้เป็นจุดศูนย์กลางของภาคอีสานในอำเภอโกสุมพิสัย มหาสารคาม เพียง 60 กิโลเมตร ในตำนานอุรังคธาตุ (ตำนานพระธาตุพนม) กล่าวว่า ‘สาเกตนครร้อยเอ็ดประตู’ (ชื่อเดิม) เมืองนี้ มีประตูเท่าจำนวนเมืองขึ้น ‘ร้อยเอ็ดเมือง’ สะท้อนให้เห็นความรุ่งเรืองจากการเป็นศูนย์กลางอำนาจและการคมนาคมของภูมิภาคมาตั้งแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ 21อีกทั้ง ส่วนหนึ่งของพื้นที่ยังเป็นที่ตั้งของทุ่งกุลาร้องไห้ ที่ราบขนาดใหญ่กว่า 2 ล้านไร่ ทำให้ในเวลาต่อมา ร้อยเอ็ดจึงเป็นอู่ข้าวที่ผลิตข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาที่ใหญ่ และมีผลิตผลที่ดีที่สุดในโลก
แม้มีภูมิหลังที่รุ่งเรือง กระนั้น ตลอดหลายทศวรรษหลัง พร้อมไปกับการเติบโตของจังหวัดขอนแก่นในฐานะศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคอีสาน ร้อยเอ็ดจึงตกอยู่ในสถานะเมืองรอง และถูกจดจำในฐานะเมืองแห่งการเกษตรเมืองหนึ่ง ขาดไร้ภาพจำใด ๆ ที่ช่วยดึงดูดผู้คนให้มาเยือนอย่างน่าเสียดาย
อย่างไรก็ดี ภายหลังที่ บรรจง โฆษิตจิรนันนท์ เข้ารับตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองร้อยเอ็ด ในปี 2538 จุดเปลี่ยนสำคัญก็มาถึง เมื่อแผนการทำร้อยเอ็ดให้น่าอยู่และน่าเที่ยวถูกบรรจุไว้ในแผนพัฒนาเมือง ภูมิทัศน์ของเมืองร้อยเอ็ดค่อย ๆ เปลี่ยนไป ทั้งการบูรณะบึงพลาญชัย การสร้างประตูเมืองจำลอง ‘สาเกตนคร’ ให้เป็นสัญลักษณ์และเชื่อมร้อยกับประวัติศาสตร์เมือง การปรับปรุงภูมิทัศน์คูเมืองโบราณให้น่ามองไปพร้อมกับเพิ่มพื้นที่สีเขียว ไปจนถึงเมกกะโปรเจกต์ที่เปิดทำการในปี 2563 อย่าง ‘หอโหวด ๑๐๑’ แลนด์มาร์คแห่งใหม่ ที่เกิดจากการนำรูปลักษณ์ของเครื่องดนตรีพื้นถิ่นที่คิดค้นโดยคนร้อยเอ็ดอย่าง ‘โหวด’ มาพัฒนาเป็นหอชมเมืองสีทองอร่ามสูง 101 เมตร ใจกลางเมือง
จากเมืองรองที่ถูกจดจำในฐานะทางผ่าน และไร้ซึ่งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติคอยดึงดูดผู้คน ปัจจุบันหอโหวดได้รองรับผู้มาเยือนร้อยเอ็ดเฉลี่ยปีละไม่น้อยกว่า 5 แสนคน (ทำรายได้ในการเก็บบัตรเข้าชมกว่า 101 ล้านบาทในปี 2565) และกลายมาเป็นจุดเริ่มต้นของการพลิกฟื้นเศรษฐกิจภายในเขตเทศบาล และการพัฒนาเมืองใหม่อย่างมีนัยสำคัญมาถึงปัจจุบัน
WeCitizens ฉบับนี้ พาทุกคนไปทำความรู้จักร้อยเอ็ด พร้อมกับสำรวจวิสัยทัศน์ของทีมนักบริหารเมือง ที่ผสมผสานงานวิจัยการพัฒนาเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด (Smart Living City) เพื่อใช้เป็นเครื่องมือกระตุ้นเศรษฐกิจ ไปพร้อมกับรักษาอัตลักษณ์เมืองเก่าอันงามสง่าเมืองนี้ไว้ต่อไป
WeCitizens ฉบับนี้ พาทุกคนไปทำความรู้จักร้อยเอ็ด พร้อมกับสำรวจวิสัยทัศน์ของทีมนักบริหารเมือง ที่ผสมผสานงานวิจัยการพัฒนาเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด (Smart Living City) เพื่อใช้เป็นเครื่องมือกระตุ้นเศรษฐกิจ ไปพร้อมกับรักษาอัตลักษณ์เมืองเก่าอันงามสง่าเมืองนี้ไว้ต่อไป
อ่าน WeCitizens เมืองร้อยเอ็ด (E-book) ได้ที่ https://anyflip.com/jnmvd/zpam/
“คำว่า ‘ร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ’ คือสำนวนที่แปลว่า ‘ทั่วทุกแห่งหน’ขณะที่ ‘เจ็ดย่านน้ำ’ บ่งบอกถึงพื้นที่ ‘ร้อยเอ็ด’ ก็หมายถึงปริมาณที่มากมายมหาศาล ทั้งนี้ ในบริบทการพัฒนาเมือง ‘ร้อยเอ็ด’ อาจสื่อนัยถึงการยกระดับเศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตคนร้อยเอ็ด ให้ดีขึ้นอย่างครอบคลุมทั่วทุกแห่งหน”
๑๐๑ เมืองเศรษฐกิจดีเกินร้อย
สอดรับไปกับการแผนพัฒนาเมืองร้อยเอ็ดในด้านเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของผู้คนในเขตเทศบาลเมือง ผ่านการยกระดับสิ่งแวดล้อมและศิลปวัฒนธรรม โครงการวิจัยภายใต้โปรแกรมบ่มเพาะและเร่งรัดกระบวนการเพื่อมุ่งสู่เมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด ในชื่อ โครงการเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด ร้อยเอ็ดคนดี เชื่อมโยงโครงข่ายเศรษฐกิจ ด้วยการเดินบนความปลอดภัยและทันสมัย เศรษฐกิจดีเกินร้อย: การยกระดับนิเวศเศรษฐกิจของเมืองร้อยเอ็ด ก็เป็นเหมือนเป็นเครื่องมือสำคัญในการส่งเสริมให้เทศบาลร้อยเอ็ดบรรลุเป้าหมายที่วางไว้
โครงการดังกล่าวขับเคลื่อนโดย ผศ. ดร.ชัญญรินทร์ สมพร ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด และคณะ ร่วมกับนายกเทศมนตรีเมืองร้อยเอ็ด บรรจง โฆษิตจิรนันนท์ โดยมีเป้าหมายพัฒนาเมืองร้อยเอ็ดให้น่าอยู่ที่เชื่อมโยงกับการพัฒนาชุมชน/ท้องถิ่น โดยการพัฒนาพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา เมืองแห่งการเรียนรู้ (Learning City) พื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ และเมืองชายแดน พร้อมทั้งพื้นที่ทดลองนวัตกรรมเชิงนโยบาย (Policy Sandbox) เพื่อกระจายความเจริญทางเศรษฐกิจและสังคม ให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยใช้วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
ในส่วนของการดำเนินการวิจัย ได้แบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอน ได้แก่ 1) ศึกษาและวิเคราะห์ศักยภาพของเมือง ผ่านการสัมภาษณ์ตัวแทนชุมชนต่าง ๆ ทั้ง 20 ชุมชน และเครือข่ายผู้ประกอบการในเขตเทศบาล รวมถึงกระบวนการการประชุมกลุ่มเน้น (Focus Group Discussions) เพื่อสำรวจและค้นหาผลิตภัณฑ์ของเมืองที่โดดเด่น เครือข่ายของผู้คนที่จะมาร่วมพัฒนาเมือง รวมถึงจุดแข็ง และจุดอ่อนของเมือง 2) พัฒนากรอบแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจเมืองร้อยเอ็ดสู่เมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด เชื่อมโยงโครงข่ายเศรษฐกิจด้วยการเดินเท้าบนความปลอดภัยและทันสมัย โดยกระบวนการนี้ยังรวมถึง กิจกรรม ‘Hack เมือง’ นำ City Data มาแชร์กับผู้คน เพื่อเกิดกระบวนการร่วมออกแบบ (Co-Design) การสร้างข้อตกลงร่วมกัน (Consensus building) และนำไปสู่กิจกรรมการลงมือพัฒนาเมืองร่วมกัน (Collaborative) เป็นการกำหนดนโยบายการพัฒนาเมืองแบบจากล่างขึ้นบน (bottom up) ที่สะท้อนความต้องการของผู้คนในเมืองอย่างแท้จริง 3) พัฒนากรอบแนวทางการยกระดับนิเวศเศรษฐกิจเมืองร้อยเอ็ดสู่เมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด และ 4) เพื่อขับเคลื่อนและดำเนินกิจกรรมโปรแกรมบ่มเพาะ ตลอดจนเร่งรัดกระบวนการเพื่อมุ่งสู่เมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาดให้มีการส่งเสริมสนับสนุนให้เกิดการลงทุนระดับพื้นที่เมืองร้อยเอ็ด
ทั้งนี้ นอกจากผลลัพธ์ของโครงการวิจัยที่เป็น City Data แผนพัฒนาเมืองร้อยเอ็ดที่มีความน่าอยู่ที่ชาญฉลาด (แผน 3 ระยะ) และโปรแกรมบ่มเพาะการพัฒนาเมือง เพื่อให้เทศบาลฯ นำไปกำหนดเป็นนโยบายการพัฒนาเมืองต่อไป รูปธรรมของโครงการดังกล่าวยังปรากฏอยู่ในเชิงรูปธรรมผ่านการบรรจุข้อมูลของเมืองที่ได้ในแอปพลิเคชั่น ‘ร่วมเรียน’ และ ‘ร่วมค้า’ ที่ทีมนักวิจัยพัฒนาผ่านงบสนับสนุนจาก บพท. ปีที่แล้ว เป็น open source data เพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึงข้อมูล รวมถึงการสร้าง Eco Room 101 ภายในหอโหวดกลางใจเมือง ซึ่งทำหน้าที่เป็นพื้นที่กลางสำหรับการกระจายข่าวสาร แลกเปลี่ยนข้อมูล ไปจนถึงจัดเวิร์กช็อปกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเมืองทางด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และศิลปวัฒนธรรม เกิดเป็นแพลทฟอร์มข้อมูลและกิจกรรมสำหรับคนในเมืองทั้งรูปแบบ online และ offline ต่อไป
วัตถุประสงค์ของโครงการวิจัยร้อยเอ็ดเมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาด
ติดตามความก้าวหน้าโครงการฯ ได้ที่
สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด
https://www.facebook.com/researchreru
อ่าน WeCitizens เมืองนนทบุรีน่าอยู่ที่ชาญฉลาด Ebook ได้ที่ https://anyflip.com/jnmvd/zria/ Download PDF File : https://drive.google.com/file/d/1i8cV4rE0UCSgzDUjU4nk52TxKjp1Tnyo/view?usp=share_link บอกเล่าเรื่องราวมุมมองเมืองน่าอยู่ของคนเมืองนนทบุรี นำโดย นายกฯ สมนึก ธนเดชากุล นายกเทศมนตรีนครนนทบุรี (ดำรงตำแหน่ง มีนาคม 2564-…
จากแพลตฟอร์มดูแลสุขภาพสู่เป้าหมาย Healthy City “ระบบติดตามผลสุขภาพเวชศาสตร์วิถีชีวิตนครนนท์จะทำให้การดูแลสุขภาพของคนนนท์เป็นเรื่องง่าย และมีแรงจูงใจ”WeCitizens สนทนากับ รศ. ดร.สมพร คุณวิชิต อาจารย์ประจำสาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ถึงบทบาทในการขับเคลื่อนงานวิจัย “การบ่มเพาะและเร่งรัดกระบวนการเพื่อมุ่งสู่เมืองน่าอยู่ที่ชาญฉลาดและการยกระดับบริการสาธารณะด้านสุขภาวะสำหรับผู้สูงวัยในพื้นที่เทศบาลนครนนทบุรี”จากนักวิจัยชั้นแนวหน้าด้านการจัดการภัยพิบัติ และการศึกษา…
“จะว่าไป ชุมชนศรีพรสวรรค์ 2 ที่พวกเราอาศัยอยู่ ก็เป็นชุมชนของคนตลาดก็ว่าได้ เพราะอยู่ใกล้ตลาดฐานเพชรนนท์ ซึ่งเป็นตลาดค้าส่ง-ปลีกที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในจังหวัด นับว่าเป็นการสืบต่อกันจากรุ่นสู่รุ่น ปู่ย่าตายายเคยขายของที่ตลาดนี้ ก็ส่งต่อให้ลูกหลาน ต่อเนื่องกันมาเป็นสิบ ๆ ปี หลายครอบครัวอยู่ที่นี่ก่อนท่านนายกฯ (นายกเทศมนตรี)…
“ชุมชนโยกย้ายตั้งอยู่ที่ตำบลสวนใหญ่ ไม่ไกลจากท่าน้ำนนท์ บ้านเราเป็นทาวน์เฮาส์ริมถนนพิบูลสงคราม ตรงข้ามตลาดเทศบาลนนทบุรีเดิมพื้นที่นี้เคยเป็นสวนทุเรียน ก่อนจะกลายมาเป็นศูนย์ราชการเมืองนนท์ กระทั่งมีการย้ายศาลากลางออกไปและเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ ส่วนพื้นที่รอบ ๆ ก็กลายเป็นตลาดเก่าที่ค่อย ๆ ซบเซา โดยเฉพาะหลังโควิด-19 ที่ทำให้พื้นที่ตรงนี้ดูเหมือนจะค่อย ๆ ตายลง…
“ผมเกิดและโตที่ชุมชนวัดทางหลวง อยู่กันมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายายเลยครับ แม่ผมเคยเป็นอาสาสมัครชุมชน พอท่านอายุมากขึ้น—แปดสิบกว่าปีแล้ว—ผมก็เลยไปช่วยแทนบ้าง ไปประชุมบ้าง ทำกิจกรรมชุมชนบ้าง ไป ๆ มา ๆ ก็เลยกลายเป็นกรรมการชุมชน และสุดท้ายก็เป็นประธานชุมชน หลัก ๆ ผมทำธุรกิจขายหมูฝอย…
"ความน่าอยู่ของนนทบุรีคือความเป็นเมืองใหญ่ที่ใกล้กรุงเทพฯแต่ยังคงแฝงไว้ด้วยบรรยากาศแบบชนบทที่เรียบง่ายป้าก็หวังว่าเราจะสามารถรักษาเสน่ห์นี้ไว้ได้ต่อไป" “ชุมชนวัดลานนาบุญ ตั้งอยู่ในตำบลตลาดขวัญ เขตเทศบาลนครนนทบุรี เป็นชุมชนชาวสวนดั้งเดิม โดยมีลำคลองสายสำคัญสองสายไหลผ่าน ได้แก่ คลองบางตะนาวศรี ซึ่งเป็นคลองสายใหญ่ที่ไหลออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยา และคลองบางขวาง ซึ่งเป็นคลองสายเล็กตัดผ่านกลางซอย ชาวบ้านในชุมชนแทบทุกหลังคาเรือนจะมีคลองสองสายนี้ไหลผ่านใกล้บ้าน จึงเป็นชุมชนใกล้เมืองที่ยังคงรักษาวิถีชีวิตดั้งเดิมและความเป็นธรรมชาติไว้ได้เมื่อก่อนชาวบ้านนิยมปลูกทุเรียนกันมาก แต่ช่วงหนึ่งความนิยมซบเซาลง จึงหันไปปลูกผลไม้อื่น…